เมื่อวานนี้(21 กรกฏาคม 2562 )นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวในรายการ ลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ว่า ช่วงหลังๆตนเดินทางไปงานศพบ่อยครั้ง จึงเห็นว่าการเมืองไทยเหมือนข้อความในตาลปัตรพระ คือคำว่า ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น เพราะเหตุการณ์ประเทศหลายอย่างมาบรรจบกันทั้งเรื่องธรรมชาติ เรื่องกฏกติกา และ เรื่องตัวบุคคล
ในห้วง 5 ปีนี้ ไม่มีปัญหาเรื่องธรรมชาติ ภัยแล้ง พืชผลการเกษตรปลูกได้ แต่ขายไม่ได้ราคา แต่ในปีนี้ ส่อเค้าประสบปัญหาภัยแล้งอย่างไม่เคยประสบมาก่อนในรอบหลายๆปี อนาคตของเกษตรกร จากเดิมที่ปลูกพืชได้ แต่ขายไม่ได้ราคา ยกเว้นพืชบางชนิด เช่น ทุเรียน หากไม่ได้รับการวางแผนที่ดี ก็จะจบแบบลำไย ซึ่งราคาตกต่ำมาตลอดหลายปี เหมือนกับยางพาราดังนั้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นเรื่องท้าทายรัฐบาลที่บริหารประเทศมา 5 ปี ยังไม่เคยพบกับปัญหาภัยแล้ง
นายจตุพร กล่าวอีกว่า เรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตามที่หาเสียงกันไว้ที่ 425 บาทนั้น เมื่อได้เป็นรัฐบาลกลับมีท่าทีว่าจะทำไม่ได้ตามที่หาเสียงไว้ ในขณะที่ค่าครองชีพ สินค้าต่างๆกลับขึ้นราคารอ ตามกระเเสการขึ้นค่าเเรงขั้นต่ำไปแล้ว ทุกอาชีพประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ทั้งเรื่องประมง การเกษตร
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้นั้น ต้องดูวิวัฒนาการ ตามที่ตนเคยพูดมาตั้งแต่ต้นว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจมีวิวัฒนาการมาโดยตลอด มีการปรับขบวนท่า ซึ่งในช่วง 5 ปีมานี้จะเห็นได้ชัดว่า ขยับนิดเดียว 3 นาที ถึงบ้าน เรียกปรับทัศนคติหรือพาไปคุมขัง เหล่านี้คือผลพวงในตลอดระยะเวลา 5 ปีมานี้
"รวมทั้ง สภาพการณ์ในช่วง 5 ปีนี้ฝ่ายต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไม่ค่อยได้ทบทวนตัวเอง ขณะเดียวกันผลพวงจาก 10 ปีผ่านมา คือเรื่องคดีความที่อีกไม่กี่วันถัดจากนี้ไป ยังมีคดีอีก 3 ฏีกาและ1ศาลชั้นต้น ซึ่งมีแกนนำ นปช.เกือบทั้งหมดเป็นจำเลย ส่วน กปปส.มี 1 คดีในเดือนนี้ นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง"นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวต่อว่า สิ่งที่สามารถจะทำได้ในขณะนี้คือ การประเมินทุกอย่าง โดยเอาเป้าหมายเป็นหลัก ส่วนวิธีการเป็นรอง และยังมีความหวังว่า ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองสามารถเกิดอะไรได้ทุกเวลา
“เเคนดิเดทนายกรัฐมนตรี กับนายกรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องไว้พิจารณาทั้งคู่เรื่องคุณสมบัติ และข้อหาการล้มล้างการปกครอง แต่ตราบใดที่รัฐธรรมนูญยังให้อำนาจ สว. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ฝ่ายประชาธิปไตยก็จะไม่มีโอกาสเดินไปถึง 376 เสียง” นายจตุพร กล่าว อย่างไรก็ตาม หากกติกายังไม่เป็นธรรมแบบนี้ เลือกตั้งกลับมาก็พบปัญหาแบบเดิม
นายจตุพร ระบุด้วยว่า ในกระบวนการเวทีรัฐสภา ฝ่ายค้านที่มีศักยภาพเท่านั้นที่สามารถจัดการในเวทีรัฐสภาได้ และเป็นโอกาสที่ดีที่สุด หากฝ่ายค้านมีความมุ่งมั่นในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันรัฐบาลเองหากต้องการตัดปัญหาความวุ่นวายนอกสภา ก็ต้องไม่ปิดกั้นในเวทีสภา ยิ่งปิดกั้นในเวทีสภามากเท่าไหร่เท่ากับเป็นการผลักให้ประชาชนออกมาข้างนอกมากเท่านั้น และหากรัฐบาลต้องการให้ทุกอย่างจบที่สภา ก็เปิดให้มีการอภิปรายในเวทีรัฐสภาอย่างเต็มที่ แต่ปรากฎว่า มีการเปิดให้อภิปราย เพียง 2 วัน
“ฝ่ายค้านต้องปรับตัว เมื่อรัฐบาลลดเวลาการอภิปรายลง ฝ่ายค้านก็ต้องลดคนอภิปรายลง ใช้คนเพียงไม่กี่คนทำการบ้างมาอย่างดี ให้สามารถอธิบายเรื่องราวต่างๆได้อย่างครบถ้วน เพราะเวลาน้อยใช้คนมากมันจะไม่มีประสิทธิภาพ” นายจตุพรกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี