เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2562 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ "ลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์" ว่า กรณีการทำร้ายร่างกาย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ออกมายืนยันว่าต้องจับผู้กระทำผิดให้ได้ พร้อมทั้งอยากให้กลุ่มเคลื่อนไหวสู้กันในสภา ดังนั้น เป็นภาระหน้าที่เบื้องต้นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการติดตามเรื่องนี้ในสภา ซึ่งมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และสามารถอภิปรายทุกเรื่องในสภาได้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ ในฐานะที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมากว่า 30 ปี ก็มีคำสอนนักเคลื่อนไหว โดยเริ่มจากที่ตนบอกกับพวกตนเอง ย้ำเสมอว่า เราต้องอยู่ได้ในทุกบทบาท ทุกหน้าที่ ไม่จำเป็นจะต้องนำทุกเวลา
นายจตุพร กล่าวว่า บางเวลาใครมีศักยภาพนำได้ นำไป เราเองสามารถเป็นแนวร่วมที่ดี เป็นกำลังที่ดี ไม่ติดหัวโขนว่าจะต้องเป็นผู้นำเท่านั้น ตนเข้าใจเสมอว่า ในแต่ละเวลาเป็นเวลาของใคร ถ้าเรายอมรับความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นศูนย์เลย
นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่า การขยายบทบาทให้กับผู้อื่นนั้น เท่ากับเป็นการเพิ่มบทบาทให้กับตัวเอง แต่นักเคลื่อนไหวจำนวนมากจะไม่เข้าใจ กลัวว่าจะสูญเสียบทบาท บางทีเราก็ต้องรู้ว่าเราจะต้องเดินทางอย่างไร บทเรียนมีมากมายเหลือเกิน แต่หาใช่มีความขลาดกลัวไม่ เพียงแต่เราต้องการบรรลุเป้าหมายเท่านั้น
ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ ต้องเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ด้วยตนคิดว่า การทำร้ายจ่านิว มีมิติมากกว่าเพียงการขู่ ปราม ให้เกิดความเข็ดหลาบ ประเด็นนี้ผู้ลงมือ ต้องการผลลัพธ์ทางการเมืองอะไร นี่เป็นสิ่งที่เราจะต้องติดตามกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในทางบรรยากาศการเมืองที่มีโรคแทรกซ้อนได้ตลอดเวลา ส่วนเรื่องรัฐบาลที่กำลังจัดกันนั้น ไม่ใช่ว่าจัดไม่ได้ เขาจัดได้ แต่เขามีภารกิจบางอย่างที่อำนาจของรัฐบาลข้างหน้านี้ ไม่สามารถทำได้
นายจตุพร กล่าวต่อว่า รัฐบาลเดิมคนเดิมทำได้ รัฐบาลหน้าคนเดิมทำไม่ได้ แต่ว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือว่า เมื่อเกิดชนวนของจ่านิวแล้ว ผลลัพธ์ต่อไปนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องคิดอ่าน และตามติดสถานการณ์ เราวันนี้อยู่กันด้วยความเข้าใจ การเดินอะไรต้องใช้ความคิดมาก แต่ว่ามิใช่ความขลาดกลัว รวมทั้ง เมื่อวานตนและพี่น้อง ก็ได้ไปแสดงตนให้เห็นว่า วิธีการที่ปฏิบัติต่อจ่านิวนั้น เป็นเรื่องที่เรามิอาจจะยอมรับได้ และต้องแสดงตนว่าพฤติกรรมดังกล่าวนี้ ตั้งแต่หัวแถวของผู้มีอำนาจ จนถึงผู้ปฏิบัติ จะต้องทำหน้าที่ เพราะมันจะเป็นชนวน เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว จะนำพาไปสู่หลากหลายปัญหา ดังนั้น หากกระบวนการทางกฎหมาย มีความเข้มแข็งและเอาจริงเอาจัง เชื่อว่า ไม่กี่วันนี้ สามารถจับกุมคนร้ายได้
"ทั้งหมดอยู่ที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ว่าจะปล่อยให้สถานการณ์เดินไปอย่างนี้ เพื่อจะเกิดอีกหลากหลายสถานการณ์หรือไม่ ตนก็วาดหวังว่า เวทีรัฐสภาจะได้ตรวจสอบอย่างเต็มที่ กลไกรัฐได้ทำตามที่พูดไว้ทุกประการ" นายจตุพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี