“เทพเทือก” ยันอนุมัติโครงการก่อสร้างโรงพัก โปร่งใสทำตามขั้นตอน ลั่นไม่ได้ทุจริต พร้อมพิสูจน์ความจริงในศาล ระบุแม้โรงพัก จะสร้างไม่เสร็จก็เป็นเรื่องของ สตช.ที่ต้องบริการสัญญา ไม่เกี่ยวกับการอนุมัติ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตเลขาธิการ กปปส.ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ(ทดแทน)จำนวน396แห่ง เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ได้รับความเสียหาย เป็นเงินจำนวน1,728ล้านบาทว่าตนได้เข้าไปชี้แจงหลายครั้งหลายหนในช่วง5ปีที่ผ่านมา ในที่สุด ป.ป.ช.ก็ได้สรุปและมีมติชี้มูล ทำให้ตนเอง จะได้มีโอกาสไปพิสูจน์ความจริงในศาล เรื่องราวจะได้จบเพราะตนเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงมาเยอะแล้ว
นายสุเทพกล่าวว่าในฐานะคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เรื่องที่เกิดขึ้นขอเรียนกับประชาชนว่าไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย แต่เดิมป.ป.ช.พยายามกล่าวหาว่าตนเองกระทำผิดมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)แต่ในที่สุดก็ไม่มีความผิดเพราะว่ามติครม.เกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่มีอยู่จริง ดังนั้นหากฟังจากการแถลงของ ป.ป.ช.เมื่อวานนี้กลายเป็นว่าตนเสนอเรื่องขออนุมัติ ครม.เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวิธีจัดซื้อจัดจ้างใหม่ กลับไม่เสนอ ขอมติที่ประชุมครม.อีก คล้ายกับว่าตนเองใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีดังกล่าวจะทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ซึ่งตนเห็นว่าอาจจะผิดจากข้อเท็จ
“เพราะข้อเท็จจริงคือครม.มีมติครั้งเดียวเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์2552ให้สร้างสถานีตำรวจ396แห่งในวงเงิน 6,000ล้านบาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ แล้วผูกพันงบประมาณเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งครม.อนุมัติเพียงครั้งเดียว เรียกว่าครม.อนุมัติโดยหลักการ” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างไม่ใช่อำนาจของ ครม.ในการอนุมัติ ไม่มีการอนุมัติในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการใด ที่จะต้องไปขออนุมัติจากมติ ครม. เพราะมีกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างว่าด้วยระเบียบพัสดุของสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วว่าเป็นอำนาจของหัวหน้าหน่วยงาน คืออธิบดี หรือถ้าเกินอำนาจของอธิบดี ก็เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงนั้น ดังนั้นที่กล่าวหาว่าตนเสนอครม.ครั้งหนึ่งแล้ว แต่พอจะเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดซื้อจัดจ้างกลับไม่เสนอขอมติครม.นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งประเด็นนี้ตนจะนำไปพิสูจน์ให้ศาลได้เห็น
“ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจเพราะทั้งหมดนี้ที่ป.ป.ช.กล่าวหาผมไม่เกี่ยวกับการทุจริตเลย เป็นเพียงประเด็นว่าผมใช้อำนาจหน้าที่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น เรื่องการทุจริตนั้นเป็นเรื่องที่ป.ป.ช.แจ้งมติชี้มูลตำรวจ ข้าราชการหรือพ่อค้าคนอื่นในวันเดียวกันทำให้เข้าใจผิดคิดว่าผมไปสมคบทุจริตกับเขาด้วย”นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพยังกล่าวย้ำว่าประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะชี้ให้ประชาชนได้เห็นคือมีการประมูลกันโดยวิธี(อีอ๊อกชั่น) e-Auction โดยมีผู้เข้าประมูลหลายรายและแข่งขันกัน 70 กว่าครั้งในการประกวดราคา ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดนั้น ได้เสนอราคาต่ำกว่าราคากลาง ประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริง
“การก่อสร้างที่ไม่แล้วเสร็จ ไม่ได้เกี่ยวกับการอนุมัติสั่งการของผมแต่เกี่ยวกับการบริหารสัญญาคือการกำกับควบคุมดูแลการก่อสร้าง เป็นที่น่าสังเกตว่าระหว่างการก่อสร้างกว่าจะทำสัญญาได้ก็นานและเวลาก่อสร้างมีการขยายสัญญาหลายครั้ง โดยผบ.ตร.หลายคนซึ่งผมจะไม่พูดว่า ใครถูกใครผิดอย่างไรเพราะเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องไปพิสูจน์ความจริงกันในศาล ด้วยพยานหลักฐานที่มีอยู่”นายสุเทพ กล่าวย้ำทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี