‘ชวน’ให้ถกนโยบาย3วัน
แตะเบรกสส.
อย่าทำตัวเหมือนเด็กเล่น
ห้ามเพ้อเจ้อ/จบก็ต้องจบ
ไฟเขียวตรวจคุณสมบัติรมต.
พปชร.ดันธนกรนั่งโฆษก
เหล่าทัพการันตีหนุนบิ๊กตู่
ดูแลงานด้านความมั่นคง
ประธาน“ชวน”เปิดให้ถกนโยบายรัฐบาล 3 วัน ชี้ข้อบังคับเปิดช่องอภิปรายคุณสมบัติรัฐมนตรีได้ พร้อมปรามผู้แทนฯอย่าพูดเยิ่นเย้อ ถึงเวลาจบต้องจบ อย่าให้รู้สึกสภาเหมือนเด็ก ด้าน“พปชร.”พร้อมดัน“ธนกรวังบุญคงชนะ” ไว้ปะฉะดะกับฝ่ายค้าน ในขณะที่เหล่าทัพย้ำชัด สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล“บิ๊กตู่”
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้เปิดอภิปรายนโยบายรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเวลา 3 วัน ภายหลังนายพรเพชรวิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ออกมาระบุอภิปราย 2 วัน ก็เพียงพอแล้ว ว่า เราได้ออกระเบียบวาระการประชุมเป็น 2 วัน คือ ระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค. ซึ่งการกำหนดแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าอภิปรายไม่เสร็จสามารถอภิปรายต่อได้ในวันที่ 27 ก.ค. แต่จะไม่เกิน 3 วัน
ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้รับทราบรายละเอียดจากคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) โดยวิปทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือว่าฝ่ายใดจะอภิปรายได้เวลาเท่าไหร่ ซึ่งแต่ละฝ่ายจะบริหารเวลากันเอง ซึ่งที่ผ่านมาควบคุมเวลาได้ดี อภิปรายคนละ 2นาที หรือ 5 นาที โดยไม่ต้องเตือนกัน เมื่อก่อนต่อรองกันมาก ดังนั้น เมื่อจบก็ขอให้จบ ไม่เช่นนั้นทุกคนจะรู้สึกว่าสภาเหมือนเด็กเล่น ส่วนของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ก็มีสิทธิ์อภิปรายเหมือน(สมาชิกสภาผู้แทนราษร(ส.ส.) แต่ส่วนใหญ่ส.ว.จะไม่ได้ใช้สิทธิ์มากเท่าส.ส.
มีสิทธิอภิปรายคุณสมบัติรมต.
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านระบุว่าการอภิปรายนโยบายครั้งนี้จะมีการพูดถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีด้วย สามารถทำได้หรือไม่ นายชวน ชี้แจงว่า ระเบียบข้อบังคับการประชุมรัฐสภาจะกำหนดไว้ว่าการอภิปรายในเรื่องของความเป็นไปได้ของนโยบายหรือการที่นโยบายจะประสบความสำเร็จ ซึ่งเขาก็มีสิทธิ์อภิปรายความสามารถของบุคคลนั้นๆได้
ต่อข้อถามถึงความกังวลที่ฝ่ายค้านอาจจะใช้เวทีอภิปรายนโยบายรัฐบาลเป็นเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจย่อยๆ นายชวน กล่าวเพียงว่า เขาก็ทำมาโดยตลอด
เมื่อถามย้ำถึงความหนักใจในการควบคุมการประชุม นายชวน ระบุว่า เรื่องนี้มีระเบียบอยู่แล้วว่าจะอภิปรายได้เพียงใด การอภิปรายความสามารถของบุคคล เขาสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องย้ำ คือ การบริหารเวลา ถ้าบริหารได้จริงสภาจะไม่เสียเวลามากนัก แต่จะทำให้คนอภิปรายได้ประโยชน์มากขึ้น ซึ่งเราพยายามเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีสิทธิ์อภิปรายได้อภิปรายได้มากขึ้น ดังนั้น จึงอยู่ที่การแบ่งเวลา เพราะหากคนหนึ่งไปเอาเวลาเพื่อนมาอภิปราย เพื่อนก็อภิปรายไม่ได้ การที่ให้โอกาสหลายคนพูดโดยการคุ้มเวลาคนละไม่เกินกี่นาทีจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย สมาชิกที่อยากอภิปรายก็จะได้อภิปราย ขณะเดียวกันประเด็นที่พูดไม่ควรเยิ่นเย้อ ไม่ซ้ำซ้อนเกินไป ซึ่งเท่าที่เห็นสมาชิกมีความพยายามทำอยู่
บิ๊กตู่ ไม่ร่วมสัมมนา’วังน้ำเขียว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เข้าปฏิบัติภารกิจภายในทำเนียบรัฐบาลแล้วในเวลา 08.45น.โดยวันเดียวกันนี้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีวาระงานหรือกำหนดการอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาเตรียมการแบ่งงานให้กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเตรียมข้อมูลเพื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 25-27กรกฎาคมนี้ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะเป็นผู้แถลงเปิดด้วยตนเอง โดยคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2ชั่วโมงและมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ทั้ง 35 คนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงกัน
สำหรับกำหนดการเข้ารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น คาดว่าจะมีขึ้นหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้นไปแล้วประมาณต้นเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ กระแสข่าวที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะมีเซอร์ไพรส์ในการประชุมพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นคราชสีมา แหล่งข่าวใกล้ชิดนายกฯยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีกำหนดเดินทางไปแต่อย่างใด แต่มีแนวโน้มสูงที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯจะเป็นตัวแทนไป โดยในส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จะนัดพบกับ สส.พรรค พปชร.ก่อนวันแถลงนโยบายที่กรุงเทพมหานครแทน
“วิษณุ”เผยพิมพ์ร่างนโยบายแล้ว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 25กรกฎาคมว่า เมื่อจัดพิมพ์ร่างนโยบายแล้วเสร็จ ต้องส่งให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดูก่อนวันแถลงอย่างน้อย 3 วัน ขณะนี้จัดพิมพ์เสร็จแล้ว คาดว่าจะส่งให้สมาชิกได้ภายใน 1-2 วันนี้ ส่วนที่เคยบอกว่านโยบายเร่งด่วนนั้น ไม่จำเป็นต้องระบุกรอบเวลา แต่เป็นที่เข้าใจอยู่แล้วว่า จะต้องทำ เช่น รัฐบาลบางชุด กำหนดว่าจะทำนโยบายเร่งด่วนภายใน 1 ปี นโยบายเรื่องด่วนของรัฐบาลนี้ 11-12 ข้อ โดยเห็นว่าปัญหาปากท้องและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่ต้องทำก่อน ส่วนด้านอื่นๆก็ค่อยทำให้ ในระยะเวลา 1 ปีนี้ หากเห็นว่าล่าช้า สภาผู้แทนราษฎร ก็สามารถตั้งคำถามหรืออภิปรายได้อยู่แล้ว แต่ในร่างนโยบาย จะไม่มีการกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะดำเนินการเมื่อใด
“เมื่อมารวมกัน 19 พรรคการเมืองเป็นรัฐบาลผสม การจัดทำนโยบายจะต้อง ใช้หลักการดังนี้ตามลำดับ 1. หน้าที่ของรัฐ 2. แนวนโยบายของรัฐ 3. ยุทธศาสตร์ชาติ 4. พิจารณาจากนโยบายของแต่ละพรรคร่วม เพื่อให้สามารถเดินหน้าไปด้วยกันได้ ไม่สามารถนำนโยบายพรรคใดพรรคหนึ่งมาทำได้ แต่ต้องไม่ทิ้งนโยบายที่พรรคการเมืองได้หาเสียง ส่วนเงื่อนไขเวลานั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนที่ครั้งหนึ่งพรรคพลังธรรม มีนโยบายให้เลือกตั้งผู้ว่าฯทุกจังหวัดทันที แต่เมื่อมารวมรัฐบาลซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำ ก็มีการปรับเรื่องเวลา มิเช่นนั้นรัฐบาลของตั้งไม่ได้”นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะต้องมีการแก้ไขมาตรา 272 ก่อนหรือไม่ ว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าจะต้องเริ่มต้นแก้ไขที่มาตรา 272 การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ได้ยินเพียงข่าวจากสื่อมวลชนว่าหลายพรรคการเมืองจะดำเนินการแก้ไข แต่ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร เรื่องนี้รอฟังความเห็นจากสภาผู้แทนราษฎรก็แล้วกัน ว่ามีความเห็นอย่างไรบ้าง
มท.เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เช้าวันเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นสมัยที่2 ทั้งนี้ ได้สักการะศาลพระภูมิศาล ศาลพระกาฬไชยศรีและพระอนุสาวรีย์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ตามลำดับ ตามมาด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ก็ได้เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ จากนั้นในเวลา08.45น.นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ได้เดินทางมาถึง พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯด้วยเช่นกัน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง อธิบดีทุกกรมในสังกัด และผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในกำกับดูแล นำโดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รอให้การต้อนรับ
จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการแบ่งงานให้รัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 คน ว่า การจัดสรรแบ่งงานจะพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการก่อน
เชื่อมั่นสามารถทำงานได้ทันที
“หากพรรคการเมืองมีข้อมูล หรือรัฐมนตรีมีประสบการณ์ ก็จะนำมาพูดคุยกันทำให้เป็นนโยบายของกระทรวงให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล จะไม่มีความขัดแย้งกัน จะไม่แบ่งกระทรวงเป็นเสี้ยวๆ เราพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ถ้าเป็นนโยบายภายในกระทรวงก็ทำได้ทันที แต่ถ้าเป็นเรื่องที่จะต้องให้รัฐบาลเห็นชอบ ผมก็จะไปนำเรียนนายกฯ ส่วนการทำงานร่วมกับนักการเมืองจะต้องปรับตัวหรือไม่นั้น ผมเป็นคนที่มีความอ่อนตัวพอสมควร คงไม่มีปัญหา ทำงานร่วมกับใครก็ได้” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า
เมื่อถามว่า การตรวจสอบจากฝ่ายค้านจะเข้มข้นขึ้นต้องกำชับเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีอย่างมากในระบอบประชาธิปไตยผู้ใช้อำนาจต้องถูกตรวจสอบและถ่วงดุล ทั้งในเรื่องความโปร่งใส แผนงานโครงการต้องมีการติติงกัน ถ้าเป็นในลักษณะนี้ คนที่ได้ประโยชน์คือประเทศชาติและประชาชน สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าดีไม่ดีอย่างไร เท่ากับว่าเติมเต็มให้กันและกัน มีคนคอยร่วมพิจารณาให้ข้อเสนอแนะก็คงจะดี และไม่คิดว่าจะทำให้การทำงานของรัฐบาลยากขึ้น เพราะฝ่ายบริหารใช้อำนาจไปทุกหย่อมหญ้าทั้งประเทศ ถ้ามีฝ่ายการเมืองช่วยตรวจสอบและถ่วงดุลก็ทำให้เกิดประโยชน์
มอบนโยบายใช้งบอย่างโปร่งใส
ขณะเดียวกัน รมว.มหาดไทย พร้อม 2 รมช.มหาดไทย ประชุมมอบนโยบายให้กับข้าราชการระดับสูง หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการทำงานวันแรกหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน โดยย้ำเป้าหมายของกระทรวงมหาดไทย จะต้องนำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ ซึ่งเชื่อว่ารัฐมนตรีทั้ง 2 คนจะนำประสบการณ์ ทั้งในระดับพื้นที่ที่ใกล้ชิดประชาชน และนโยบายของพรรคการเมือง มาปรับและบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยไม่มีการแยกส่วน ทั้งนี้ ขอย้ำกับหัวหน้าส่วนราชการ ว่าให้ทำงานไปตามบทบาทหน้าที่ รัฐมนตรีจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ส่วนไหนที่เห็นว่าเป็นหน้าที่โดยตรงก็ให้ดำเนินการได้ทันที โดยต้องใช้งบประมาณอย่างโปร่งใสภายใต้แผนงานที่กำหนด หากโครงการไหนเกินกรอบวงเงินประมาณก็ขอให้ทำการชี้แจง เพื่อให้รัฐมนตรีพิจารณาตามความเหมาะสม ขณะที่การแบ่งงานในความรับผิดชอบกับรมช.มหาดไทยทั้ง 2 คน ได้พูดคุยกันเบื้องต้นแล้ว แต่จะรอให้มีการแถลงนโยบายรัฐบาลก่อนถึงจะมาพูดคุยรายละเอียดว่า ใครจะต้องกำกับดูแลกรมใดบ้าง รวมถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด
ผลักดันนโยบายไปสู่ความสำเร็จ
ด้านนายนิพนธ์ กล่าวว่า ตนเองมีความคุ้นเคย และ เป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากเคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัด และ นายกฯ อบจ.สงขลา มา 6 ปี มองว่ากระทรวงมหาดไทยเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนแผนงานต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของทุกหน่วยงานในสังกัดต้องช่วยกันผลักดันนโยบายไปสู่ความสำเร็จ เพราะทุกคนถือเป็นครอบครัวเดียวกัน คือ ครอบครัวมหาดไทย
ด้านนายทรงศักดิ์ กล่าวว่า ดีใจและรู้สึกอบอุ่นที่ได้รับการต้อนรับในวันนี้ ตนเองเป็นนักการเมืองมา 9 สมัย เคยทำงานมาหลายหน้าที่ แต่ไม่เคยทำงานในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถือเป็นกระทรวงที่รู้จักประชาชนตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต และทุกกระทรวงจะต้องพึ่งพาเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ส่วนการทำงานนั้นแม้จะเป็นรัฐมนตรีช่วย จะมาจากต่างพรรคการเมือง แต่จะบูรณาการกัน อะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะร่วมมือกันเพื่อความเป็นเอกภาพ
จุรินทร์เข้ากระทรวงพานิชย์
เช้าวันเดียวกันนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ พร้อมด้วย นายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ ได้เดินทางเข้ากระทรวงพาณิชย์ เป็นวันแรกภายหลังจากได้เข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ไปแล้ว โดยได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง
นายจุรินทร์ กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์ที่จะต้องดำเนินการมี 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ การทำโครงการประกันรายได้เกษตรกร โดยจะเน้นพืชเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ฯลฯ ซึ่งจะหารือร่วมกันก่อนดำเนินการได้ ทั้งรัฐบาล ที่เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน และเกษตร รัฐบาลจะไม่ดำเนินการโดยพลการโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการแก้ปัญหาการส่งออก ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว พร้อมทั้งเร่งดูแลราคาสินค้าและค่าครองชีพประชาชน และการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ที่ยังค้างท่ออยู่ โดยเฉพาะการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) การเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ที่ชะลอไปนานแล้ว แต่หวังว่า เมื่อมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว จะเดินหน้าต่อไปได้
‘ศักดิ์สยาม’ยิ้มท้องฟ้าแจ่มใส
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ นายถาวร เสนเนียม 2 รมช.คมนาคม เดินทางเข้ากระทรวงคมนาคมเป็นวันแรก เมื่อเดินทางมาถึงได้ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อาคาร 1 โดยทั้ง 3 รัฐมนตรีมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายผู้มารอต้อนรับ นำโดย นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารระดับสูง หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่หน่วยงานในกระทรวงคมนาคม รอต้อนรับอย่างอบอุ่น
ก่อนที่ทั้ง 3 รัฐมนตรีฯ จะเดินมายังบริเวณอาคารสโมสร ทำพิธีสักการะ “พระพุทธคมนาคมบพิธ” พระพุทธรูปประจำกระทรวงคมนาคม บริเวณด้านหน้าอาคารอาคารสโมสร จากนั้นสักการะ “พระภูมิชัยมงคล” ประจำกระทรวงคมนาคม หรือคนกระทรวงคมนาคม เรียกกันว่า “พ่อปู่” และสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ที่อาคาร 2 ชั้น 4 รวมทั้งสักการะกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวสั้นๆ ว่า วันนี้อากาศดี…ตอนแรกคิดว่าจะมีมรสุมซะแล้ว
ผู้ใหญ่หนุน’ธนกร’โฆษกรัฐบาล
แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าตำแหน่งโฆษกรัฐบาลนั้น ขณะนี้มีการส่งชื่อ นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคและนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรค ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเลือกเข้าทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล สำหรับ นายธนกร ได้รับการสนุนจาก นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรครวมถึงผู้ใหญ่ในพรรคและสส.ส่วนใหญ่ เนื่องจากมองว่ามีความเหมาะสม มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ทางการเมืองและยังเคยดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี รวมถึงที่ปรึกษารัฐมนตรีมาแล้ว นอกจากนี้ ยังสามารถตอบโต้ทางการเมืองได้ทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นการเดินสายปราศรัยใหญ่ การดีเบต และการให้ข่าวชี้แจงกับสื่อมวลชน
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับ นางนฤมล ได้รับการสนับสนุนจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ถือเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นนักวิชาการ เป็นอาจารย์สอนที่ม.นิด้า แต่ยังไม่เชี่ยวชาญงานด้านการเมือง จึงอาจจะไม่ทันเกมส์ฝ่ายค้าน ยิ่งสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความเข้มข้นมากในขณะนี้ รัฐบาลจะยิ่งเหนื่อยหากได้โฆษกรัฐบาลที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองในการชี้แจงประเด็นต่างๆ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายอยู่ที่นายกฯจะดัดสินใจเลือกใคร
รมว.ท่องเที่ยวดึงรายได้จากตปท.
ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินทางเข้ามายังกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นครั้งแรก โดยมีคณะผู้บริหารทั้งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ รวมไปถึงภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว ให้การต้อนรับ อย่างคึกคัก ก่อนจะเข้าไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงตามธรรมเนียมปฏิบัติหลังเข้ารับตำแหน่ง โดย นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สิ่งแรกที่จะเริ่มทำ คือ อยากจะบอกว่าการท่องเที่ยวของไทยถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศ ดังนั้นการเข้ามาทำงานครั้งนี้จะต้องหาทางสนับสนุนให้ต่างชาติเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยให้มากขึ้น และนำรายได้เข้ามาสู่ประเทศไทยมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา ส่วนการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวมารองรับในช่วงต่อจากนี้ คงต้องฟังนโยบายจากนายกรัฐมนตรีก่อน
‘จุติ’เข้ากระทรวงพม.22ก.ค.
นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงกำหนดเข้ากระทรวงพม.ว่า จะเข้ากระทรวงวันที่ 22กรกฎาคมนี้ ถือฤกษ์สะดวก ซึ่งจะเข้าไปรับฟังก่อนว่า มีปัญหาและแผนการอะไร สิ่งที่ต้องทำด้วยกันมีอะไรบ้าง ต้องไปด้วยกันทั้งภาคการเมือง รัฐและภาคประชาชน ผมเองมาจากภาคประชาชนก็จะรู้ว่าเขาต้องการอะไร ก็จะได้ตั้งพิกัดให้กระทรวงเดินไปตามทาง สำหรับนโยบายที่จะผลักดันภายหลังเข้ากระทรวงนั้น นายจุติ กล่าวว่า มีเยอะ เรื่องแรกคือผู้สูงอายุ เพราะประเทศไทยเริ่มเข้าสังคมผู้สูงอายุแล้ว หากไม่เตรียมอะไรไว้ อีก 15-20 ปีจะเกิดวิกฤต ฉะนั้นต้องไปดูว่าเราจะรับมือวิกฤตอย่างไร ก็ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญและทำศึกษาเรื่องนี้จากหลายๆภาคส่วน รวมทั้งมหาวิทยาลัย ก็จะมาทำแผนแม่บท ก็ได้เรียนท่านปลัดแล้ว ก็ถือว่าโชคดีที่ได้ปลัดมาทำงานตรงนี้ ถูกที่ถูกเวลา ที่จะนำงานนี้ไปบูรณาการเพื่อผู้สูงอายุ ในทุกมิติ เพราะอีกไม่กี่ปีก็จะเป็น1ใน3ของประเทศไทยแล้ว ต้องพร้อมรับมือ
ขณะเดียวกัน เด็กและเยาวชนก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่มีความท้าทายอีกมากให้เร่งทำงานและผู้หญิงคือส่วนสำคัญที่จะผสานทั้ง 2ฟากเข้าไว้ด้วยกัน สิ่งที่เห็นคืออยากให้ลงไประดับล่าง ผู้หญิงเก่งๆ ที่ขาดแนว แต่มีความสามารถก็อยากให้ผลักดัน เมื่อถามถึงการเดินทางไปเยี่ยมผู้สูงอายุปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น นายจุติ กล่าวว่า พอดีคิดถึงคุณพ่อ คิดทีไรก็ต่อมน้ำตาแตกขึ้นมา
กองทัพหนุนรัฐบาล”บิ๊กตู่”
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศิริ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอาการ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ชัยจินดาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข่าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยก่อนการประชุม ได้มีการประชุมคณะผู้บัญชาการทหาร โดยมี พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะผู้บัญชาการทหาร เข้าร่วมโดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที
จากนั้น พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองทัพไทย แถลงข่าวว่า พล.อ.พรพิพัฒน์ ได้เน้นย้ำและทำการตกลงกับเหล่าทัพเกี่ยวกับจุดยืนของกองทัพยังคงเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติภายใต้จุดยืนที่สำคัญ คือ พิทักษ์ปกป้องรักษาไว้ซึ่งสถาบันของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน การดำเนินการของกองทัพไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศชาติในอนาคต
เมื่อถามว่า บทบาทของทหารดูแลความสงบเรียบร้อยบ้านเมือง หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)สิ้นสภาพไปแล้ว พ.ต.กฤษณ์ กล่าวว่า พล.อ.พรพิพัฒน์ เน้นย้ำ กำลังพลในกองทัพไทย ขอให้อดใจรอคอยดูแลและเป็นกำลังการสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล กองทัพจะใช้ศักยภาพที่มีอยู่ทำงานภายใต้จุดยืนที่ได้กล่าวไปข้างต้น
พท.พร้อมถล่มรัฐบาล6กลุ่ม
วันเดียวกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับเนื้อหาการอภิปรายนั้นจะแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มคือ 1.ด้านเศรษฐกิจ อาทิ สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ระบบคมนาคม รายได้ท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่ามีปัญหาอย่างไร 2.ด้านการเมือง อาทิ กฎหมาย หลักธรรมาภิบาล กรอบคุณธรรม จริยธรรม การทุจริตคอร์รัปชั่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคุณสมบัติของรัฐมนตรี 3.ด้านความมั่นคง อาทิ สิทธิเสรีภาพของประชาชน และการควบคุมสิทธิเสรีภาพด้านโซเชียล 4.ด้านสังคม อาทิ การสาธารณสุขของประเทศ ปัญหายาเสพติด ปัญหาเด็ก สตรี และคนชรา รวมถึงความไม่พร้อมที่จะนำนโยบายกัญชามาใช้กับประเทศไทย 5.ด้านการศึกษา ซึ่งจะมีอดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการมาเป็นพี่เลี้ยงให้ และ 6.ด้านการกระจายอำนาจ อาทิ การลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน ว่าควรจะใช้อำนาจอย่างไร โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ จะเป็นผู้อภิปรายเปิดประเด็น ก่อนที่จะกลับมาสรุปในช่วงท้ายอีกครั้ง
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่รัฐบาลบอกว่าพรรคเพื่อไทยอย่าฉวยโอกาสล้มรัฐบาล และไม่ควรใจแคบนั้น ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ใจแคบ แต่น่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลมากกว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้วิตกจริตใดๆ แต่ทำตามกรอบของรัฐธรรมนูญ วันนี้ถือว่าเรามาเฉลยข้อสอบด้วยซ้ำ อยู่ที่รัฐบาลเองว่าจะทำการบ้านหรือไม่
จัดกลุ่มอภิปรายรัฐมนตรี
สำหรับรัฐมนตรีที่มีปัญหานั้นเราได้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ 1.กลุ่ม 3 ป.คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กลุ่มที่ 2.กลุ่มรัฐมนตรีที่มีคดีค้างอยู่คือ นายอุตตม สาวนายน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์และนายนิพนธ์ บุญญามณี กลุ่มที่3 กลุ่มที่มีคดีกบฏและเคยร่วมเดินขบวนล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งคือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์และกลุ่มที่ 4.กลุ่มรัฐมนตรีที่ถือหุ้นสื่อคือ หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล นายสาธิต ปิตุเตชะ และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าสิ่งที่พรรคจะนำไปอภิปรายนั้น ไม่ได้มาจากการคิดเอง วิเคราะห์เอง แต่มาจากการรับฟังจากประชาชนทุกกลุ่มทั่วประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี