"มาร์ค"มาแล้ว!! ฟันฉับ"รัฐธรรมนูญ2560"ทำการเมืองถอยหลัง แนะต้องช่วยสร้างแรงกดดันให้ผู้มีอำนาจเห็น เพื่อคลายอำนาจบางส่วนให้บ้านเมืองเดินหน้า
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีการเสวนาในหัวข้อ "การเมืองไทยภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 : เดินหน้าหรือถอยหลัง" เนื่องในโอกาสที่ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีอายุครบ 60 ปี โดยมี ศ.อุดม รัฐอมฤต อดีตคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ , ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ร่วมเสวนา
โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเมืองจะเดินหน้าหรือถอยหลังขึ้นอยู่กับเป้าหมายเราคืออะไร ตนมองว่า เป้าหมายคือ 1.การกำหนดอนาคตทิศทางของประเทศต้องอยู่ในมือประชาชน และทำให้คนที่ใช้อำนาจยึดหลักนิติรัฐนิติธรรมสุจริตตรวจสอบได้ นี่จึงเป็นเกณฑ์ชี้วัด เมื่อมองจากมุมนี้ต้องฟันธงว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้การเมืองถอยหลัง อย่างรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ได้บอกเป็นฉบับปฏิรูป แต่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ถามว่า เป้าหมายของรัฐธรรมนูญ 2560 คืออะไร กระบวนการจัดทำไม่เคยพูดชัดว่า การจัดวางโครงสร้างทำไปเพื่ออะไร มีเพียง 2 คำ คือ 1.การปฏิรูป แต่บทบัญญัติมากมาย ไม่ได้ส่งผลให้เกิดขึ้นอย่างที่คนคาดหวังเลย เช่นเดียวกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็ไปส่งเสริมรัฐราชการ 2.ปราบโกง แต่ถามว่า มีอะไรที่ปราบโกงมากกว่าฉบับอื่น แต่เป็นการวางเส้นทาง วางวัตถุประสงค์ทางการเมือง ถอยหลังไปถึงรัฐธรรมนูญ 2521
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ความเป็นจริงวันนี้ยิ่งชัด ถามว่าประชาชนมีความรู้สึกแค่ไหนว่า เจตนารมณ์ที่แสดงออกมาผ่านการเลือกตั้ง ได้สะท้อนออกมาในรัฐบาลชุดต่อไป ถ้าไม่มี 250 ส.ว.มาเลือกนายกฯ รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นจะประกอบด้วย 19 พรรคแบบนี้ มันไม่เป็นแบบนั้น แต่เป็นเพราะ 250 คนที่ถูกตั้งมาแล้วเลือกไปในทิศทางเดียวกันหมด ส.ส.รัฐบาลให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญออกมาแบบมาเพื่อพวกเขา อีกทั้งขณะนี้ ความขัดแย้งทางการเมืองยังสูงมาก หากมีการใช้อำนาจอย่างเป็นธรรมยังพอเห็นโอกาสว่าบ้านเมืองจะไปข้างหน้า แต่มีปัญหาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง มีการใช้เงินรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง ซื้อเสียงกันอย่างโจ่งแจ้ง รวมถึงการใช้ทรัพยากรรัฐ ชัดเจนว่า มีการใช้อย่างชัดเจน ส.ส.ทุกคนในสภายืนยันได้ ไม่เพียงกติกาที่ออกแบบมาเอื้อฝ่ายหนึ่งแล้ว พฤติกรรมก็ยิ่งไปตอกย้ำสิ่งที่เกิดขึ้น มาถึงสูตรคำนวณ พรรคที่ได้คะแนน 30,000 กลับได้ ส.ส.แต่พรรคคะแนนหลักแสนไม่ได้ ต้องเอะใจได้แล้วว่ามันมีปัญหา
การร้องเรียนน่าจะชัดเจนมากเพราะมีเทคโนโลยีคอยช่วยดู แต่กลับแจกใบส้มเพียงหนึ่งใบ จึงคาดว่าไม่น่าจะมีเลือกตั้งซ่อม ที่จะกระทบดุลอำนาจของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำในสภา จะเดินไปข้างหน้าอย่างไร คำตอบส่วนหนึ่งต้องกลับมาที่รัฐธรรมนูญ แต่เราก็ยังไม่เคยนำปมความขัดแย้งมาคลี่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ยังปล่อยให้การเมืองเดินเหมือนเดิม ท่ามกลางความขัดแย้งที่สูงขึ้น และเสถียรภาพรัฐบาล สิ่งที่น่ากลัวคือการเอาชนะกัน สุดท้ายหนีไม่พ้นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญด้วย ปัญหาคือ มันยากจนแทบเป็นไปไม่ได้ ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องให้เดินไปตามเส้นทาง ยิ่งลากไปความขัดแย้งก็ยิ่งสูงขึ้น ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ เลือกตั้งใหม่ก็เป็นแบบนี้อีก ถ้าผู้มีอำนาจใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเอง มันจะยาว ปัญหาคือสังคมจะยอมรับได้แค่ไหน ถ้าไม่ได้ แล้วรัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ไม่ใช่ฉบับสุดท้ายของประเทศไทย ต้องเริ่มกันใหม่อีก ต้องช่วยสร้างแรงกดดันให้ผู้มีอำนาจเห็น เพื่อคลายอำนาจบางส่วนเสีย ให้บ้านเมืองเดินหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี