ประยุทธ์ฟิตทำการบ้าน
12เรื่องเร่งด่วน
แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
เพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน
พปชร.เปิดเวทีสัมมนาใหญ่
จัดติวเข้มสส.รับมือฝ่ายค้าน
แจกเก้าอี้ข้าราชการการเมือง
“พล.อ.ประยุทธ์” ฟิตจัด ใช้วันหยุดทำการบ้านศึกษานโยบายรัฐบาล ก่อนแถลงต่อรัฐสภา บอกอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจะทำให้หมด เผยรัฐบาลวาง “12 นโยบายหลัก-12 นโยบายเร่งด่วน” เน้นเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชน พร้อมแจก ครม. 21 กรกฎาคมนี้ ด้าน พปชร.จัดติวเข้มสส.พร้อมรับมือฝ่ายค้าน และจัดสรรตำแหน่งขรก.การเมืองให้ลูกพรรค
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเพจ “ลุงตู่มาแว้วๆๆๆ” ซึ่งเป็นเพจที่ทำขึ้นมาใหม่ได้นำภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่โพสต์ในเฟสบุ้คชื่อ“ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-Cha”ที่เป็นภาพเก่าที่ลงไว้ตั้งแต่วันที่ 3พ.ย.2561มาลงโดยเป็นรูปนายกฯกำลังนั่งตรวจเอกสารราชการบนโต๊ะทำงานที่บ้านพัก พร้อมกับมีข้อความว่า“#เพื่อประเทศชาติอันเป็นที่รักของเรา“รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของปวงชนชาวไทย ไม่ใช่รัฐบาลของพรรคนี้พรรคโน้นอะไรที่ประชาชนได้ประโยชน์ ผมจะทำให้...”–นายกลุงตู่-และติดแฮทแทค#ลุงตู่มาแว้วๆๆๆ#สร้างไทยไปด้วยกัน #ReformTogether.
บิ๊กตู่ฟิตเตรียมนโยบายก่อนแถลง
ทั้งนี้มีรายงานว่าพล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญกับการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอย่างมากเห็นได้จากตลอดทั้งวันศุกร์ที่ผ่านมาจะไม่มีภารกิจนายกฯเลยโดยนายกฯจะใช้เวลาอยู่บนห้องทำงานเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายที่จะนำไปแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 25ก.ค.นี้พร้อมยังหอบเอาเอกสารเกี่ยวกับนโยบายกลับไปศึกษาทำความเข้าใจที่บ้านด้วย
นอกจากนี้ ทางสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้สื่อมวลชนทราบผ่านทางกลุ่มไลน์ทำเนียบรัฐบาลว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)จะส่งเล่มนโยบายของรัฐบาลให้สำนักโฆษกในวันจันทร์ที่ 22 ก.ค.ดังนั้น จึงขอให้สื่อมวลชนมารับร่างนโยบายได้ในวันดังกล่าวด้วย
เตรียมแจกนโยบายให้ครม.21ก.ค.
สำหรับนโยบายรัฐบาลฉบับสมบูรณ์ อยู่ระหว่างการจัดพิมพ์โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)ซึ่งในส่วนของรัฐมนตรีจะได้ช่วงบ่ายวันที่ 21 ก.ค.เพื่อไว้ศึกษาและเตรียมความพร้อมในข้อมูลในวันแถลงนโยบายจากนั้น จะแจกให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)และสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ต่อไป ส่วนสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งให้รับได้วันที่ 22 ก.ค.นี้
วาง12นโยบายหลัก12นโยบายเร่งด่วน
สำหรับนโยบายรัฐบาล แบ่งเป็น 2 ส่วน นโยบายหลัก 12 ด้าน 1.ปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.สร้างความมั่นคงและปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ 3.ทำนุบำรุงศาสนาและวัฒนธรรม 4.การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก 5.การพัฒนาเศรษฐกิจ และความสามารถในการแข่งขันของไทย 6.การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค 7.การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก 8.ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของไทยทุกช่วงวัย 9.สาธารณสุข ความเสมอภาคและสวัสดิการที่เหมาะสมกับกลุ่มประชาชน 10.การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติมโตอย่างยั่งยืน 11.การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ 12.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และกระบวนการยุติธรรม
ส่วน’นโยบายเร่งด่วน 12 ด้าน’วางไว้ 1.แก้ไขปัญหาการดำรงชีวิตของประชาชน 2.ปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน 3.มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับการผันผวนของเศรษฐกิจโลก 4.การให้ความช่วยเหลือเกษตรกร 5.พัฒนานวัตกรรมการยกระดับศักยภาพของแรงงาน 6.การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต 7.การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 8.แก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำ 9.แก้ไขปัญหายาเสพติดและความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 10.พัฒนาระบบการให้บริการประชาชน 11.สนับสนุนให้มีการศึกษาการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและดำเนินเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และ12.การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งเป็นโยบายที่เพิ่มขึ้นมา ในวันประชุมครม.นัดแรกเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา
พปชร.ติวเข้ม ส.ส.รับมือฝ่ายค้าน
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวว่าพรรค พปชร.ได้เตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจัดสัมมนา ส.ส.ของพรรค ระหว่างวันที่ 21-22 ก.ค.ที่วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยมีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ เป็นประธาน พร้อมเชื่อว่าการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากทุกฝ่าย ยึดประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ฝ่ายค้านเองก็ทำหน้าที่ตามกรอบ ข้อบังคับอย่างเต็มที่เพื่ออภิปรายข้อเสนอแนะต่างๆ
“แต่การอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จึงอยากเห็นฝ่ายค้านทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ เป็นฝ่ายค้านยุคใหม่ ในระบอบประชาธิปไตย เพราะวันนี้พี่น้องประชาชนจับตาดูอยู่ และรอนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลจะนำไปปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน”รองโฆษกพรรค พปชร.ย้ำ
เคลียร์ที่นั่งข้าราชการการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า สำหรับตำแหน่งข้าราชการการเมือง ได้แก่ เลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี พรรคจะไปชัดเจนหลังแถลงนโยบายรัฐบาล ขณะที่ส.ส.และอดีตผู้สมัครพรรคหลายคนไปปรากฎตัวร่วมกับรัฐมนตรีในวันเข้ากระทรวง จนทำให้ถูกคาดการณ์ว่าอาจจะมานั่งในตำแหน่งเหล่านี้ ล่าสุดผู้บริหารในพรรคได้พูดคุยกันเบื้องต้น มีความเป็นได้ที่ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี จะให้ส.ส.มานั่ง หลังจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าสามารถดำรงตำแหน่งได้ ไม่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ในมาตรา 184 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุส.ส.จะดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารหน่วยงานของรัฐ หรือเป็นกรรมการหน่วยงานใดไม่ได้
ส่วนตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรี จะให้อดีตผู้สมัครส.ส.แบ่งเขตมาดำรงตำแหน่ง เพื่อมีประสบการณ์งานบริหารนำไป ต่อ ยอดเพิ่มฐานเสียงให้ตัวเองในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้
ภท.ปัดทบทวนนโยบาย’กัญชาเสรี’
ด้าน พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย(ภท.)กล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทยแนะให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ทบทวนนโยบายเปิดกัญชาเสรีว่าต้องขอขอบคุณ ร.ต.อ.เฉลิม ที่แสดงความห่วงใย ต่อนโยบายกัญชาเสรี แต่การที่จะพูดถึงนโยบายกัญชาเสรี ที่ทำแบบสมบูรณ์ในตอนนี้ ยังถือว่าเร็วเกินไป เพราะนโยบายนี้ มีขั้นตอนดำเนินการอยู่ ซึ่งนายอนุทิน หัวหน้าพรรคฯในฐานะรมว.สาธารณสุข ก็ได้พูดชัดเจนถึงขั้นตอนการทำนโยบายนี้ซึ่งนโยบายเปิดกัญชาเสรีและทุกนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ผ่านการศึกษา เก็บข้อมูลอย่างรอบด้าน มีแนวทางปฏิบัติและแก้ปัญหาอย่างครบถ้วน สามารถดำเนินการได้จริง ผ่านการแก้ไขและออกกฎหมาย
ยันต้องเริ่มจากทางการแพทย์
“พรรคภูมิใจไทย เรานำเสนอนโยบายนี้ ตั้งแต่การเลือกตั้งจนเราได้ส.ส.เข้ามาถึง51คน แน่นอนว่าประชาชนจับตาดูเราอยู่กับการดำเนินนโยบายนี้และจะเห็นได้ว่าท่านอนุทินเอาจริงกับเรื่องนี้จนสามารถผลักดันให้กัญชาเสรี เป็นนโยบายของรัฐบาลได้ โดยต้องเริ่มจากทางการแพทย์ก่อนที่ต้องผลักดันใช้รักษาผู้ป่วยได้หมด แล้วพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคต ได้ทั้งช่วยคนป่วยและเพิ่มรายได้ให้ประชาชนไปพร้อมๆกัน”โฆษกพรรค ภท.ย้ำ
ชทพ.เน้นอภิปราย-ขยายด้านสวล.
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการจัดสรรเวลาให้พรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลอภิปรายในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันที่ 25 – 26 ก.ค.จำนวนรวม 5 ชั่วโมงว่า พรรคจะนำข้อสรุปจากการประชุมวิปรัฐบาลวันที่ 23 ก.ค.หารือกับที่ประชุมส.ส.พรรคอีกครั้ง ในวันดังกล่าว ช่วงเวลา14.00น.ว่าพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรค ได้รับการจัดสรรเวลาเท่าใดและวิปรัฐบาลมีกรอบการอภิปรายส่วนของพรรคร่วมอย่างไรบ้างแต่ยอมรับว่าการจัดสรรเวลาดังกล่าวให้พรรคร่วมรัฐบาล อาจจะน้อยเกินไป แต่ในหลักการปกติ ถือว่ายอมรับได้
“โดยเนื้อหาอภิปรายของตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา หลังได้เห็นเนื้อหานโยบายรัฐบาลทั้งหมดแล้ว จะกำหนดประเด็นอีกครั้ง โดยเบื้องต้นจะเน้นการอภิปรายรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา รับตำแหน่ง รมว.เพื่อขยายความให้ประชาชนรับทราบต่อนโยบายและแนวทางปฏิบัติ การอภิปรายต้องนำเสนอแง่มุมต่างๆที่เกี่ยวข้อง” นายนิกร กล่าว พร้อมระบุว่า ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ2560นั้นยังไม่ถือเป็นข้อสรุป ต้องพิจารณาแนวทางที่ทำให้ทุกฝ่ายเห็นด้วย หลักการแก้ไขและวิธีการที่จะนำไปสู่การแก้ไขมีความสำคัญเท่าๆกัน ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะวางแนวทางอย่างไร หรือผลักดันเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่
ปชป.ชี้ถกนโยบาย-อย่าให้ปชช.เบื่อ
นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)กล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 25-27 ก.ค.นี้ว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาล ถือเป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญตามกระบวนการในระบอบประชาธิปไตย ที่รัฐบาลจะต้องแถลง เพื่อบอกต่อตัวแทนประชาชนคนไทยทั้งประเทศในรัฐสภา เพื่อที่จะได้ทราบว่านโยบายที่จำเป็นเร่งด่วนและนโยบายที่จะบังเกิดเป็นประโยชน์ภายใน4ปีของรัฐบาลมีอะไรบ้าง บรรดาสมาชิกรัฐสภา ที่มีข้อห่วงใย ก็จะได้แนะนำติติงเพื่อจะให้นโยบายต่างๆเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย และบรรลุเป้าหมายคือประโยชน์สุขของประชาชน หวังว่าบรรดานักการเมืองผู้ที่มีประสบการณ์ น่าจะรู้ดีว่า อะไรควรพูด หรือ อะไรที่ไม่น่าจะควรพูดให้เสียบรรยากาศและความตั้งใจของประชาชน ที่ต้องการอยากจะเห็นการทำงานในสภาเป็นไปอย่างราบรื่น
“ผมทราบมาว่าสส.บางราย อาจจะใช้โอกาสนี้อภิปราย หรือพูดจากระทบกระเทียบตัวบุคคลโดยไม่สนใจว่าเนื้อหาสาระเป็นอย่างไรขอแต่เพียงให้ได้เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนเท่านั้น จึงขอเรียกร้องนักการเมืองทุกคนให้อภิปรายเนื้อหาเพื่อนำพาประเทศเดินไปข้างหน้าดีกว่าใส่ร้ายและเอามันทางการเมือง นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์กับใครแล้ว ยังทำให้ประชาชนเอือมระอาด้วย เวลานี้ควรให้ความสำคัญเรื่องของนโยบายเพื่อบริหารบ้านเมืองก่อน”นายชัยชนะ กล่าว
อนค.จัดขุนพลชำแหละนโยบาย
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงแนวทางส.ส.พรรคอนาคตจะอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 25 - 26 กรกฎาคมนี้ ว่า วันที่ 21 กรกฎาคมจะประชุมหารือกับฝ่ายนโยบายที่พรรคอนาคตใหม่ เพื่อกำหนดประเด็นการอภิปรายตามกรอบเวลาที่ได้คือ 1 ใน 3 ของเวลารวมฝ่ายค้าน 13 ชั่วโมงครึ่ง
“เบื้องต้นได้จัดวางผู้อภิปรายให้รับผิดชอบในแต่ละประเด็นคนละ 15-20 นาที เช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะอภิปรายด้านการเกษตร นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ด้านคมนาคม น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้านเศรษฐกิจ และ ตนเองจะอภิปรายด้านอุตสาหกรรม ภาพรวมพรรคอนาคตใหม่จะมุ่งอภิปรายตามกรอบนโยบายของรัฐบาล แต่ก็อาจจะพาดพิงรัฐมนตรีบางรายบ้าง จากผลงานเดิมที่มีปัญหา เช่นโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)”นายพิจารณ์ กล่าว
เดินสายลุยเกมทั้งใน-นอกสภา
ขณะที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกิจกรรมทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ทั้งในและนอกสภาทั่วประเทศ วันที่ 21 กรกฎาคม เวลา 10.00-12.30 น.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเวทีเสวนาทางออกในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติ พร้อมกับหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านอื่นๆที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ วันที่ 22 กรกฎาคม จะแถลงข่าวเปิดร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เกี่ยวกับวุฒิสภาและมาตรา279 และวันที่ 23 กรกฎาคม แถลงข่าวเปิด Action Planทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและนอกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อผลักดันนโยบายพื้นฐาน12 ข้อ ตามที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ ภายในสองสมัยประชุม (สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ภายใต้ข้อจำกัดส.ส. 81 คนและเป็นฝ่ายค้าน
วันที่ 24 กรกฎาคม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จะอภิปรายในญัตติต่าง ๆ ได้แก่ EEC รถไฟเชื่อมต่อสามสนามบิน การใช้สารเคมีในการเกษตร และผลกระทบของการกระทำ ประกาศ คำสั่ง คสช.และการใช้อำนาจตามมาตรา 44 วันที่ 25 - 26 กรกฎาคม การประชุมร่วมของรัฐสภาจะอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 23 - 26 กรกฎาคม นายธนาธรลงพื้นที่ภาคอีสานพบประชาชน 5 จังหวัดคือจ.บึงกาฬ จ.นครพนม จ.มุกดาหาร จ.อุบลราชธานี จ.โคราช
‘อนุทิน’บินตรวจไข้เลือดออกที่เลย
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ท่าอากาศยานเลย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุข(สธ.)ได้เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวพร้อมคณะเพื่อตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลพระยุพราชด่านซ้ายและโรงพยาบาลเชียงคาน จ.เลย ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของโรงพยาบาลพร้อมกับพบปะ อสม.รวมถึงการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกที่ จ.เลย มีการแพร่ระบาดหนักอันดับ 8 ประเทศ โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นายโสภณ สุวรรณรัตน์ นายชนาส ชัชวาลวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นพ.ชุมนุม วิทยานันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลย. และผอ.โรงพยาบาลในจังหวัดเลย พร้อม ทั้งนายธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ นายกองค์การบริการส่วนจังหวัดเลย นายธนยศ ทิมสุวรรณ สส.เลย เขต 3 และนายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลยเขต 2 ให้การต้อนรับ
โดยนายอนุทินได้ฝากแนะนำประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีไข้เลือดออกระบาด ต้องมีการดูแลตนเอง อย่างให้มีแหล่งน้ำน้ำนิ่งน้ำเน่า น้ำเสียอยู่ในบ้าน เห็นลูกน้ำยุงให้รีบกำจัด ถ้าสมาชิกในบ้าน เกิดเป็นไข้ขึ้นมาช่วงนี้ขอให้ตั้งสมมุติฐานไว้ว่าน่าจะติดเชื้อไขเลือดออก อย่ากินยาแค่ยาแก้ปวดและรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันตนเองในระดับแรก
ระทึกรถนำขบวน‘อนุทิน’ชนเก๋ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุการณ์ระทึก เวลา13.50น.ขณะขบวนรถของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ได้เดินทางกลับมาจากตรวจราชการเรื่องไข้เลือดออกที่โรงพยาบาลพระยุพราชด่านซ้าย เมื่อมาถึงที่กิโลเมตร 32 ถนนเลย-ภูเรือ บริเวณภูสวรรค์ช่วงขาลง รถตำรวจนำขบวนจาก สภ.เมืองเลย ประสบเหตุลื่นขี้ยาง เนื่องจากมีฝนตกปรอยๆรถตำรวจได้หมุนและไปพาดกับรถเก๋ง มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย3ราย นายอนุทินได้ลงจากรถในทันทีเพื่อไปดูคนเจ็บและร่วมปฐมพยาบาลกับแพทย์ และพยาบาล ในขบวน ก่อนนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเลยต่อไป
“จุรินทร์”ควง2รมต.ลุยฟื้นศก.จชต.
วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทยรวมทั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประชุมร่วมศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดใช้แดนภาคใต้ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าชายแดน โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า มาครั้งนี้เพื่อมารับฟังความเห็นข้อเสนอแนะการพัฒนาเศรษฐกิจ 5จังหวัดชายแดนภาคใต้พบว่าเศรษฐกิจฐานรากถือเป็นปัญหาเร่งด่วน ที่ต้องเร่งแก้ปัญหาทั้งสามมิติคือมิติด้านการลงทุน มิติด้านการท่องเที่ยวและมิติการค้าชายแดนในเขตภาคใต้ 5 จังหวัดการประชุมทุกฝ่ายครั้งนี้ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไข ฟื้นฟูและจะต้องสร้างเศรษฐกิจฐานรากเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชน
เร่งดันร่วมพัฒนา-เพิ่มมีส่วนร่วม
ด้าน นายถาวร ระบุว่าแนวทางที่กระทรวงจะร่วมพัฒนาทั้ง 4 ช่องทาง 1.การพัฒนาทางบกในประเทศเพิ่มเส้นทางการขนส่งทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรอง ระหว่างประเทศ มีแนวทางที่จะเชื่อมโยงกับมาเลเซียและสิงคโปร์ โดยอนาคตอาจเชื่อมโยง มาเลย์ กับสิงคโปร์ ทั้งหมดนี้จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 1 belt 1 road 2.การพัฒนาการขนส่งทางน้ำ มีเป้าหมายเปิดประตูแห่งที่สาม สามเกตเวย์ การขนส่งทางน้ำในภาคใต้มีความสำคัญ เพราะเชื่อมโยงกับ 1belt 1road ที่จะเชื่อมกับ มาเลเซียและจีน 3.การพัฒนาการขนส่ง ทางรางที่สามารถเชื่อมโยงได้ทุกภูมิภาค 4.การพัฒนาการขนส่งทางอากาศ แนวทางการขับเคลื่อน มีแผนขยายสนามบินนราธิวาส ทั้งนี้แผนการพัฒนาการขนส่งทางอากาศภายใน 10 ปี จะไม่มีการสร้างสนามบินเพิ่ม ยกเว้นการพัฒนาสนามบินที่มีอยู่แล้ว
ขณะที่นายนิพนธ์ กล่าวว่าการมารับฟังปัญหา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านศอบต.จากทุกภาคส่วน การพัฒนา จะใช้แนวทางของ ในหลวง รัชกาลที่ 9 คือ“เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้พี่น้องชาวใต้ทั้งนี้กฎหมาย ศอบต.ได้กำหนดเรื่องการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะการกระจายอำนาจ อนาคตจะมีการเพิ่มเขตเศรษฐกิจพิเศษมากขึ้น จะเห็นรูปธรรมที่เกิดขึ้น จากการสร้างงาน เกิดการสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชนมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี