ชาวอำเภอนางรอง ร้องผู้ตรวจฯสอบอธิบดีกรมศิลปากร กลับลำวินิจฉัย“สระน้ำหนองรี” ไม่เป็นโบราณสถาน ไฟเขียวรพ.สร้างลานจอดรถได้ ปูดมีคนขนขยะแอบถมสระ  ทั้งที่ช่วงก.พ.“รองอธิบดีกรมศิลป์-ผอ.สำนักศิลปากร โคราช”มีหนังสือถึงผู้ว่าฯบุรีรัมย์ ระบุว่าเป็นสระน้ำโบราณมีความสัมพันธ์ร่วมสมัยกับปราสาทพนมรุ้ง เมืองต่ำและเมืองตลุง

28 มิถุนายน ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้าน   สภาวะโลกร้อน พร้อมชาวบ้านอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เข้ายื่นหนังสือถึงผู้ตรวจฯ ผ่านนายวทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการผู้ตรวจฯ ขอให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 231 และมาตรา 232 เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีอธิบดีกรมศิลปากรวินิจฉัยว่า “สระน้ำหนองรี” อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ 50 ไร่ ซึ่งเคยขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสระน้ำโบราณเมืองนางรอง ตามที่นายจารึก วิไลแก้วผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมศิลปากร ว่าตรวจสอบพบว่าบริเวณพื้นที่ตั้งโครงการและบริเวณรอบที่ดินสาธารณะประโยชน์“สระหนองรี”ในรัศมี 10กม.พบแหล่งโบราณสถานและแหล่งโบราณคดี จำนวน 5 แห่ง พร้อมกันนี้  นายประทีป เพ็งตะโก รองอธิบดีกรมศิลปากร ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2562 ว่านายจารึก วิไลแก้ว ผอ.สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ระบุว่าเป็นสระน้ำหนองรี เป็นสระน้ำโบราณมีความสัมพันธ์ร่วมสมัยกับปราสาทพนมรุ้ง เมืองต่ำและเมืองตลุง

แต่ปรากฏว่าวันที่ 14 มิ.ย.62 อธิบดรกรมศิลปากร ระบุว่าไม่ได้เป็นโบราณสถานอีกต่อไปจนเป็นเหตุให้โรงพยาบาลนางรองสามารถถมสระน้ำเพื่อขยายพื้นที่ก่อสร้างลานจอดรถ และอาคารผู้ป่วยได้ ดังนั้นจึงขอให้ผู้ตรวจฯลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า สระน้ำโบราณดังกล่าวยังคงสภาพเป็นแหล่งโบราณสถานร่วมสมัยกับปราสาทพนมรุ้งหรือไม่ หากข้อเท็จจริงปรากฏว่ายังคงมีสภาพเป็นโบราสถานขอให้ดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลปกครองวินิจฉัยการกระทำของอธิบดีกรมศิลปากร ผู้ว่าราชการจังหวัด และเทศมนตรีเมืองนางรองที่มีคำสั่งอนุญาตให้โรงพยาบาลนางรองสามารถเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่สระน้ำหนองรี

ด้านตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า สระน้ำดังกล่าวเป็นแหล่งโบราณสถานที่อยู่คู่กับเมืองนางรองตั้งแต่รุ่นปู่ ย่า ตา ยาย และยังเป็นแหล่งน้ำสำคัญให้กับเกษตรกรหลายหมู่บ้าน และยังเป็นพื้นที่แก้มลิงรองรับน้ำเพื่อป้องกันการเกิดน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองนางรอง อีกทั้งในปัจจุบันมีผู้นำขยะก่อสร้างมาแอบถมสระน้ำเพื่อให้หมดสภาพจากความเป็นสระน้ำโบราณ อย่างไรก็ตามกลุ่มชาวบ้านไม่มีเจตนาจะขัดขวางความเจริญในการขยายโรงพยาบาล แต่ขอให้อนุรักษ์แหล่งน้ำและโบราณสถานเก่าแก่ไว้เพื่อเป็นสถานสมบัติของแผ่นดิน