เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 ที่ชั้น 4 อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลุ่มประชาชนผู้ประกอบอาชีพค้าขายแบบหาบเร่แผงลอย รวมตัวกันเรียกร้องต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ให้ทบทวนมาตรการยกเลิกจุดผ่อนผันนับร้อยแห่งจนมีผู้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก โดยมีนายเรวัตร ชอบธรรม ประธานเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ มีใจความดังนี้
จากนโยบายของคณะรัฐมนตรี นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งจะแถลงต่อรัฐสภาในวันพฤหัสบดีที่ 25 ก.ค. 2562 โดยมีนโยบายหลัก 12 ด้าน และนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง ซึ่งในนโยบายเร่งด่วนเรื่องที่ 1 คือการแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน โดยลดข้อจำกัดในการประกอบอาชีพของคนไทย ซึ่งระบุว่าจะทบทวนรูปแบบและมาตรฐานหาบเร่แผงลอยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อยังคงเอกลักษณ์ของเมืองหลวงแห่งร้านอาหารริมถนนนั้น
เครือข่ายฯ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ค้าที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ผ่านมา จึงขอแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องดังนี้ 1.เครือข่ายฯ ขอขอบคุณที่รัฐบาลเห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการดำรงชีวิตของประชาชน โดยลดข้อจำกัดในการประกอบอาชีพของคนไทย และเครือข่ายฯ ขอสนับสนุนนโยบายทบทวนการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยของรัฐบาลที่จะดำเนินการต่อไป เพราะที่ผ่านมาการยกเลิกการค้าได้ส่งผลกระทบต่อปัญหาปากท้องของประชาชนทั้งผู้ค้าและผู้บริโภค ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
2.การจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยในกรุงเทพฯ ที่จะเกิดขึ้น ขอให้รัฐบาลกำหนดให้ผู้ค้า ผู้ซื้อ ผู้ใช้ทางเท้า ชุมชน นักวิชาการ สำนักงานกรุงเทพมหานคร (กทม.) สำนักงานเขต และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการกำหนดกติกาในการจัดระเบียบร่วมกันตามบริบททางกายภาพและเงื่อนไขของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง และ 3.เครือข่ายฯ ขอเรียกร้องให้จุดที่ทำการค้าซึ่งถูกยกเลิกไปแล้วที่เป็นจุดผ่อนผัน จุดผ่อนปรน รวมถึงจุดทบทวนได้รับสิทธิและโอกาสในการทบทวนและพิจารณาใหม่จากรัฐบาล
ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดร่วมกันจากทุกภาคส่วนโดยเท่าเทียม ทั้งนี้ เครือข่ายฯ พร้อมที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐบาลโดยการรวมกลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทบทวนนโยบายการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยให้มีรูปแบบและมาตรฐานที่คงเอกลักษณ์ของประเทศไทย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ขณะที่ นายณัฎฐ์ดนัย กุลธัชยศอนันต์ รองประธานเครือข่ายฯ กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุเรื่องการทบทวนนโยบายจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยไว้เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล แสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มมองเห็นผลกระทบของนโยบายดังกล่าวต่อประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และทุกพื้นที่ ซึ่งนับตั้งแต่จุดผ่อนผันต่างๆ ถูกยกเลิก เครือข่ายฯ ได้ติดตามเรียกร้องให้ภาครัฐทบทวนนโยบายมาตลอด แต่หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบอย่าง กทม. กลับไม่ได้ใส่ใจผู้ได้รับความเดือดร้อนทั้งผู้ค้าและผู้บริโภคอาหารริมทางอย่างจริงจัง
ด้าน นายเบญจพล นาคพันธุ์ กรรมการเครือข่ายฯ กล่าวเสริมว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายให้ทบทวนมาตรการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย ย่อมหมายถึงเปิดโอกาสให้ผู้บริหาร กทม. ได้ทำการจัดระเบียบอีกครั้งหนึ่ง แต่จุดนี้ตนเป็นห่วงว่าหากปล่อยให้ส่วนราชการคือ กทม. ทำเองฝ่ายเดียว เชื่อว่าแนวทางคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ดังนั้นจึงเสนอว่าต้องให้คนในชุมชนรวมถึงผู้นำแต่ละพื้นที่ เช่น สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) สมาชิกสภาเขต (ส.ข.) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) รวมถึงกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านกรณีจังหวัดปริมณฑล มีส่วนในการหาทางออกร่วมกัน
"ผมไม่แน่ใจว่าผู้ว่าฯ กทม. จะรับปฏิบัติเหมือนวันที่ 17 ก.ค. 2560 หรือเปล่า เมื่อท่านรับวันนั้นถึงวันนี้ 2 ปีแล้ว ไม่เคยทำให้พวกเราเลย ผู้ค้า 300 กว่าจุดยังไม่ได้ค้าขายเลย ตรงนี้ผมไม่ได้จะโกรธเคืองท่าน วันนั้นท่านอ้างคำว่านโยบายของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้มาจัดระเบียบ แต่ท่านตีความหมายว่าไปรื้อเลิกจนพวกเราไม่ได้ทำมาค้าขายเลย" นายเบญจพล กล่าว
ส่วน นายพงษ์ศิลป์ หลี่อินทร์ กรรมการเครือข่ายฯ กล่าวว่า หลังเหตุการณ์ยกเลิกจุดผ่อนผันทั่วกรุงเทพฯ จำนวนมาก ผู้ค้าก็แตกกระสานซ่านเซ็น หลายคนต้องแบกหนี้สิน ซึ่งจริงๆ แล้วอาชีพหาบเร่แผงลอยเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเศรษฐกิจของประเทศ เช่น สมมติมีผู้ค้า 2.4 แสนคน ตามที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เคยกล่าวถึง แล้ววันหนึ่งผู้ค้าแต่ละคนมีรายได้ 2 พันบาท เท่ากับว่าวันหนึ่งคนอาชีพหาบเร่แผงลอยสร้างรายได้ถึง 480 ล้านบาท ดังนั้นการสั่งห้ามขาย เม็ดเงินที่หมุนเวียนอยู่ในประชาชนระดับชั้นล่างหายไป ความทุกข์ยากจึงเกิดขึ้น
"ผมไม่รู้ว่าเป็นนโยบายของ กทม. หรือของรัฐบาลที่ไล่เลิกพวกเรา ที่ผ่านมาท่านสกลธี (นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม.) ท่านเฮี้ยบมาก ต้องการจัดการให้เรียบ ไม่ให้มีแผงลอยเลย ผมก็อยากจะถามท่าน ถ้าท่านไม่เคยจน ไม่เคยเกิดมาเป็นคนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเรา ท่านไม่มีทางเข้าใจพวกเรา ถนนสวยงามที่ท่านได้มามันแลกกับความตาย มันไม่คุ้ม ฉะนั้นวันนี้เป็นนิมิตหมายอันดีที่รัฐบาลนำเสนอนโยบายนี้และให้ความสำคัญกับพวกเรา" นายพงษ์ศิลป์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี