"จาตุรนต์"เย้ยตั้ง"ครม.ประยุทธ์"วุ่นไม่จบ เหตุต่อรองแย่งผลประโยชน์สูง ลืมนโยบายเพื่อปชช.ลืมความเหมาะสม
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2562 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งในการจัดตั้งรัฐบาล ว่า ภาพของรัฐบาลซึ่งขณะนี้นอกจากใครๆ ก็รู้ว่าใช้กฎกติกาใช้แทรกแซงกระบวนการองค์กรอิสระ แทรกแซงสี่อ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ตลอดมาจนกระทั่งมาทำลายพรรคการเมือง และใช้อำนาจผลประโยชน์ต่างๆ เข้าไปจัดการพรรคการเมืองมาได้
โดยโค้งสุดท้ายก่อนที่จะมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภาพการต่อรองแก่งแย่งผลประโยชน์กันสูงมาก ทำให้เห็นได้ว่ารัฐบาลนี้ยากที่จะปกครองบริหารประเทศ เพราะขาดความชอบธรรมอย่างรุนแรง ซึ่งตนเคยวิจารณ์ว่าถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นถึงแม้เต็มไปด้วยความไม่ชอบธรรม แต่การล้มของรัฐบาลก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าถ้ารัฐบาลมีเสียงเกินเกินหนึ่งในรัฐสภาก็ยังอยู่ได้ และยังนึกไม่ออกว่าจะมีพรรคไหนจะถอนตัวไม่ง่าย เพราะดูเหมือนว่าจะต้องเยียวยาตัวเองหรือถอนทุนกัน แต่มาในเวลานี้เมื่อเห็นภาพความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับนักการเมืองบางส่วนในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แล้วก็ทำให้เห็นว่าบางทีรัฐบาลนี้ก็อาจจะอยู่ได้สั้นกว่าที่เคยคาดการณ์เหมือนกัน
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า รัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่มีที่มาจากความไม่ชอบธรรม ได้รวบรวมเอาปัญหาความไม่ถูกอยู่ในตัวเองเต็มไปหมด ในการจัด ครม.มองเป็นการต่อรองกันด้วยผลประโยชน์เป็นหลัก โดยที่ต่างฝ่ายต่างอาจจะมองไม่เห็นความจำเป็นของอีกฝ่ายหนึ่ง ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเห็นว่าตัวเองมีกองทัพ และมี ส.ว.250 เสียง สนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์ ทำให้ถือไพ่เหนือกว่าคนอื่น และต้องการได้คนของตัวเอง และพรรคการเมืองอื่นเห็นว่ารัฐบาลก็ต้องมีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกินกึ่งหนึ่ง แต่ขณะนี้มีเสียงปริ่มน้ำอย่างมาก จึงทำให้เห็นว่าในส่วนของพรรคการเมืองก็มีความสำคัญต่อรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าขาดพรรคการเมืองหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในพรรคการเมืองใหญๆ ก็จะทำให้รัฐบาลนี้ล้ม เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องต่อรองเอาสิ่งที่ต้องการให้มากที่สุด
โดยในการต่อรองนี้ไม่มีการพูดเรื่องนโยบายเลย และจริงๆ แล้วไม่ได้พูดถึงความเหมาะสมของตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องที่ดูตามความใกล้ชิดอิทธิพลบารมีของบุคคลในแต่ละฝ่าย เท่ากับว่าเป็นรัฐบาลที่เราจะสะสมความไม่ชอบธรรมเต็มไปหมด แล้วกำลังเป็นรัฐบาลที่ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน และไม่ได้ถือว่าการแก้ปัญหาประเทศเป็นสำคัญ เมื่อรัฐบาลนี้มีเสียงปริ่มน้ำ ทำให้คนเหตุว่า ความขัดแย้งเต็มไปหมดอย่างนี้จะทำให้คนเห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่มีเสถียรภาพเลย แต่ถ้าจะคิดว่ารัฐบาลนี้จะล้มยังไง ซึ่งก็แปลกที่ว่ายังไม่ทันตั้งได้ คนก็พูดคือว่าจะล้มยังไงแล้ว ตามธรรมชาติของรัฐบาลในระบบรัฐสภา มันจะล้มก็มักจะเกิดจากการที่มีความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล จนทำให้รัฐบาลไม่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ขณะที่พรรคต่างๆ ที่มาร่วมส่วนใหญ่ต้องการเยียวยาภาพพจน์ที่ไปตะบัดสัตย์ ไม่ได้ไปแก้ปัญหาให้ประชาชน และยังต้องพยายามฟื้นตัวเองในเรื่องของทุนรอน เพราะใช้จ่ายกันไปมาก โอกาสที่พรรคร่วมจะถอนตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลาอีกมากพอสมควร แล้วต้องมีเหตุจูงใจมากพอด้วยที่จะถอนตัว แต่พรรคพลังประชารัฐเองซึ่งเป็นแกนหลักก็มาเกิดปัญหาความไม่พอใจต่อตำแหน่งและการไม่รักษาคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ เลยกลายเป็นปัญหาให้พรรคแกนนำรัฐบาล ซึ่งอาจจะเป็นเหตุหนึ่งกลับไปสู่รัฐบาลนี้จะอยู่ไม่ได้
ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะแก้ปัญหาระหว่างตัวเองกับพรรคพลังประชารัฐอย่างไร ที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างตนเองกับในพรรคพลังประชารัฐอย่างไร และในระยะปานกลางจะทำอย่างไรที่จะประนีประนอมพรรคร่วมรัฐบาลอื่นไว้ให้ได้ แต่ทั้งหมดนี้น่าเศร้าใจตรงที่ว่ามัน ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับนโยบายและการแก้ไขปัญหาประเทศ มีแต่เรื่องจะทำให้รัฐบาลอยู่ได้อย่างไร หลักการที่สำคัญคือการต่อรองผลประโยชน์กันเป็นหลัก ถามว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้เกิดสภาพแบบนี้โดยที่ยังไม่สรุปเรื่อง ครม.เป็นเพราะว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังสนุกสนานกับการใช้อำนาจในฐานะนายกฯ ที่มาจากการรัฐประหาร และอำนาจของ คสช.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี