วันพุธ ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
'หมวดเจี๊ยบ'อัดรัฐบาลประยุทธ์2/1ขี้เหร่   มีรมต.ส้มหล่น-หักหลัง'ทักษิณ'

'หมวดเจี๊ยบ'อัดรัฐบาลประยุทธ์2/1ขี้เหร่ มีรมต.ส้มหล่น-หักหลัง'ทักษิณ'

วันพฤหัสบดี ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2562, 19.21 น.
Tag : รัฐมนตรีขี้เหร่ หมวดเจี๊ยบ หักหลังทักษิณ รัฐบาลประยุทธ์ 2/1
  •  

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2562  ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอตั้งคำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้หลักเกณฑ์อย่างไรในการวางตัวคณะรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าไม่ได้พิจารณาโดยยึดหลักความรู้ความสามารถ ไม่งั้นหน้าตาของ ครม.ประยุทธ์ 2 คงไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ขนาดนี้ ถ้าวิเคราะห์ให้ดีจะเห็นว่า มีลักษณะการจัดโดยมีลักษณะ 5 ส. คือ

1.สายเลือดมาก่อนความสามารถ จะเห็นได้ว่ามีนักการเมืองที่ได้โควตาเป็นรัฐมนตรีหลายคน ตัดสินใจไม่นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเองเ พราะมีมลทินพัวพันเรื่องทุจริต หรือมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพล จึงส่งต่อเก้าอี้รัฐมนตรีให้คนในครอบครัวแทน เช่น พี่น้อง ลูก หรือคู่ครอง ทั้งๆที่ญาติพี่น้องของตัวเองก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ที่เหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรี แต่ได้รับตำแหน่งแบบส้มหล่นเหมือนได้รับมรดกตกทอดจากตระกูล แล้วจะบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ในเมื่อเป็นแค่รัฐมนตรีหุ่นเชิด


2.สมนาคุณเก้าอี้รัฐมนตรีให้ผู้ที่ยอมย้ายค่ายมาซบเผด็จการ ดังนั้นบางคนจึงได้เป็นรัฐมนตรี ทั้งๆที่มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ เพราะมีมลทินมัวหมองเรื่องทุจริต ไม่ได้มีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ แต่ก็ยังเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลประยุทธ์ 2 ได้ เพราะยอมหักหลังประชาชนเพื่อช่วยเผด็จการสืบทอดอำนาจ บางคนแม้จะโดนดำเนินคดีแต่ก็หลุดคดีเพราะยอมย้ายค่าย

3.สมบัติผลัดกันชม จะเห็นได้ว่าเก้าอี้รัฐมนตรีหมุนเวียนอยู่ในกลุ่มคนหน้าเดิมๆ ที่สมคบคิดกันยึดอำนาจ เช่น เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งควบตำแหน่งเอง ราวกับจะบอกว่าพี่ครองเก้าอี้มานานแล้ว ถึงเวลาต้องลุกให้น้องนั่งบ้าง เหตุใดพวกท่านจึงไม่เปิดโอกาสให้นายทหารที่เป็นคนรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาบริหารกองทัพบ้าง เพราะตลอดเวลาที่พวกท่านกุมอำนาจ ก็ไม่ได้ทำให้กองทัพมีความเจริญก้าวหน้า มีแต่ใช้กองทัพมาเป็นเครื่องมือแทรกแซงการเมือง ทั้งยังผลาญงบประมาณแผ่นดินในการซื้ออาวุธที่ไม่จำเป็น ซึ่งส่งผลทางลบต่อกระแสความนิยมต่อกองทัพ ทำให้ประชาชนรักทหารน้อยลง

4.สืบทอดอำนาจเป็นหลัก จึงมองข้ามทัศนคติที่เป็นอันตรายของบุคคลที่วางตัวให้เป็นรัฐมนตรี ทำให้หลายๆ คนได้เป็นรัฐมนตรี ทั้งๆที่ไม่ได้มีความเลื่อมใสศรัทธาในหลักการประชาธิปไตย และไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งยังเคยมีส่วนร่วมในการล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยมาก่อน

5.สาวกทักษิณคิดล้างครู จะเห็นว่ารัฐมนตรีอย่างน้อย 15 คนใน ครม.นี้ เคยเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มาก่อน โดยหลายคนเป็นลูกน้องเก่าที่เคยยืนเกาะโต๊ะขอตำแหน่ง หรือแม้แต่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แม้จะอยู่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลเดียวกับ อดีตนายกฯ ทักษิณ ในสมัยที่อดีตนายกฯ ทักษิณ เป็น รมว.ต่างประเทศ สังกัดพรรคพลังธรรม เมื่อปี 2537 โดยมี นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปัจจุบันลูกน้องเก่าของอดีตนายกฯ ทักษิณ หลายคนหักหลังและใส่ร้ายอดีตนายกฯ ทักษิณ จนได้รับเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นรางวัลสมนาคุณ ทั้งยังหลุดคดี เพราะยอมย้ายข้างและพูดจาให้ร้ายนายกฯ ทักษิณ และเมื่อบุคคลเหล่านี้มีอำนาจก็ลอกนโยบายของอดีตนายกฯ ทักษิณ แล้วเปลี่ยนชื่อโครงการเพื่อขโมยผลงานเป็นของตัวเอง แต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่าสมัยรัฐบาลทักษิณ เพราะขโมยความคิดมาโดยไม่เข้าใจปรัชญาหรือแนวคิดเบื้องหลังนโยบายเหล่านั้น

ทั้งนี้วิธีจัด ครม.แบบนี้ จะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ และการเมืองการปกครองของประเทศ อย่างน้อย 3 ประการ หรือ 3 ส. คือ

1.จะเกิดการ "สวาปาม" หรือโกงกินอย่างมโหฬาร เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดช่องให้เกิดเผด็จการรัฐสภา จนไม่สามารถตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ 

2.จะ "สิ้นเนื้อประดาตัว" กันทั้งประเทศ เพราะประชาชนขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล จึงรู้สึกสิ้นหวังต่ออนาคตของประเทศ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจยิ่งฝืดเคือง จนไม่สามารถฟื้นตัวได้ 

3.จะเกิดความ "เสื่อมถอย" ของพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลเต็มไปด้วยบุคคลที่ไม่ได้ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งน่ากังวลว่าความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคม อาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในบางประเทศ เพราะที่จริงแล้วปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยยังไม่ได้หายไปไหนแต่ถูกซุกอยู่ใต้พรม ยังสามารถปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อหากมีตัวกระตุ้น รัฐบาลจึงควรใช้อำนาจด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นการเขี่ยเชื้อไฟของความขัดแย้งให้ปะทุขึ้นอีกครั้งจนนำไปสู่สงครามกลางเมืองที่ไม่มีใครอยากให้เกิด.

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'ณัฐวุฒิ' ชี้ 'ส้ม-น้ำเงิน' ดีลลับตั้งรัฐบาล เตือนหากสำเร็จ 'อนุรักษ์นิยมกินรวบทั้งแดง-ส้ม'

เลยยังอ่วมหนัก! น้ำท่วมมิดหลังคาชั้น 1

(คลิป) ยามเย็นประเด็นร้อน! ชำแหละ! สถานการณ์ชายแดน เล่กลห์ 'เขมร' เสริมกำลังเตรียมบุก 'ภูมะเขือ'

(คลิป) อ.ปู ถามตรงๆ 9 ก.ย. 'ทักษิณ' อยู่หรือหนี!!

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved