รองเลขาฯ กกต.กำชับพรรคการเมืองเร่งปฏิบัติตามกฎหมาย ตั้งสาขา-ตัวแทนประจำจังหวัด เหตุเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องทำตามกฎหมายทุกขั้นตอน ไม่มีคำสั่ง คสช.ช่วย เผยมีผู้สมัคร ส.ส.รายงานค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ครบ ถือว่ามีความผิด ย้ำตรวจสอบระดมทุนยึดตามกฎหมาย ไม่สามารถเจาะลึกเจตนาบริจาค
5 สิงหาคม 2562 นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นประธานเปิดอบรมการส่งเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการเงินและบัญชีของพรรคการเมือง ให้กับผู้แทนพรรคการเมือง ผู้บริหาร พนักงานของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเงินและบัญชีของพรรคการเมืองให้กับผู้แทนของพรรคการเมือง สาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ให้เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 และนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ด้านนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. บรรยายถึงข้อสังเกตเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่ผ่านมา โดยระบุว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องใช้กฎหมายพรรคการเมืองเต็มรูปแบบ ทุกพรรคต้องดำเนินการตามกฎหมายพรรคการเมือง โดยเฉพาะการทำไพมารีโหวต ที่ผ่านมามีคำสั่ง คสช.ช่วยในเรื่องการทำ จึงทำให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ผ่านไปโดยไม่ต้องทำไพรมารีโหวตเต็มรูปแบบ แต่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปจากนี้อีก 3 ปี 8 เดือน หากจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นพรรคการเมืองจะต้องเร่งเตรียมพร้อม โดยเฉพาะเรื่องของสมาชิกพรรค ที่ผ่านมา กกต.ยกเว้นให้ในกรณีที่ไม่สามารถคีย์ชื่อสมาชิกเข้าไปในระบบฐานข้อมูลได้ทัน ก็สามารถนำหลักฐานการยื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรคไปแสดงต่อผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดได้ แต่ในครั้งต่อไปจะต้องยึดรายชื่อจากฐานข้อมูลสมาชิกเป็นหลัก หากมีปัญหาก็ต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาล
นายแสวง ยังกล่าวถึงเรื่องการเงินของพรรคการเมืองว่า รายได้ของพรรคการเมืองจะมาจาก 1.ทุนประเดิมที่ผู้ร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองบริจาค แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท 2.ผู้บริจาคที่ต้องเป็นไปตามกคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย 3.เงินค่าบำรุงพรรค ที่เรียกเก็บจากสมาชิกพรรคเท่านั้น 4. เงินขายของที่ระลึก ที่พรรคจะขายปากกา สมุด ดินสอที่ใครก็สามารถซื้อได้ นอกจากนี้เป็นเงินบำรุงและบริจาคจากเงินภาษีของประชาชน ที่ทางสำนักงานกกต.เป็นผู้ดำเนินการให้กับพรรคการเมือง
อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสอบเงินของพรรคการเมือง กกต.จะตรวจสอบในส่วนที่กฎหมายกำหนดแต่ทั้งนี้พรรคการเมืองจะต้องไม่หาเงินโดยแสวงหากำไร แล้วนำมาแบ่งปันกัน ไม่รับเงินต่างชาติ ซึ่งจะมีเหตุให้ถูกยุบพรรคได้
นายแสวง ยกตัวอย่างกรณีตรวจสอบการระดมทุนของพรรคการเมืองที่มีบริษัทเอกชนให้เงินกับพรรคการเมืองหนึ่ง ว่า กรณีดังกล่าว กกต.จะตรวจสอบตามขั้นตอนที่กฎหมายให้ตรวจสอบเท่านั้นจะไม่มีอำนาจไปตรวจสอบบริษัท หรือราคาโต๊ะที่พรรคการเมืองตั้งไว้ขายเพื่อระดมทุน แต่การระดมทุนจะต้องไม่เกิด 10 ล้านบาทต่อราย และอย่านำเงินที่ได้มาแบ่งปันกัน เพราะการระดมทุนไม่ได้อยู่ที่ราคาแต่เราจะดูว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนเรื่องพฤติกรรมว่าข้าราชการเมืองจะใช้ตำแหน่งจูงใจให้ผู้ใดบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้พรรคหรือแหล่งที่มาสุจริตหรือไม่ กกต.ไม่มีอำนาจ
“อันไหนไม่มีอำนาจก็จะไม่ตรวจ หรือไปละเมิด เราทำตามกฎหมายเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเพื่อให้การตรวจสอบนั้นสิ้นกระแสความโดยยึดประโยชน์เพื่อความยุติธรรม ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาพบว่ามีผู้สมัครส.ส.รายงานค่าใช้จ่ายไม่ครบ ซึ่งการไม่รายงานถือว่าเป็นความผิด” นายแสวง กล่าว
นายแสวง ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการจัดตั้งสาขาพรรค และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดที่ผ่านมามีสาขาพรรคการเมืองโดยรวมแค่ 300 กว่าสาขาจาก 86 พรรคการเมือง ที่มีสมาชิกรวมกว่า 8 แสนคน ซึ่งหาก86 พรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งครั้งต่อไป จะต้องมีสาขาครบ 4 ภาค หากจะส่งผู้สมัครครบทุกเขต จะต้องมีสมาชิก4-15 ล้าน การหาสมาชิกและการตั้งสาขาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 เดือน ดังนั้นจึงได้กำชับให้พรรคการเมืองต่างๆ เร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมามีการร้องเรียนเกี่ยวกับพรรคการเมืองเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายได้เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้สอบถามถึงการดำเนินกิจกรรมของพรรค พบว่าพรรคการเมืองได้สอบถามในกรณีการบริจาค และการซื้อสินค้าที่ระลึกชองพรรคการเมือง ว่าในกรณีสามีหรือภรรยาเป็นชาวต่างชาติ สามารถบริจาคได้หรือไม่ กรณีบุคคลที่ 3 มาซื้อสินค้าที่ระลึกของพรรคไปเป็นจำนวนมากเพื่อนำไปขายต่อทำได้หรือไม่ รวมทั้งกรณียุบตัวแทนประจำจังหวัดที่มีจำนวนมากแล้วตั้งเป็นสาขาพรรคทำได้หรือไม่
ขณะที่หัวหน้าพรรคเพื่อนไทยเรียกร้องให้กกต.เป็นเจ้าภาพเสนอแก้ไขกฎหมายในการเลือกตั้ง เพราะเห็นได้จากปัญหา และอุปสรรคที่เกิดขึ้นหากไม่แก้ไขจะทำให้พรรคการเมืองเดินต่อไปไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี