สื่อญี่ปุ่นอ้าง‘บิ๊กบัง’ชี้ถ้ารัฐเหลวล้าง‘ทุจริต’ ไทยยังเสี่ยง‘รัฐประหาร’
17 กรกฎาคม 2562 เว็บไซต์ นสพ. Asian Nikkei Review ของญี่ปุ่น เสนอข่าว “Ex-army chief who ousted Thaksin backs use of coups in Thailand” อ้างคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก ผู้ทำรัฐประหารรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2549 ที่ระบุว่า ตราบใดที่ “ชนชั้นกลาง (Middle Class)” ยังไม่กลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ในประเทศไทย ประชาธิปไตยของไทยก็ยังอาจมีปัญหา และการรัฐประหารโดยกองทัพก็อาจเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ยังมีความจำเป็นในการแก้ไขสถานการณ์
พล.อ.สนธิ อธิบายประเด็นนี้ว่า ประเทศไทยยังมีคนยากจนจำนวนมากซึ่งถูกคนร่ำรวยใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองผ่านการใช้เงิน ก่อนจะไปถอนทุนคืนเมื่อมีอำนาจแล้ว ขณะเดียวกันยังมีปัญหาการคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งสำคัญมักเลือกคนที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดมากกว่าคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพรวมไปถึงการทุจริต
“ในเวลานั้นบรรยากาศของประเทศไทยเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังใช้อารมณ์ มีการแบ่งเป็นฝ่ายที่สนับสนุนและต่อต้านนายกฯ ทักษิณ จึงมีเสียงเรียกร้องให้ทหารเข้ามาดูแลสถานการณ์ ซึ่งกองทัพมีหน้าที่ 4 อย่าง 1.ป้องกันประเทศ 2.รักษาความสงบเรียบร้อย 3.ช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ และ 4.ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่ามีคนกลุ่มที่เรียกกันว่าฝ่ายซ้าย (Left-Wing) ซึ่งไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่คนอีกมากรวมถึงกองทัพต้องการให้ประชาธิปไตยไทยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของรัฐ” พล.อ.สนธิ กล่าว
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า เมื่อถามถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ก่อนหน้านี้เป็นผู้ทำรัฐประหารในปี 2557 และปกครองแบบรัฐบาลทหารมา 5 ปี รวมถึงรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ยังถูกตั้งข้อสังเกตว่าเอื้อให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย พล.อ.สนธิ ให้ความเห็นว่า อย่างไรเสียรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ก็ผ่านประชามติของประชาชน และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ ควรได้รับการยอมรับในฐานะรัฐบาลพลเรือน
อย่างไรก็ตาม พล.อ.สนธิ มองว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลทหาร ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาทุจริตและความเหลื่อมล้ำ สวนทางกับกลุ่มคนที่มีความคิดแบบฝ่ายซ้ายได้ลงพื้นที่ทำงานด้านมวลชนกับผู้มีการศึกษาน้อยและมีฐานะยากจน ที่บรรดารัฐบาลในอดีตให้ความใส่ใจกับประชากรเหล่านี้น้อย ดังนั้นรัฐบาลชุดใหม่ต้องยกนโยบายดูแลคนยากจนเป็นวาระสำคัญลำดับแรก นั่นคือการศึกษาและเศรษฐกิจ เพราะหากผู้คนมีรายได้สูงขึ้น ก็จะลดแรงจูงใจในการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตให้น้อยลงได้
“หากสิ่งต่างๆ เป็นไปด้วยดี เราก็กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ดีกว่า แต่หากรัฐบาลในอนาคตไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุจริตและความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้ ผู้คนยังรู้สึกทุกข์ทรมานและต้องการการเปลี่ยนแปลง เมื่อนั้นรัฐประหารครั้งต่อไปก็อาจเกิดขึ้นได้อีก” พล.อ.สนธิ กล่าวในท้ายที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี