วันที่ 10 สิงหาคม 2562 นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมช.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กระบุว่า...สถานการณ์ของไทยขณะนี้ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือเศรษฐกิจ เพราะเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจทุกตัวได้ดับสนิทอย่างสิ้นเชิงแล้ว เครื่องยนต์ตัวสุดท้ายที่เป็นความหวังของรัฐบาลคืออีอีซี (Eastern Economic Corridor) ที่รัฐบาลตั้งความหวังว่าจะใช้เป็นตัวฉุดเศรษฐกิจของไทยก็ดับลงแล้วเช่นกัน
เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ 4 ตัว ได้แก่
(1) การส่งออกที่เคยประมาณการว่าปี 2562 จะเติบโต 0% แต่ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยปรากฏว่าการส่งออกครึ่งปีแรกกลายเป็นติดลบ 4.1%
(2) การบริโภคภายในไม่ต้องพูดถึงเพราะรัฐบาลประยุทธ์ทำให้คนส่วนใหญ่เป็นคนจนถ้วนหน้าไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอยดูจากการขึ้นทะเบียนคนจนและหนี้ครัวเรือน
(3) การท่องเที่ยวปีนี้จะหดตัวตามเศรษฐกิจโลกรวมถึงการที่เงินบาทแข็งค่ายิ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวไม่มาไทยแต่คนไทยจะไปเที่ยวต่างประเทศแทน
(4) เครื่องยนต์ตัวสุดท้ายคือการลงทุนซึ่งรัฐบาลตั้งความหวังไว้เพราะในปี 2561 มีตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอรวม 887,470 ล้านบาท รัฐบาลหวังว่าหากมีคนนำเงินมาลงทุนจะเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจไทยให้เงยหัวขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่มีนักลงทุนนำเงินมาลงทุนจึงทำให้รองนายกฝ่ายเศรษฐกิจออกมาร้องคร่ำครวญขอความเมตตาจากนักลงทุนอย่าหนีประเทศไทยตามที่เป็นข่าว
การที่ตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2561 สูงที่สุดในรอบ 5 ปีนับแต่มีการยึดอำนาจทำให้พลเอกประยุทธ์และรองนายกฝ่ายเศรษฐกิจเอาไปคุยโตว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาล คสช. แล้ว แต่ความจริงเกิดจากนักลงทุนมีความหวังว่าการเลือกตั้งในต้นปี 2562 คงจะมีการเปลี่ยนแปลงได้รัฐบาลใหม่มาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ สุดท้ายด้วยอภินิหารของรัฐธรรมนูญและกระบวนการโกงที่สุมหัวกันทำขึ้นจนได้รัฐบาลหน้าเดิมอีก จึงทำให้ประชาชนและนักลงทุนหมดหวังกับประเทศ
สาเหตุที่นักลงทุนหนีประเทศไทยเกิดจากทั้งปัจจัยภายนอกได้แก่สงครามการค้าที่ทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวจึงชะลอการลงทุน สงครามการค้าครั้งนี้จะยืดเยื้ออย่างน้อยอีกสองปีจนกว่าสหรัฐจะเลือกตั้งประธานาธิบดีเสร็จในปลายปีหน้า การประท้วงในฮ่องกง ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีกับญี่ปุ่นและอินเดียกับปากีสถาน ทั้งหมดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่น่าเศร้าคือรัฐบาลยังไม่เคยมีมาตรการใดๆ ที่จะป้องกันหรือแก้ไขผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว นายกรัฐมนตรียังไม่รู้ร้อนรู้หนาวสร้างแถมยังภูมิใจกับการตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ส่วนปัจจัยภายในคือความไม่เชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อรัฐบาลที่มีคะแนนเสียงที่ปริ่มน้ำ ตัวนายกและทีมเศรษฐกิจเป็นชุดเดิมที่บริหารล้มเหลวมา 5 ปีแล้วไม่ทำให้คนเกิดความหวัง แย่ไปกว่านั้นคือการที่พลเอกประยุทธ์ที่นำ ครม. ถวายสัตย์ฯ ขัดต่อรัฐธรรมนูญยิ่งทำให้ประชาชนและนักลงทุนไม่มั่นใจว่ากิจการที่รัฐบาลได้ทำไปจะเป็นโมฆะหรือไม่ ยิ่งทำให้ประชาชนและนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ผลกระทบที่ตามมาคือประชาชนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอยและนักลงทุนไม่กล้าลงทุน นั่นคือหายนะของประเทศ
พลเอกประยุทธ์และรองนายกฝ่ายเศรษฐกิจตั้งความหวังไว้กับอีอีซีสูงมาก เพราะเป็นทางรอดเดียวที่เหลืออยู่เนื่องจากเครื่องยนต์ตัวอื่นๆ ดับสนิทไปนานแล้ว
ดังนั้น ทางรอดของรัฐบาลประยุทธ์จึงเหลือทางเดียวการกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจแบบที่ทำมาแล้ว 5 ปีเพื่อรอความล้มเหลวในปีที่ 6 และปีต่อๆ ไปตราบเท่าที่รัฐบาลนี้ยังด้านอยู่ต่อแล้วทิ้งหนี้สินไว้ให้กับประชาชนเป็นผู้ชดใช้แต่ไม่ใช่ทางรอดของประเทศชาติและประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี