เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2562 ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ "พีมูฟ" (P-Move) เดินทางไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยื่นหนังสือถึง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาป่าไม้และที่ดินทำกินของประชาชน รวม 11 ข้อ ดังนี้
1.ยุตินโยบายทวงคืนผืนป่าที่สร้างผลกระทบต่อคนจนและเกษตรกรรายย่อย พร้อมทั้งให้หาแนวทางและมาตรการในการฟื้นฟูเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐที่ผ่านมา
2.ผลักดันให้มีมาตรการคุ้มครองพื้นที่โฉนดชุมชน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยกระดับโครงการจัดที่ดินชุมชน (คทช.) ให้เป็นการรองรับสิทธิสิทธิชุมชนในการบริหารจัดการที่ดินร่วมกันอย่างแท้จริง
3.ทบทวน ปรับปรุงเนื้อหา พ.ร.บ.ป่าชุมชน , พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ ฉบับ พ.ศ.2562 ให้สอดคล้องกับเนื้อหาและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ.2560
4.ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 เรื่อง พื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) เนื่องจากแนวทางและมาตการตามมติ ครม.ดังกล่าวไม่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่
5.ผลักดันให้มีการคุ้มครองพื้นที่ที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน พื้นที่ทางจิตวิญญาณ และพื้นที่วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธ์กะเหรี่ยง และชาวเล ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 และวันที่ 3 สิงหาคม 2553 และยกระดับมติ ครม.ดังกล่าวให้เป็นพระราชบัญญัติเขตส่งเสริมและคุ้มครองทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ ตามยุทธศาสตร์ชาติด้านสังคมภายในปี พ.ศ.2564
6.ผลักดันให้มี พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรในรูปแบบโฉนดชุมชน ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาปฏิรูปแห่งชาติแล้ว
7.กรณีชุมชนที่อยู่ในระหว่างกระบวนการแก้ปัญหากับหน่วยงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ชุมสามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา และที่อยู่อาศัยได้
8.ให้มีการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากคดีป่าไม้ที่ดินที่เกิดจากนโยบายทวงคืนผืนป่า โดยมีมาตรการดังนี้ (1) ให้มีมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้สามารถมีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้เพียงพอต่อการยังชีพได้ (2) คดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรมให้หามาตรการในการจำหน่ายคดี (3) ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจออกคำสั่งทางปกครองตามกฎหมายป่าไม้ให้ชะลอหรือยกเลิก (ในกรณีที่ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ใช่เป็นการบุกรุกใหม่และเป็นผู้ยากไร้ตามคำสั่งที่ 66/2557) (4) ให้มีคณะทำงานรวบรวมกลั่นกรองและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาคดีความที่เกิดจากปัญหาป่าไม้ที่ดินทั้งหมด
9. เร่งแก้ไขปัญหาป่าไม้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จำนวน 73 กรณี
10.ให้มีนโยบายพัฒนาพื้นที่ต้นแบบในการแก้ไขปัญหาพื้นที่ทำกินที่อยู่อาศัยและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กับ ขปส.เช่น (1) กรณีบ้านกลาง จังหวัดลำปาง (2) น้ำพาง จังหวัดน่าน (3) หินลาดใน จังหวัดเชียงราย (4) บ้านนาดอย จังหวัดแม่ฮ่องสอน (5) บ้านสบลาน จังหวัดเชียงใหม่ (6) ชาวเลพีพี จังหวัดกระบี่ (7) ชาวเลสุรินทร์ จังหวัดพังงา (8) สระต้นโพธิ์ จังหวัดภูเก็ต (9) ตามุ่ย จังหวัดอุบลราชธานี
(10) 5 ชุมชนในจังหวัดชัยภูมิ (บ้านซับหวาย , บ้านซับสะเลเต , หนองผักแว่น , ซอกตะเคียน , หินรู) (11) บ้านปลิว จังหวัดตรัง (12) บ้านหลังมุก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (13) ชุมชนเพิ่มทรัพย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (14) บางพระเหนือ จังหวัดระนอง (15) บ้านไร่โว่ จังหวัดกาญจนบุรี (16) ชุมชนมะลิแก้ว จังหวัดภูเก็ต (17) ชุมชนธนิต จังหวัดภูเก็ต (18) สะเหน่พ่อง จังหวัดกาญจนบุรี (19) ชุมชนสันติพัฒนา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น
11.ให้มีกลไกการประสานงานเพื่อติดตามความคืบหน้าและแก้ไขปัญหาร่วมระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี