แจงแล้วปมเตรียมการรปห. 3ปี หลังเจอ “วิสาร”ขุดหนังสือที่ “บิ๊กตู่” เขียน ซัด ทัศนะมองนักการเมืองเป็นศัตรูชัด ด้าน เจ้าตัว ฉุน ผมไม่ชอบ อย่ามายิ้มเย้ยกันแบบนี้
เมื่อเวลา 15.05 น.วันที่ 26 กรกฏาคม 2562 ระหว่างการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า แม้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นพี่ใหญ่เป็นผู้ที่ดูแลน้องๆ แต่นโยบายรัฐบาลในเรื่องความมั่นคง กลับส่วนทางกลับสภาพเศรษฐกิจ เพราะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีข้อเท็จจริงในการใช้งบประมาณเพื่อจัดซื้อยุทธโธปกรณ์เป็นเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาท ทั้งเรือดำน้ำ เครื่องบิน รถถัง เป็นต้น แม้ยุทธโธปกรณ์จะมีความจำเป็น แต่มีเยอะไปหรือไม่ วันนี้ก็มีข่าวอีกแล้วว่า มีการติดต่อซื้อปืนใหญ่จากประเทศอิสราเอล กับเครื่องบินของประเทศเกาหลีอีก วันนี้ตนยังสงสัยอยู่ว่า เวลาได้เรือดำน้ำมา จะเอาไปดำที่อ่าวไทยได้หรือไม่ เพราะแม้แต่จักรีนฤเบศร์ ยังต้องเอาไปฝากไว้ที่ฝั่งอันดามัน เพราะเพื่อนบ้านเขาไม่สบายใจ จึงชะลอโครงการไว้ก่อนได้หรือไม่ แล้วนำเงินเหล่านี้ผันแปรมาไว้สำหรับพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหา หนี้สิน เรื่องน้ำทำการเกษตรของเกษตรกร รวมไปถึงน้ำดื่มน้ำกินก่อนได้หรือไม่
นายวิสาร อภิปรายต่อว่า ตนอยากให้แนะนำพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่ามอบหมายให้พล.อ.ประวิตร ดูแลงานด้านการท่องเที่ยว ควรให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯดูแลจะดีกว่าเพราะถือเป็นวิธีที่จะแก้ไขเรื่องนี้ที่ดีที่สุด เพราะในปี61 มีคนร้ายบุกกราดยิงโรงแรม ซึ่งเป็นผู้ประกอบการของไทยในประเทศแคนย้า คนตายเยอะ หลายประเทศระดมสรรพกำลังช่วยประชาชนของประเทศตัวเองออกมา แต่พล.อ.ประวิตร ในฐานะที่ดูแลความมั่นคง กลับให้สัมภาษณ์ว่า โชคดีที่คนไทยไม่ตาย อีกทั้งยังบอกว่า เหตุที่คนร้ายเลือกมาก่อการในโรงแรมผู้ประกอบการไทย เพราะอาหารอร่อย ที่ยิ่งไปกว่านั้น จากกรณีที่มีเรือเฟอรี่ล้มที่จ.ภูเก็ตว่าเหตุที่เกิดเกิดจากตัวเขาเอง ไม่เกี่ยวกับเรา โดยเฉพาะเรื่องหักดิบปราบทัวร์ศูนย์เหรียญที่ทำให้มีผู้ประกอบการเดือนร้อนไปทั่ว และที่สำคัญยังมีลูกน้อง แอบอ้างชื่อพล.อ.ประวิตรไปบีบเอาเงินมาด้วยจึงเป็นเรื่องใหญ่นักท่องเที่ยวหาย รายได้ประเทศลด ผู้ประกอบการคนจีน จำหน้าท่านได้ทุกคน มีคนเจ็บแค้นคิดว่า เจอท่านที่ไหนสงสัยจะเหมือนจ่านิวแน่นอน จากคำพูดของท่านที่บอกว่า เขาตายเอง
“วันนี้ดีใจจริงๆ ก่อนหน้าที่ผมโกรธ แค้นที่พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ผมอยู่อย่างยากลำบากไปต่างประเทศก็ต้องขออนุญาต แต่ที่สำคัญ ผมเพิ่งรู้ว่า ท่านเตรียมการรัฐประหารมา 3 ปี และที่สำคัญผมอยากให้รัฐมนตรีที่เป็นฝ่ายการเมืองไปอยู่กับท่าน เพราะที่ผ่านมาท่านชอบแนะนำให้อ่านหนังสือแต่ผมขออนุญาตโฆษณาหนังสือเรื่องของกองทัพไทยกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่เขียนโดยพล.อ.ประยุทธ์ เพราะทำให้ผมทราบว่า ทำไมท่านถึงคิดกับนักการเมืองเป็นศัตรู ทำให้ถึงต้องออกฏหมานหลายอย่างต้องทำให้พวกเราประสบความยากลำบาก วันนี้อยากให้ท่านเดินออกไปพบ ส.ส.ส.ว. บ้าง เพราะสมาชิกพรรครัฐบาลมาบอกว่า เข้าไม่ถึงท่าน เจอแต่นายเวร ที่ปรึกษา ถ้ามีโอกาสมาพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้กาวหน้ายิ่งขึ้น”นายวิสาร กล่าว
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและใช้น้ำเสียงดุดันว่า ตนนั่งฟังเรื่องนี้มา 2 วันแล้วเรื่องที่กล่าวหาตนว่าเตรียมการมา 3 ปี กลับไปย้อนฟังใหม่ ไปถามลูกน้องตนก็ได้
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่ตนได้พูด ก็คือว่า การเป็นผบ.ทบ.มา 3 ปีนั้น ต้องเจอสถานการณ์อะไรมาบ้าง สถานการณ์ความขัดแย้ง สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ก็ไม่รู้ว่าพวกไหนเหมือนกัน ซึ่งหลังจากนั้น ตนก็ฝึกกำลังพลในการระมัดระวัง และดูแลความปลอดภัยของประชาชน จะอยู่อย่างไร นั่นคือสิ่งที่ตนเตรียมการ
"เมื่อมาถึงเวลาตรงนั้นก่อนที่ผมจะเกษียณอายุราชการ 6 เดือน เกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพูดถึงตรงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำเสียงดุสีหน้าขึงขังใส่ฝ่ายค้านว่า"คุณไม่ต้องมายิ้มเลย ไอ้พวกที่นั่งอยู่ตรงเนี่ย ยิ้มแบบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น คนตายคนเจ็บไปเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นผมจึงต้องตัดสินใจ และไม่ใช่คิดมาก่อนอะไรเลย แต่ตัดสินใจวันนั้นเท่านั้นเอง ถ้าทหารไม่ออกมาทำงานวันนั้น ก็คงจะอยูู่กันแบบนั้นต่อไป คือ งบประมาณก็ทำกไม่ได้ รับผิดชอบกันหรือเปล่า"นายกฯกล่าว พร้อมกับถามไปส.ส.ฝ่ายค้านว่า "ตอบมาสิ แล้วก็อย่าทำหน้าเยาะเย้ยแบบนั้น ผมไม่ชอบ"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี