ลุ้นผู้ตรวจการ27ส.ค.
ชี้ขาด'บิ๊กตู่'
ปมถวายสัตย์ฯไม่ครบ
‘สนธิรัตน์’ปัดแก้ไขรธน.
ชี้เรื่องดีบิ๊กป้อมเข้าพปชร.
หนูนายัน2รมต.ไม่ออกสส.
ผลโพลล์ชอบรบ.กระตุ้นศก.
ผู้ตรวจการแผ่นดิน เร่งสรุปคำชี้แจง “บิ๊กตู่” ปมถวายสัตย์ฯไม่ครบ ยืนยันตัดสินได้แน่ 27 สิงหาคมนี้ ด้าน “สนธิรัตน์” นำลูกทีมออกกำลังกายที่สวนลุมพินี ชาวบ้านเชียร์ให้รัฐบาลอยู่ยาวๆ 8 ปี ย้ำชัด พปชร.ยังไม่คิดแก้รธน.ด้าน “หนูนา” ประกาศชัด 2 รมต.ปลาไหลไม่ลาออกจาก สส.ชี้พรรคเล็กบริหารเวลาได้ กำชับห้ามขาดวันประชุมสภา
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงการประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ จะมีการพิจารณากรณีนายกรัฐมนตรีกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ไม่ครบถ้วน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา161เข้าข่ายเป็นการกระทำขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น
โดยกล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานผู้ตรวจการฯได้รับคำชี้แจงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในกรณีดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ทำการสรุปประเด็นและจะเสนอให้ที่ประชุมซึ่งเป็นดุลพินิจผู้ตรวจฯว่าจะมีความเห็นหรือมีมติอย่างไร ในเรื่องคำร้องเกี่ยวกับการถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนนั้น นอกจากจะมีการร้องจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และนายอัยย์ เพชรทอง เลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ ที่ขอให้วินิจฉัยการกระทำดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองวินิจฉัยหรือไม่แล้ว ระหว่างรอคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี
นศ.รามฯร้องปมถวายสัตย์
ยังมี นายภาณุพงศ์ ชูรักษ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็ได้ยื่นคำร้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาประเด็นเดียวกัน โดยขอให้ส่งเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีของนายภาณุพงศ์ เห็นว่านอกจากนายกรัฐมนตรีถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนอาจขัดรัฐธรรมนูญแล้ว ก็มีผลทำให้การกระทำในเวลาต่อมาของรัฐบาล คือ การตั้งคณะรัฐมนตรี,การแถลงนโยบาย,การโยกย้ายข้าราชการเป็นโมฆะไปด้วย โดยนายภานุพงศ์ ในฐานะประชาชนที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆที่รัฐบาลหรือรัฐมนตรีได้แถลงนโยบาย หรือให้คำมั่นสัญญาเมื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆก็จะไม่ได้รับการปฏิบัติตามที่รัฐบาลหรือรัฐมนตรีระบุไว้ จึงถือว่าตนเองถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213ประกอบ มาตรา 46 พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ระบุให้บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้มีสิทธิ์ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินและพ.ร.บ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 2560 มาตรา22ก็ให้ผู้ตรวจฯ มีหน้าที่และอำนาจอื่นตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายอื่น
ยันข้อมูลแน่น27ส.ค.ชี้ขาด
“แม้คำร้องดังกล่าว จะมีการร้องเสริมในเรื่องของการที่บุคคลถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ ทางสำนักงานฯก็เห็นว่าสามารถที่จะนำคำร้องดังกล่าวเสนอผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาในคราวเดียวกันได้เนื่องจากประเด็นที่ร้องนั้น มีความเชื่อมโยงกัน และเท่าที่ทราบจากเจ้าหน้าที่ข้อมูลต่างๆที่ทางสำนักงานฯได้รับในขณะนี้ถือว่าค่อนข้างครบถ้วนเพียงพอ ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน ในวันที่ 27สิงหาคมจะพิจารณาให้ได้ข้อยุติ น่าจะไม่ต้องมีการขอให้หน่วยงานใด ชี้แจงอีก”นายรักษเกชา กล่าว
จ่อชี้ปม’ชวน’รวบรัดเลือกนายกฯ
นอกจากนี้ ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน ยังจะมีการพิจารณาคำร้องที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นร้องขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการที่ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภารวบรัดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและประชุมรัฐสภา เพื่อคัดเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ด้วย
ปชช.เชียร์รัฐบาลอยู่ยาวๆ8ปี
เช้าวันเดียวกันที่ สวนลุมพินี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย 3 ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส. กรุงเทพฯ เขต 1น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กรุงเทพฯ เขต 2,น.ส.ภาดา วรกานนท์ ส.ส.กรุงเทพฯเขต 6 พรรคพลังประชารัฐ และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันออกกำลังกาย และพบปะทักทายประชาชนที่มาออกกำลังกาย บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น มีประชาชนขอถ่ายภาพพร้อมเข้ามาให้กำลังใจอย่างมากมาย
ทั้งนี้ นายสนธิรัตน์ ยังได้ร่วมกิจกรรมเต้นแอโรบิค,รำไทเก็กร่วมจิบน้ำชา ระหว่างพูดคุยกับประชาชน ก็มีประชาชนส่วนหนึ่ง สนับสนุนให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ทำหน้าที่ 2สมัย หรือ 8ปี เนื่องจาก 4ปีนั้น สั้นเกินไปและขอให้ช่วยบริหารประเทศให้ก้าวหน้าด้วย และในการมาออกกำลังกายครั้งนี้ยังได้พบกับนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยโดยบังเอิญ และทักทายกันพร้อมทั้งถ่ายรูป เซลฟี่ร่วมกันบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น
ย้ำ’บิ๊กป้อม’เข้ามาเป็นเรื่องดี
จากนั้นนายสนธิรัตน์ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงตอบรับการที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามานั่งเป็นประธานยุทธศาสตร์ พปชร.ว่าพล.อ.ประวิตร เป็นผู้ใหญ่ ถือเป็นความตั้งใจของท่านที่จะมาช่วยทำการเมืองซึ่งพรรคก็ยินดีต้อนรับและถือเป็นเรื่องที่ดีของพรรคพลังประชารัฐ
ส่วนกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวันส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป เตรียมเข้าร่วมงานกับพรรค พปชร.อาจจะเกินจำนวน ส.ส. พึงมีแล้ว จะนำไปสู่เกิดปัญหานั้น เรื่องนี้เป็นความเจตจำนงของ นายไพบูลย์ที่จะยกเลิกพรรคและจะเข้าร่วมกับ พปชร.ซึ่งในรายละเอียดทางกฎหมาย ต้องดูอีกครั้งซึ่งการคำนวณคะแนน เป็นเรื่องใหม่ แต่เข้าใจว่านายไพบูลย์คงดูมาแล้ว ซึ่งต้องให้ กกต.เป็นผู้ให้ความเห็น
พปชร.ยังไม่มีแนวคิดแก้รธน.
เมื่อถามกรณีฝ่ายค้านเตรียมเสนอญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาวิธีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางพรรคพลังประชารัฐ จะเสนอตั้งด้วยหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐได้มีการศึกษาเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดในการจัดตั้ง กมธ. เมื่อถามถึงการเตรียมส.ส.ที่จะมาอภิปรายตอบโต้ ฝ่ายค้านที่ขอเปิดอภิปรายไม่ลงมติรัฐบาลนั้น นายสนธิรัตน์กล่าวว่า การดำเนินงานทางสภานั้น กรอบที่สามารถทำได้ ก็ต้องดำเนินไป ไม่มีอะไรพิเศษ ทำตามขั้นตอน
“หนูนา”กำชับสส.ห้ามขาดประชุมสภา
ที่วัดกัลยาณมิตร น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.)กล่าวถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมนำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ฯไม่ครบสมบูรณ์ ในต้นเดือนกันยายนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมาชี้แจงเองหรือไม่นั้น ไม่ขอก้าวล่วง แต่ในส่วนของชทพ.ที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่เฉพาะญัตติ เปิดอภิปรายของ214 ส.ส.ฝ่ายค้านเท่านั้น แต่ตนได้กำชับไปยังส.ส.ของชทพ.ทุกคนเสมอว่าต้องให้ความสำคัญกับการประชุมสภาผู้แทนฯในทุกวาระอย่าขาดประชุม
“ในขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้ง 2 รัฐมนตรีของพรรค ก็ต้องกำหนดวาระงานของตนเองให้ดี ทุกวันพุธและวันพฤหัสบดี หากมีธุระหรือใครขอเข้าพบ ก็ให้นัดหมายกันที่รัฐสภาซึ่งชทพ.เรามีส.ส.น้อยเพียง10คนเท่านั้นสามารถบริหารจัดการได้โดย 2ส.ส.ที่ไปเป็นรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องลาออกจาก ส.ส.เพราะเชื่อมั่นว่าการทำหน้าที่รัฐมนตรีกับการทำหน้าที่ ส.ส.จะไม่กระทบกัน”น.ส.กัญจนา กล่าว
หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเล็กยุบพรรคแล้วย้ายไปเข้าสังกัดพรรคใหม่เพื่อรักษาสถานะของส.ส.ไว้ว่าหากไม่ขัดรัฐธรรมนูญ หรือกฎระเบียบ ก็ถือว่าเป็นสิทธิที่จะสามารถทำได้ เพราะต้องยอมรับว่า เนื้อหาของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน การคงอยู่ของพรรคการเมืองไม่ว่า เล็กหรือใหญ่ ค่อนข้างลำบาก ไม่ง่ายที่จะรักษาสถานะไว้ได้ จึงคิดหาทางรวมกับพรรคอื่น
พท.ชี้ พปชร.กับคสช.เนื้อเดียวกัน
ทางด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดตัวเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ว่าแม้ช่วงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ กับทหารจะลับลวงพรางกันไปบ้างแต่การเปิดตัวพล.อ.ประวิตร เป็นการตอกย้ำให้เห็นภาพของพรรคพลังประชารัฐ เป็นเนื้อเดียวกันกับคสช.มากขึ้น ถือว่าไม่เหนือความคาดหมาย ในไม่ช้าอาจจะได้เห็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเปิดตัวเป็นหัวหน้าพรรค แต่อาจต้องรอให้ฝ่ามรสุมเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณและปัญหาอุปสรรคที่ถาโถมต่างๆให้ได้เสียก่อน
เย้ย‘บิ๊กป้อม’ไร้บารมีเสียคนตอนแก่
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ถึงเวลาที่ พล.อ.ประวิตร จะได้สัมผัสชีวิตการเมือง แต่แค่เจอ 2 โจทย์แรก พล.อ.ประวิตรก็อาจไม่ได้ เป็นผู้มีบารมีตัวจริง ทั้งการขอให้ 5รัฐมนตรีของพรรคลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อแก้ปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ไม่ให้รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ต้องมาร่วมโหวตกรณีมีส่วนได้เสียจะทำให้หมดสิทธิลงมติ แต่สุดท้าย 5 รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐก็ไม่ยอมลาออกและยังออกมาแสดงความเห็นต่อต้านพล.อ.ประวิตร ขณะที่รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วมก็ยังยอมลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อช่วยแก้ปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
เทพไทออกโรงทวง3เงื่อนไขปชป.
ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ที่สภากาแฟ ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราชว่าตามที่พรรคประชาธิปัตย์ เคยให้คำมั่นสัญญากับประชาชน เรื่องเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 3 ข้อคือ1.นโยบายประกันรายได้เกษตรกร2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ 3.ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น ตอนนี้รัฐมนตรีของพรรคได้ผลักดันนโยบายประกันรายได้เกษตรกรได้เป็นผลสำเร็จในเรื่อง ประกันราคาปาล์ม กก.4 บาท ยางพารา กก.ละ60บาท และประกันรายได้ข้าว ตันละ10,000-15,000บาทซึ่งอยู่ในขั้นตอนเพื่อขอมติ ครม.เท่านั้น
จี้แก้รธน.จ่อชงพรรคสัปดาห์หน้า
ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งได้บรรจุเป็นนโยบายเร่งด่วนข้อ12ของรัฐบาลนั้น ส่วนตัวเห็นว่าเราสามารถขับเคลื่อนไปพร้อมๆกับการแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนได้ และเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ละเลยต่อเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรค ตนจะนำเสนอประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าสู่ที่ประชุมส.ส.ของพรรคในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ที่ประชุมของพรรคพิจารณามีมติยื่นญัตติด่วนเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาปัญหาและหาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยตามหลักสากลโดยเร็วด้วย ส่วนการจะบรรจุเข้าวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อไหร่ ขอให้เป็นดุลยพินิจของประธานสภาที่จะพิจารณาต่อไป
ย้ำหน้าที่สส.ลุยสอบทุกฝ่ายเท่าเทียม
ทั้งนี้ นายเทพไท ยังกล่าวว่า สำหรับเงื่อนไขการปราบปรามหรือการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น ทางพรรคไม่เคยละเลยได้กำชับให้สมาชิกพรรคทุกคนที่เข้ารับตำแหน่งทางการเมือง จะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตโดยเคร่งครัด และสมาชิกพรรคทุกคน จะต้องมีหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกันและรัฐบาล ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ หรือ ทำงานแก้ปัญหาแบบลูกหน้า ปะจมูกอย่างเด็ดขาด จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะยึดถือคำมั่นสัญญาที่ให้แก่พี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ จะเร่งผลักดันนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ข้อ4 ข้อ8 ข้อ12 ที่เป็นข้อเสนอของพรรคให้สำเร็จและมีผลในทางปฏิบัติโดยเร็วที่สุด
“ธนกร”ซัดพวกจ้องโจมตีบัตรคนจน
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่าขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีกับรัฐบาลออกมาโจมตีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ316,000 ล้านบาท โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนำข้อมูลเท็จลงโซเชียลมีเดียโจมตีว่า คนที่ได้ไม่ได้จนจริงซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเคร่งครัด การลงทะเบียนมีการบูรณการความร่วมมือ26หน่วยงาน และมีการตรวจสอบหลังปิดลงทะเบียน ใช้ฐานข้อมูลในระบบอิเล็คทรอนิคของแต่ละหน่วยงานร่วมกันตรวจสอบด้วยเลขบัตรประจำตัว13หลักได้แก่ กรมการปกครอง กรมสรรพากร กรมบัญชีกลาง กรมที่ดิน ธนาคารเอกชน15แห่ง และธนาคารแห่งประเทศไทย
รัฐเร่งให้ปชช.รับรู้มาตรการกระตุ้นศก.
นายธนกรกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่บอกว่าคนไทยยังไม่ทราบรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นขณะนี้รัฐบาลได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านได้รับรู้ในทุกมิติเพื่อให้ประชาชนรับรู้และเข้าร่วมโครงการ มั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถประคองเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกได้ เพราะรัฐบาลช่วยอย่างตรงจุด ทั้งกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี
รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐยังเรียกร้องให้พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าใจเจตนาบริสุทธิ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่อยากช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ใช่วันๆ ออกมาสลับหน้าด่า ออกมาค้านอย่างเดียว โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน วันนี้อยากเห็นบรรยากาศความร่วมมือของฝ่ายค้านในการร่วมกันทำงานให้กับประชาชนมากกว่า รัฐบาลเข้ามาเพื่อทำงานให้กับประชาชนอย่างแท้จริง ขอเวลาให้รัฐบาลได้ทำงานก่อน พล.อ.ประยุทธ์ มีความตั้งใจจริงในการทำงานให้บ้านเมือง เป็นคนที่รักชาติ รักประชาชน อยากให้พรรคฝ่ายค้านเปิดใจให้กว้างเหมือน ส.ส.สุรินทร์พรรคเพื่อไทย”
โพลชอบประกันรายได้ภาคเกษตร
วันเดียวกัน กรุงเทพโพล โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง“ความคิดเห็นต่อ แพ็คเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 ด้าน” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน1,189คนพบว่า ประชาชนร้อยละ 48.1 ทราบข่าวแพ็คเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 ด้าน ของรัฐบาล ขณะที่ร้อยละ 51.9 ระบุว่า ไม่ทราบ
เมื่อถามถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งพบว่าส่วนใหญ่เห็นว่าสามารถช่วยได้ในระดับมากถึงมากที่สุดคือ การประกันรายได้ในพืชเศรษฐกิจหลัก (ร้อยละ47.8) ด้านชดเชยการปลูกข้าว (ร้อยละ41.6) และด้านเงินกู้ฉุกเฉินรองรับภัยแล้ง (ร้อยละ 38.8) ส่วนใหญ่เห็นว่าสามารถช่วยได้ในระดับปานกลางคือ ด้านการผ่อนคลายหนี้สินด้านดอกเบี้ยให้เกษตรกร (ร้อยละ 42.2) และด้านสนับสนุนสินเชื่อใหม่และต้นทุนการเพาะปลูก(ร้อยละ 40.5)
ปลื้มสุดเพิ่มเงินให้บัตรคนจน
สำหรับมาตรการเพิ่มเงินพิเศษผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เป็นเวลา2เดือน (ส.ค.-ก.ย.)จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้มากน้อยเพียงใด พบว่าส่วนใหญ่เห็นว่าสามารถช่วยได้ในระดับมากถึงมากที่สุดคือ การแจกเงินบรรเทาค่าใช้จ่ายผู้สูงอายุที่ถือบัตรคนจนเดือนละ 500บาท (ร้อยละ 49.5) และแจกเงินให้แก่ผู้ถือบัตรคนจนที่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดมีอายุ 0-6 ปี เดือนละ 300 บาท (ร้อยละ 39.5) ส่วนด้านการแจกเงินพิเศษผู้ถือบัตรคนจนเดือนละ 500 บาท ส่วนใหญ่เห็นว่าช่วยได้ในระดับน้อยถึงน้อยที่สุด (ร้อยละ 39.9)
เชื่อการจับจ่ายคล่อวตัวมากขึ้น
ขณะที่ ความเห็นต่อมาตรการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคและการลงทุนในประเทศ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด พบว่า โดยส่วนใหญ่เห็นว่าสามารถช่วยได้ในระดับมากถึงมากที่สุดคือ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้เข้าถึงแหล่งทุน/กู้เงินได้ง่ายขึ้น (ร้อยละ 44.5) ส่วนด้านกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ“ชิมช็อปใช้”โดยให้เงิน 1,000 บาท ต่อคน นั้น ส่วนใหญ่เห็นว่าช่วยได้ในระดับน้อยถึงน้อยที่สุด (ร้อยละ 52.5)
สุดท้าย ประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง3ด้านมากที่สุดคือ เกิดการใช้จ่ายคล่องตัวขึ้น (ร้อยละ 42.4) รองลงมาคือ มีเม็ดเงินหมุนเวียนภายในประเทศดีขึ้น (ร้อยละ 40.5) และ มีความสุขในการดำเนินชีวิตไม่ติดขัด (ร้อยละ 34.5)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี