เกือบ 1 เดือนภายหลังวันที่คณะรัฐมนตรีชุดที่ 62 ของประเทศไทย เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ถือเป็นการนับหนึ่งของการทำงานเพื่อบ้านเมืองบนเก้าอี้ที่มีอำนาจมาพร้อมกับความรับผิดชอบ และต่อมา เมื่อการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (Super Poll) ก็ได้ทำการสำรวจภาคสนามระหว่างวันที่ 1-3 สิงหาคม 2562 จำนวน 1,074 ตัวอย่าง เพื่อเก็บข้อมูลความเห็นของประชาชนว่า “พรรคการเมืองใด ใครทำตามสัญญา”
ผลปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 40.7 ยกให้ “ภูมิใจไทย” เป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ที่กำลังเริ่มทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชน ได้แก่ เรื่องกัญชาทางการแพทย์ และการยกระดับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนให้ความสนใจและติดตามการทำงานของรัฐมนตรีในรัฐบาล โดยสำหรับพรรคภูมิใจไทย มีปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการที่ส่งผลทำให้ได้รับเสียงโหวตจากประชาชนมากที่สุด อย่างแรกคือความตั้งใจของรัฐมนตรีทุกคนที่ทำงานชนิด “24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด” หวังผลักดันนโยบายให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคได้กำชับไว้
ประการต่อมา คือต้องยอมรับว่านโยบายของภูมิใจไทยเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีแนวทางที่ชัดเจนว่าต้องการ “ลดอำนาจรัฐ เพื่อปากท้องประชาชน ไม่เล่นเกมการเมือง” ทำให้สารพัดนโยบายที่ชูขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น “บุรีรัมย์โมเดล นำความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาเมือง” “แก้กฎหมายขนส่ง ขับแกร็บถูกกฎหมาย” “ยกระดับอสม.เป็นหมอประจำบ้าน พร้อมเพิ่มค่าตอบแทน” และ“กัญชาเสรีเพื่อการแพทย์และเศรษฐกิจ” ทั้งหมดล้วนมีความโดดเด่น และมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขจัดอุปสรรคในการทำมาหากินของคนไทย
ตรงกับคำพูดของ "อนุทิน" หัวหน้าพรรคปฏิบัติการภูมิใจไทย ที่กล่าวย้ำหลายครั้งตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ว่านโยบายของพรรคต้องสามารถทำได้จริง ทำได้เร็ว ทำได้เลย โดยกำหนดไทม์ไลน์การขับเคลื่อนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ประชาชนติดตามตรวจสอบได้
สำหรับนายอนุทิน ในฐานะผู้บริหารเชิงนโยบายของคุณหมอทั่วประเทศ ได้เร่งเครื่องทำงานด้านสาธารณสุข ลงพื้นที่รับฟังปัญหาในจังหวัดต่างๆ โดยประกาศว่าเรื่องที่ต้องการเห็นภายใน 1 ปี คือการยกระดับห้องฉุกเฉิน ลดความแออัดในสถานพยาบาล ประชาชนต้องรอพบหมอไม่เกิน 1 ชั่วโมง และเมื่อได้ใบสั่งยา สามารถไปซื้อยากับร้านขายยาในพื้นที่ได้เลย
ส่วนนโยบายกัญชาเสรีที่สังคมให้ความสนใจก็มีความก้าวหน้าเป็นลำดับ ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เตรียมส่งมอบกัญชาแห้งของกลางรวม 1,000 กก. เพื่อจัดทำน้ำมันกัญชาสูตรนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี จำนวน 1แสนขวด ตามนโยบายของนายอนุทิน โดยมีกองพัฒนายาไทยและสมุนไพรเป็นผู้ดำเนินการ
นอกจากนี้ ยังสั่งการให้รมช.สาธารณสุขจัดการปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงานที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวง หลังพบว่า ปีงบประมาณ 2562 มีการทิ้งงานในวงเงินกว่า 653 ล้านบาท
ด้านแม่บ้านของพรรคภูมิใจไทยอย่าง “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ตั้งแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ทำงานเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง จนได้รับฉายาว่าเป็น “รมต.จอมขยัน” ทั้งลงพื้นที่ติดตามแก้ปัญหาการจราจรบนถนนพระราม 2 เดินทางไปตรวจพื้นที่ก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์ที่โคราช หรือสัปดาห์ก่อนที่เกิดเหตุลอบวางระเบิดหลายจุดในกรุงเทพมหานคร นายศักดิ์สยาม ยังสั่งการบัญชาให้คุมเข้มจุดเสี่ยงต่าง ๆทั้งสนามบินและสถานีขนส่ง และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ยังได้รับข้อเสนอเรื่องการปรับขึ้นราคาค่าแท็กซี่มิเตอร์ไว้พิจารณา โดยสั่งการให้กรมการขนส่งทางบกศึกษาข้อมูล ส่วนเรื่องการปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ก็กำลังแสวงหาแนวทางดำเนินการเพื่อมิให้มีผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดิน
ฟากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” ได้ระบุวาระเร่งด่วนของการท่องเที่ยวไทยคือการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย โดยจะสร้าง “อาสาสมัครชุมชน” เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ ที่มีจำกัดในการดูแลนักท่องเที่ยวให้ใกล้ชิดทั่วถึง และการสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อดึงเม็ดเงินลงไปหาชาวบ้านโดยตรง
รวมทั้งจะบูรณาการนโยบายกับสาธารณสุข-คมนาคม เพื่อผลักดัน “การท่องเที่ยวเชิงกัญชา” นำสูตรน้ำมันกัญชามาผสานกับการนวดแผนไทย และผลักดันแพลตฟอร์มจองรถโดยสารออนไลน์ เช่น แกร็บ เพื่อลดโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะถูกโกงราคาค่าโดยสาร
ล่าสุด รมต.ท่องเที่ยวฯฟิตจัดได้ระดมสมองหน่วยงานในสังกัด จัดWorkshop ที่กระบี่ ระหว่างวีนที่ 9-11 สค. มุ่งสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนผ่านการท่องเที่ยวตั้งเป้าเห็นผล 3เดือน
ขณะที่ด้านกีฬา ก็เตรียมจัดเต็มดึงทัวร์นาเมนต์ระดับโลกเข้ามาจัดในเมืองไทยให้มากขึ้น อาทิ โมโตจีพี ,วิ่งเทรล หรือกระทั่งอีสปอร์ต รวมทั้งพัฒนากีฬาอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชาวไทย
นอกเหนือจากงานฝ่ายบริหารที่รัฐมนตรีทั้ง 7 คนจากภูมิใจไทยได้ทุ่มเททำงานอย่างสุดความสามารถแล้ว ในด้านนิติบัญญัติ ส.ส. 52 คนของพรรคก็ปฏิบัติหน้าที่ในสภาอย่างแข็งขัน ผลัดเปลี่ยนลุกขึ้นอภิปรายตีแผ่ความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อกระทุ้งให้ผู้มีอำนาจได้รับทราบและนำไปแก้ไข
กาลเวลาพิสูจน์ม้า ระยะเวลาพิสูจน์ผลงาน ในแบบฉบับการเมือง แห่งค่ายพรรคภูมิใจไทย ในรูปแบบ “พรรคของคนทำงาน” ในวลีที่ “อนุทิน” กล่าวอ้างว่า แม้พูดไม่เก่ง แต่ติดดินและทำงานเป็น!!
สอดคล้องกับความเห็นของ 3 นักวิชาการรุ่นใหม่ ได้แก่ ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง รองคณบดี สถาบันรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ที่ต่างมองไปในทางเดียวกัน ว่าพรรคภูมิใจไทยมีความคืบหน้าในการทำงานมากที่สุด โดยเฉพาะนโยบายกัญชาที่เป็นกระแสทุกวัน จึงสมควรอย่างยิ่งที่พรรคการเมืองอื่นจะดูเป็นแบบอย่าง เพราะการทำงานที่ลงลึกในเนื้องาน ท้ายสุดก็จะทำให้ประชาชนเห็นผลงาน
ถ้าเปรียบการทำงานของรัฐบาลเป็นลู่วิ่ง แน่นอนว่าตอนนี้เป็นแค่ช่วงออกสตาร์ท แต่หากพรรคภูมิใจไทยยังรักษาความเร็วและการออกนำเช่นนี้ได้ ย่อมถึงเส้นชัยในสนามนี้ก่อนใคร และอาจสร้างเซอร์ไพรส์ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าก็เป็นได้..!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี