ระทึกศาลรธน.รับวินิจฉัย
คุณสมบัติบิ๊กตู่
แต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติงาน
ปมจนท.อื่นของรัฐหรือไม่
‘ธนาธร-อนค.’โดนสอบด้วย
คดีหนักล้มล้างการปกครอง
วิปรบ.สรุปถล่มนโยบาย2วัน
ศาล รธน.รับคำร้อง 110 สส.ร้องสอบคุณสมบัติ “บิ๊กตู่” เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ให้เวลาชี้แจงใน 15 วัน พร้อมรับร้องสอบ“ธนาธร” ฐานล้มล้างการปกครอง ด้านวิปรัฐบาลแบ่งเวลาอภิปรายนโยบายลงตัวแล้ว ฝ่ายค้าน 13.5 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 5 ชั่วโมงไม่ต้องตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล เชื่อสส.มีวุฒิภาวะรับได้ ไม่ห่วง’บิ๊กตู่‘ฟวส์ขาด เหตุเป็นคนใจเย็น ด้าน’วันชัย’เชื่อนายกฯรับมือได้ ขณะ‘เพื่อไทย’จัดทัพ‘3รุ่น’ถล่มนโยบายรัฐ
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)เปิดเผยผลการหารือร่วมกับตัวแทนวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา(สว.)เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาระหว่างวันที่ 25-26 กรกฎาคมว่ากำหนดเวลาอภิปราย ทั้งสิ้น28 ชั่วโมง เริ่มพิจารณาเวลา 09.00-24.00น.แบ่งเวลาให้ สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านรวม13.5ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี(ครม.) 5ชั่วโมง สส.พรรคร่วมรัฐบาล 5ชั่วโมง และกลุ่มของ สว. 5ชั่วโมง ทั้งนี้ไม่รวมเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม จะแถลงนโยบาย
วิปรบ.เชื่อ’บิ๊กตู่’คุมอารมณ์ได้
นายวิรัช กล่าวว่าได้ร้องขอไปยังตัวแทนวิปฝ่ายค้าน ขอให้อภิปรายในกรอบของนโยบายรัฐบาล ส่วนการอภิปรายคุณสมบัติของรัฐมนตรีนั้น ทำได้ตามกรอบที่กฎหมายบัญญัติไว้ ส่วนคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์นั้นไม่ควรตรวจซ้ำอีกเพราะก่อนหน้านี้เคยมีองค์กรอิสระและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีคำวินิจฉัยไว้แล้ว เพื่อให้การประชุมร่วมรัฐสภารับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาลให้เกิดประโยชน์จึงควรยึดถือประเด็นนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากข้อเสนอแนะแต่ละฝ่ายสำหรับการจัดสรรเวลาให้ สส.พรรคร่วมรัฐบาลนั้น เบื้องต้น จะหารือกันอีกครั้งในวันที่ 23ก.ค.และเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องจัดตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล เนื่องจากสส.ทุกคนมีวุฒิภาวะ ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าร่วมประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกหลังการเลือกตั้งนั้น เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องอารมณ์ เพราะเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนใจเย็น
รบ.เตรียมรับมือทั้งฝ่าย’บู๊-บุ๊น’
‘การอภิปรายให้อยู่ในประเด็นเลี่ยงพูดกระทบกระทั่งแบ่งฝ่าย หรือตอบโต้กันไปมา หากอภิปรายเสนอแนะ ติติง พาดพิงบุคคลจนออกนอกกรอบข้อบังคับก็ทักท้วงกันด้วยเหตุผล ไม่อยากให้มองว่าฝ่ายค้านเตรียมจะใช้เวทีนี้ถล่มรัฐมนตรี เพราะทุกคนแสดงความเห็นได้ แต่ถ้าพูดไปถึงเรื่องคุณสมบัติตัวบุคคลเช่น นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีคนใดก็ต้องแสดงหลักฐานให้ประธานสภาฯได้เห็นด้วย เนื่องจากครม.ได้ผ่านการตรวจคุณสมบัติอย่างละเอียดมาก ไม่ใช่อภิปรายพาดพิงโดยไร้หลักฐาน ทั้งนี้ ได้กำชับสส.ให้เตรียมพร้อม ไม่ใช่ตั้ง องครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรี แต่เราก็มีทุกสูตรไว้รับมือทั้งบู๊และบุ๋น’นายวิรัช กล่าว
สมคิด’รอนายกฯตั้งครม.ศก.
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจากการพูดคุยกับประธานสภาอุตสาหกรรม(ส.อ.ท.)ได้ยืนยันว่าไม่ได้กังวลการเป็นรัฐบาลผสมว่าจะทำงานลำบากขึ้นหรือไม่ซึ่งจะมีกลไกในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆให้การทำงานไปในทิศทางเดียวกันซึ่งตนได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงแนวทางจัดตั้ง ครม.เศรษฐกิจที่ประกอบไปด้วย รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เพื่อมาประชุมร่วมกันเป็นระยะๆโดยหวังให้การทำงานเป็นเนื้อเดียวกันและประสานงานได้ดีขึ้นซึ่งจะมีนายกฯเป็นประธานแต่ขึ้นอยู่กับว่าช่วงเวลาใดมีวาระที่สำคัญเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้นซึ่งการตั้งครม.เศรษฐกิจไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เคยเกิดขึ้นมาแล้วสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์และสมัยรัฐบาลยุคไทยรักไทย(ทรท.)
ส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตามที่มีพรรคการเมืองหาเสียงไว้นั้นไม่ต้องกังวลในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการไตรภาคีทั้ง 3ฝ่าย ต้องหารือถึงมาตรการที่เหมาะสมอยู่แล้วว่าจะขึ้นค่าแรงเท่าไหร่
ไม่กังวลฝ่ายค้านถล่มนโยบาย
เมื่อถามว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลวันที่ 25-26กรกฎาคม กังวลหรือไม่ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายนอกประเด็น นายสมคิด กล่าวว่า ไม่กังวล แต่อยากบอกว่าประชาชนอยากฟังเรื่องที่สร้างสรรค์ว่านโยบายของรัฐบาลมีอะไรบ้าง มีอะไรต้องเพิ่มเติม จึงต้องมาร่วมกันทำงาน เชื่อว่าทุกคนอยากให้บ้านเมืองไปได้ และนโยบายมีอะไรขาดหรือต้องเพิ่มเติมตรงไหนหรือไม่
ชงตั้ง’กอบศักดิ์’นั่งที่ปรึกษาฯ
นายสมคิด ยังกล่าวถึงการแต่งตั้งนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นที่ปรึกษาหลังจากพลาดตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่า ต้องรอการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งต่อไป ภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว ส่วนตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(เลขาฯรองนายกฯสมคิด)นั้น ยังไม่ทราบว่า จะเป็นใครเพราะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม
พปชร.เข้าให้กำลังใจ’อุตตมะ’
ที่กระทรวงการคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรค พปชร.ทั่วประเทศ กว่า 40คน นำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เดินทางมามอบดอกไม้และให้กำลังใจ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพปชร.ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง รมว.การคลัง โดย นายอุตตม กล่าวหลังเข้าพบว่า ได้แจ้งให้ สส.พรรค พปชร.ว่า จากนี้การทำงานของรัฐบาล จะเป็นการทำงานร่วมกันทุกพรรค เพราะเป็นสภาร่วม เป็นสภาผู้แทนราษฎรแบบเต็มตัว โดยยืนยันว่า สส.ของพรรคได้ให้ความสำคัญสูงสุดกับการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ ในการแถลงนโยบายพรรค เริ่มมีการทำการบ้านและแนวทางชี้แจงกรณีที่มีการอภิปราย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ โดยสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ รมว.การคลัง และรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองอื่น ก็มีการกำหนดแนวทางร่วมในการชี้แจงแนวนโยบายไว้ทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะอภิปรายเรื่องอะไร ก็เชื่อมั่นว่าจะชี้แจงให้พี่น้องประชาชนเข้าใจได้อย่างชัดเจน
‘เสี่ยหนู’เดินหน้ากัญชาภายใน1ปี
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล จากนั้นนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายรัฐบาลว่า ขณะนี้ได้เตรียมพร้อมที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีทุกคนในสังกัดพรรคภูมิใจไทย(ภท.)ได้รับร่างนโยบายและเตรียมความพร้อมชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ส่วนนโยบายกัญชาเสรี ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนของนโยบายรัฐบาลนั้น มีแผนงานที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)แล้ว
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจ้องอภิปรายคุณสมบัติรัฐมนตรีที่มีคดีค้างเก่า นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเอกสารมีหลักฐาน ถ้าเกิดเรามีอะไรที่จะต้องชี้แจงก็ต้องชี้แจงด้วยหลักฐาน การกล่าวหาจะต้องกล่าวหาด้วยหลักฐาน ของอย่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่มีการบันทึก โดยเฉพาะเรื่องที่ถูกร้องเรียนว่าถือหุ้นสื่อ สามารถตรวจสอบไปที่กระทรวงพาณิชย์ก็จะทราบรายละเอียดทุกเรื่อง เรื่องนี้มีข้อกฎหมายอยู่
แก้ไขรธน.ต้องคุยกันในวงใหญ่
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงร่างนโยบายเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า เป็นนโยบายแต่ละคนแต่ละพรรค มีความตั้งใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดีกรีอาจต่างกัน อย่างน้อยก็อยู่ในนั้นแล้วและคงมีการพูดคุยกัน ในส่วนพรรคภท.ตนเน้นเรื่องการทำงานก่อน เพราะเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องคุยวงใหญ่ เราทำคนเดียวไม่ได้ นโยบายโดยรวมคือกรอบนำไปขยายผลไปปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ค่อนข้างครอบคลุมทุกประเด็น ไม่มีพรรครัฐบาลพรรคไหนในที่นี้ติติง ทุกอย่างเรียบร้อย
‘วันชัย’มั่นใจนายกฯรับมือได้
ด้านนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา(สว.)กล่าวว่าวันที่23ก.ค.ทางสว.นัดหารือเพื่อพิจารณาการอภิปรายในการรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ได้กำหนดหลักเบื้องต้นคือให้สว.อภิปรายเนื้อหานโยบายตามความเชี่ยวชาญและความชำนาญของบุคคล ส่วนสส.ฝ่ายค้าน ควรทำหน้าที่ให้มีความพอดี อภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาล ควรเน้นเนื้อหาสาระ ส่วนประเด็นคุณสมบัติ รมต.นั้นสามารถทำได้ แต่อย่าทำให้สาระของการประชุมรัฐสภา กลายเป็นภาพที่แต่ละฝ่ายทิ่มแทงอีกฝ่าย หรือโจมตีกันจะไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ส่วนกรณีหลายฝ่ายจับตาบทบาทพล.อ.ประยุทธ์ในเวทีรัฐสภาครั้งแรกหลังเลือกตั้งนั้น เชื่อว่าท่านจะสามารถรับมือได้ เมื่อ นายกฯเข้าสู่รัฐสภาจะปรับเข้ากับระบบประชาธิปไตยที่มีทั้งฝั่งผู้ที่เห็นด้วยผู้ที่เห็นต่าง มีฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ต่างจากการบริหารสมัยแรกๆที่มาจากรัฐประหารที่ผู้นำต้องวางมาด บทบาทเข้มแข็ง หากนายกฯไม่สามารถควบคุมบทบาทได้ อาจเกิดปัญหาหรือผลเสียกับตัวท่านเอง
พท.จัดทัพ3รุ่นถล่มนโยบายรัฐ
ที่พรรคเพื่อไทย(พท.)นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค พท.แถลงหลังประชุมกรรมการบริหารพรรคเป็นนัดแรก ว่าที่ประชุมสรุป5เรื่องคือ1.พรรคเพื่อไทยจะยกระดับการทำงานของพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองให้เป็นที่พึ่งของประชาชนทุกระดับ เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ภายใต้แนวคิด ‘ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ’2.การเตรียมความพร้อมในวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาฯพรรคจะใช้เวทีนี้ทำหน้าที่แทนประชาชน รวบรวมนักการเมือง 3 รุ่นคือรุ่น ใหญ่ กลาง ใหม่ รวม ถึงการอภิปรายงบประมาณ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะใช้โมเดลนี้ด้วย
3.การเลือกตั้งท้องถิ่น พรรคพร้อมส่งผู้สมัครของพรรคทุกจังหวัด ทุกระดับ พร้อมกับจัดตั้งกรรมการยุทธศาสตร์เลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมาดูทั้งเรื่องนโยบายและเรื่องอื่นๆ4.ปัญหาเศรษฐกิจ พรรคมอบให้ สส.รวบรวมนำปัญหาความเดือดร้อนประชาชนมาเพื่อนำไปสู่การแก้ไข5.การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเป็นกำลังหลักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค นายชัยเกษม นิติสิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย เป็นแกนนำหลักในการรับผิดชอบเรื่องดังกล่าว
ศาลรับคำร้องเช็คคุณสมบัติบิ๊กตู่
เย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา170 วรรคหนึ่ง(4) ประกอบมาตรา160(6)และมาตรา98(15) หรือไม่ ผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องของผู้ร้องต้องด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 170วรรคสาม ประกอบมาตร 82 ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจณาวินิจฉัยหรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ปราฏว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 110คน ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ร้อง ขอให้ส่งคำร้องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงฉพาะตัวตามรัฐธรมนูญ มาตรา170วรรคหนึ่ง มาตรา170 วรรคสาม ประกอบมาตรา82 วรรคหนึ่ง เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา160(6) ประกอบมาตรา 98 (15) เพราะเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ กรณีจึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม และมาตรา 82 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจาณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7(9) แล้ว
แต่ไม่ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่
ศาลรัฐธรรมนูญจึงสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยและแจ้งให้ผู้ร้องทราบ พร้อมส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องเพื่อยื่นคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
สำหรับการพิจารณากรณีให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น เห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง บัญญัติเงื่อนไขไว้ว่า จะต้อง“ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง”ซึ่งตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องก็ไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า มีกรณีตามที่ถูกร้องที่จะทำให้เกิดความเสียหายแต่ประการใด ประกอบกับผู้ร้องไม่ได้มีคำขอในส่วนนี้ จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82วรรคสอง
‘ธนาธร’เจอสอบล้มล้างการปกครอง
นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องกรณีที่ นายณฐพร โตประยูร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 5 ต่อ4เห็นว่า ผู้ร้องได้ใช้สิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการตามรัฐธรรมนูญ มาตร49วรรคสองแล้ว แต่อัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตร49 วรรคสาม ที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อ ศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย แจ้งให้ผู้ร้องทราบ ส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องทั้งสี่ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี