ปชป.ตั้งทีมทนาย 7 คน ดูแลสำนวน 7 ส.ส. ปมถือหุ้นสื่อ "ราเมศ" ลั่น ไม่หนักใจ ขอสู้ด้วยความจริง ยกเจตนารมณ์ รธน. 98(3) ห้ามถือหุ้นสื่อป้องกันได้เปรียบเสียเปรียบช่วงเลือกตั้ง ติง"อนาคตใหม่"หยุดให้ความเห็นกดดันการปฏิบัติหน้าที่ศาลรธน.
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ที่หอประชุมทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าคณะทนายความต่อสู้คดีที่มีผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ ส.ส. แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการสู้คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 7 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถือหุ้นในบริษัทที่จดทะเบียนวัตถุประสงค์ประกอบกิจการสื่อ ว่าทาง พรรคน้อมรับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่รับวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว โดยวันนี้มีการเรียกประชุมให้ส.ส.ทั้ง 7 คนยื่นคำชี้แจงภายใน 15 วันนับจากได้รับสำเนาคำร้อง ทั้งนี้ไม่มีความหนักใจในการต่อสู้คดี เพราะไม่มีการประกอบกิจการสื่อสามวลชน มีการเตรียมพยานหลักฐานครบ 100 % แล้วรอเพียงสำเนาคำร้องจากศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่เรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีมาตรฐานเดียวกันในกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงคือแม้จะใช้รัฐธรรมนูญมาตราเดียวกันคือ 98 (3) แม้จะเหมือนกับกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แต่แตกต่างกันในข้อเท็จจริง จึงเรียกร้องไปยังพรรคอนาคตใหม่ว่า อย่ามีพฤติกรรมกดดันการปฏิบัติหน้าที่ของศาลัฐธรรมนูญ ขอให้สู้ด้วยความจริง ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะต่อสู้ในเรื่องเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) ว่า กรณีการห้ามถือหุ้นสื่อ เป็นการป้องกันการได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขัน เพราะหากมีผู้ลงสมัครเป็นเจ้าของสื่อก็จะได้เปรียบ จึงเขียนมาตรานี้เพื่อป้องกันให้ทุกคนแข่งขันกันอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้จะมีการชี้แจงวัตถุประสงค์ในหนังสือบริคณห์สนธิว่าเข้าข่ายประกอบกิจการสื่อจริงหรือไม่ รวมถึงจะนำเอกสารยืนยันให้เห็นว่าไม่เคยมีการยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตดำเนินกิจการสื่อสารมวลชน อีกทั้งไม่มีรายได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการสื่อสารมวลชนด้วย ซึ่งแต่ละบริษัทจะมีการจัดทำงบดุลแสดงรายได้ที่ชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งนี้ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ จะมีสอบข้อเท็จจริงเป็นรายกรณี เพื่อเดินเครื่องในการทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอย่างเต็มรูปแบบ
"ผมยืนยันพร้อต่อสู้คดีใช้ความจริงต่อสู้ ไม่หนักใจเคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ผิดว่าตามผิดถูกว่าตามถูก จากนี้เป็นดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ หลังได้รับสำเนาคำร้องแล้วจะแยกทำเป็นรายสำนวน เนื่องจากข้อเท็จจริงแต่ละท่านแตกต่างกัน " นายราเมศ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณาคุณสมบัติ กรณีที่มีข้อสงสัยว่ามีการถือหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชน ประกอบด้วย
1.นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง เขต 1
2. นายอัศวิน วิภูศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
3. นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ ส.ส.พังงา เขต1
4.นายภานุ ศรีบุศยกาญจน์ ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต1
5.น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต3
6. นายสมชาติ ประดิษฐพร ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 4 และ
7.น.ส.จิตรภัสร์ กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี