เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมถาษณ์ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องคดี นปช.ก่อการร้าย ว่า เรามั่นใจในข้อเท็จจริงและบริสุทธิ์ใจที่จะพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม ว่าการต่อสู้และการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เป้าหมายเดียวของเราภายใต้หลักการสันติวิธี ไม่มีกองกำลังอาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรง เมื่อกระบวนการพิจารณาคดีมาถึงวันนี้ ก็ต้องบอกว่านี้ไม่ใช่ชัยชนะใดๆ ของพวกตน ไม่ใช่ชัยชนะต่อฝ่ายโจทก์ที่เป็นผู้ฟ้องร้อง ไม่ได้เป็นชัยชนะต่อฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง แต่เป็นกระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยมีศาลวินิจฉัยและมีคำพิพากษา
"สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ สำหรับผมคิดว่า เป็นความยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับผู้บาดเจ็บล้มตายจากการต่อสู้ ถ้าผมสามารถจะส่งข้อความนี้ถึงคนที่บาดเจ็บล้มตายในเหตุการณ์ดังกล่าว ก็อยากจะบอกว่าพี่ เพื่อนและน้องครับ วันนี้ศาลท่านชี้แล้วว่าพวกเราไม่ใช่ขบวนการก่อการร้าย วันนี้ศาลท่านชี้แล้ว ความสูญเสีย เลือดของพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกคน ไม่ได้เป็นเพราะพี่น้องเป็นผู้ก่อการร้ายเลย ถูกเขายิงจนเจ็บจนตาย แต่เป็นการต่อสู้เพื่อเรียกร้องหลักการประชาธิปไตย ภายใต้ข้อเรียกร้องในสถานการณ์นั้น ก็คือการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่"
ส่วนคดีนี้มีความคืบหน้าอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่พวกตนกับฝ่ายกฎหมายจะต้องเตรียมพร้อมไว้ สำหรับคดีความอื่นๆ มีอีกหลายคดีที่เราจะต้องต่อสู้กันต่อไป และอยากจะบอกกล่าวไปถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นคู่กรณีโดยตรงจากการชุมนุมเมื่อปี 2553 ว่าเราไม่ถือแพ้ชนะกันในคดีนี้ หรือชนะกันที่ใครเจ็บ ใครตายมากกว่า ชัยชนะถ้าจะมีจากการต่อสู้ทางการเมือง ต้องเป็นชัยชนะร่วมกันของสังคมไทย ดังนั้นชัยชนะของ นปช.ยังมาไม่ถึง จะมาถึงก็ต่อเมื่อเราปกครองโดยหลักการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น
"ผมยังจำความรู้สึกวันที่ 10 เม.ย.2553 ได้แม่นยำทุกวินาที ทั้งความสูญเสียที่เกิดขึ้น และผมเจรจากับเลขาฯ นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ยุติสถานการณ์ หลังเวทีมีผู้ชุมนุมมากมายวิ่งมาร้องไห้กับผม เพราะญาติ พี่น้อง เพื่อนญาติสนิทและครอบครัวบาดเจ็บ เสียชีวิตและสูญหาย ปกเสื้อผมยังเปียกน้ำตาประชาชน แล้วน้ำตาที่เปียกเสื้อ ซึมเข้าไปในใจ"
นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนคนที่ให้กำลังใจก็ขอบพระคุณ ส่วนคนที่เห็นต่าง ก็อยากจะบอกว่าเราไม่เคยมีความรู้สึกเป็นศัตรู เราไม่เคยมีความโกรธแค้นส่วนตัว ความเห็นต่างดำรงอยู่ได้ แต่ว่าการคิดถึงอนาคตของประเทศไทย การทำให้ความเห็นต่างนี้ เป็นความงดงามของระบอบประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายน่าจะร่วมมือกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี