กล่าวถึงพระมหากษัตริย์
ต้องประชุมลับ
‘วิษณุ’แจงปมถวายสัตย์
‘ชวน’ยันทำได้ตามรธน.
เชื่อ‘บิ๊กตู่’อยากมาตอบเอง
ศาลฎีกาฯยกฟ้อง‘ทักษิณ’
ปล่อยกู้ธ.กรุงไทยไม่ผิด
“วิษณุ” ชี้กล่าวถึง “กษัตริย์” ในสภา ควรประชุมลับ รัฐบาลไม่จำเป็นต้องขอ ครม.หรือสส.เสนอได้ “ชวน” ชี้ประชุมลับทำได้ตามรัฐธรรมนูญ เชื่อ “บิ๊กตู่” อยากมาชี้แจงเอง ขณะวิปฝ่ายค้านไม่ขัดข้องหากประชุมลับถ้ามีเหตุผลเพียงพอ ส่วน “พท.” ยังดึงดันให้อภิปรายเปิดเผย อ้างผลโพลล์ร้อยละ 77 หนุน ศาลฎีกาฯยกฟ้อง “ทักษิณ” คดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยไม่ผิด ชี้พยานไม่น่าเชื่อถือไม่ชัดเจน “แม้ว” คือ “บอสใหญ่”
เมื่อวันที่ 30สิงหาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะขอเปิดประชุมลับการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา152 ประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่า มีคนถามตนก็ตอบไปว่า ตามข้อบังคับประชุมสภา ซึ่งขณะนี้ใช้ข้อบังคับการประชุมสภาเก่าอยู่ กรณีเช่นนี้สามารถขอให้ประชุมลับได้ ถ้าเห็นว่า เป็นเรื่องไม่สมควรจะเปิดเผยออกไป โดยการขอให้เปิดประชุมลับคณะรัฐมนตรี(ครม.) หรือ สส.อาจเป็นผู้ขอให้ประชุมลับ ซึ่งอาจขอให้ลับตั้งแต่ต้นจนจบ หรือหากประชุมกันไปและถึงจุดหนึ่งแล้วขอให้ประชุมลับก็ได้
ครม.หรือสส.ชงประชุมลับได้
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า อย่างกรณีตรวจสอบคุณสมบัติจะเปิดอภิปรายด้วยการประชุมปกติก่อน แต่พอลงลึกถึงเรื่องที่คนนั้นไม่ดีอย่างไร ซึ่งไม่ควรพูดถ่ายทอดออกมาให้ยินกันทั่วประเทศ ก็เริ่มเข้าสู่การประชุมลับ คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องออกไป เพราะฉะนั้นการเปิดอภิปรายตามมาตรา152 หากไปเริ่มต้นให้ประชุมลับเลยจะดูเร็วเกินไป ตีตนไปก่อนไข้ เพราะไม่รู้เขาจะถามอะไรและยังไม่รู้เราจะตอบอะไร เริ่มต้นแล้วจะคิดได้อย่างไรว่า จะเกิดความไม่เหมาะสมขึ้น ดังนั้นเมื่อไปถึงจุดหนึ่งอาจจะรู้ เมื่อรู้แล้ว ครม.อาจจะขอ หรือสส.จะขอประชุมลับก็ได้ระหว่างการประชุม ส่วนนายกรัฐมนตรีจะไปตอบเองหรือไม่ ให้รอดู อยู่ที่ท่าน แต่ถึงอย่างไร ครม.ต้องไป เพราะเห็นญัตติแล้วเขาถาม ครม.และในการนี้ต้องการให้นายกฯไปชี้แจง
ใช้เวลากี่วันรอวิป3ฝ่ายคุยกัน
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการกำหนดวันแล้วหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า ยัง เห็นฝ่ายค้านเป็นผู้เสนอวันที่ 6 กันยายน แต่ตนยังไม่ทราบ ขณะที่ประธานสภาฯ ระบุไม่อยากให้รบกวนวันประชุมสภาปกติ เพราะวันจันทร์-อังคาร ประชุม สว.ส่วนวันพุธ-พฤหัสบดี ประชุม สส.เหลือแต่วันศุกร์ หากเอาวันเสาร์-อาทิตย์ก็ดูประหลาด แต่ไม่รู้นะ ถ้าวันไหน สว.สละเวลาให้ เราอาจไปขอใช้วันจันทร์-อังคาร ก็แล้วแต่ ซึ่งวันที่ 2กันยายน วิป 3ฝ่ายจะประชุมกัน เรื่องเช่นนี้ตบมือข้างเดียวไม่ได้ ต้องเป็นความสะดวกของสภาและของรัฐบาลที่จะดูด้วยกัน โดยประธานสภาฯจะเป็นผู้คุมเกมอยู่แล้วและยังไม่สามารถระบุได้ว่ากี่วันถึงจะเหมาะ เพราะยังไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร จึงแปลกที่มาพูดเรื่องวันกันแล้ว ขนาด คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ยังออกมาพูดว่า ถ้าพูดเนื้อหาเน้นๆ แค่ครึ่งวันก็พอแล้ว
กล่าวถึงกษัตริย์ต้องประชุมลับ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกรณีถวายสัตย์ปฏิญาณสามารถขอประชุมลับในญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ รัฐบาลเห็นด้วยกับแนวทางนี้หรือไม่ว่า ตนไม่มีความเห็น เนื่องจากยังไม่เห็นเนื้อหาว่าจะพูดอะไร แต่ปกติการกล่าวอะไรที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์นั้น ควรต้องประชุมลับอยู่แล้ว จึงต้องอยู่ที่ว่าจะกล่าวถึงรัฐบาลหรือกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ ที่ผ่านมาที่มีคนออกมาเปิดเผยข้อมูลในการประชุมลับก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผู้นั้นต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ผู้ขอให้ประชุมลับคือ ครม.หรือสส.จำนวนหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นว่า รัฐบาลต้องเป็นผู้ขอ
‘ชวน’ชี้ประชุมลับทำได้ตามรธน.
ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงความคืบหน้าในการอภิปรายทั่วไปนายกรัฐมนตรีโดยไม่ลงมติ ว่า ต้องรอรัฐบาลหาหรือเรื่องนี้ในที่ประชุมครม.และตอบกลับมาก่อน หากจะเสนอให้ประชุมลับก็สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาฯ โดยสส.หรือรัฐบาลมีสิทธิ์จะเสนอให้ประชุมลับได้ ขอย้ำว่าเรื่องอภิปรายทั่วไปเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา152และตนไม่บังอาจไปเตือนใคร เพราะทุกคนมีหน้าที่ แต่เมื่อมีสื่อมาถามตนก็บอกไปว่า เชื่อว่านายกฯอยากจะมาชี้แจง ตราบใดที่ยังมีญัตติอยู่ สภาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากบรรจุเข้าระเบียบวาระ
‘จุติ’วอนอย่าตื่นเต้น-แค่ตรวจสอบ
นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา152 ว่า อย่าไปตื่นเต้นกับเรื่องนี้ เพราะการขอเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติเป็นการใช้สิทธิ์ตรวจสอบของฝ่ายค้าน จึงไม่รู้สึกตื่นเต้นและไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเราเคยเป็นฝ่ายค้านมาก่อนเข้าใจดีและคนที่เป็นสส.จะรู้สึกว่า เป็นเรื่องปกติ ส่วนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องพร้อมชี้แจงและเปิดให้มีการตรวจสอบ
ประเทศไทยไม่มีความลับอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวการจะเสนอให้มีการประชุมลับในช่วงขอเปิดอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ นายจุติ กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของฝ่ายค้าน ซึ่งต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนที่จะรับฟังด้วย ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านคิดอะไร หรือจะพูดในเรื่องใด แต่ในฐานะที่เคยทำหน้าที่ฝ่ายค้านมาก่อนก็ทราบว่าการทำงานของฝ่ายค้านจะมีลักษณะอย่างไร ส่วนตัวไม่ขัดข้องถ้าจะเสนอขอให้มีการประชุมลับเพื่อพิจารณาประเด็นถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเวลาประชุมลับ ก็มักไม่ลับ เพราะมีการนำผลการประชุมมาเปิดเผยเสมอ นายจุติ กล่าวว่า “ที่ผ่านมาประเทศไทย ก็ไม่มีความลับอยู่แล้ว ไม่มีใครปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้ เพราะนักข่าวเก่งใช้นักการเมืองได้อยู่แล้ว”
วิปฝ่ายค้านไม่ขัดข้องขอถกลับ
ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกระแสข่าวเสนอให้ประชุมลับการอภิปรายตามมาตรา152 ว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องและยังไม่ได้คุยกับวิปรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะหารือกันสัปดาห์หน้า เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งวันและเวลาที่จะใช้ในการอภิปราย แต่ฝ่ายค้านยังยืนยันเวลาที่เหมาะสม 2วัน สำหรับการประชุมลับ เป็นเรื่องที่วิปรัฐบาลต้องมาหารือถึงเหตุผลและความจำเป็น มีการเสนอเพื่อขอมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ ฝ่ายค้านไม่มีปัญหา หากรัฐบาลมีเหตุผลเพียงพอและที่ประชุมสภาฯ มีมติ สิ่งสำคัญที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะต้องเป็นผู้มาตอบด้วยตนเอง ทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนเพื่อที่รัฐบาลจะได้เดินหน้าทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา โดยนายกฯไม่ควรหนีสภา หนีปัญหา แต่ควรทำเรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว
เรื่องงบประมาณไม่ต้องถกลับ
“หากมีเหตุผลพอให้ประชุมลับ ฝ่ายค้านก็รับได้ แต่เสียดายโอกาสที่ประชาชนไม่ได้รับรู้ข้อเท็จจริงในเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ ดังนั้นรัฐบาลมีอะไรก็ต้องมาคุยกัน เราพร้อมรับฟังอะไรที่เป็นเหตุผล เราไม่ขัดข้อง แต่ส่วนตัวอยากให้ประชุมอย่างเปิดเผย ซึ่งการให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องของความมั่นคงและเป็นเรื่องละเอียดอ่อนก็ต้องมาฟังรายละเอียดกันว่า เข้าข่ายหรือไม่ การอภิปรายมี 2ประเด็นคือเรื่องการถวายสัตย์ปฎิญาณตนและการแถลงนโยบายรัฐบาลที่ไม่ระบุที่มาและกรอบการใช้งบประมาณอาจขัดกฎหมาย หากจะประชุมลับก็ไม่ควรจะประชุมลับทั้งหมด เรื่องนโยบายไม่เกี่ยวกับความมั่นคง’ นายสุทินกล่าว
พท.อ้างผลโพล์จี้ซักฟอกเปิดเผย
เช่นเดียวกับ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า รัฐบาลจะขอให้การอภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปให้เป็นการประชุมลับ ว่า อยากให้พิจารณาให้รอบคอบ เพราะประเด็นการถวายสัตย์ฯของครม.อยู่ในความสนใจของมหาชน เห็นได้จากการสำรวจ ความเห็นประชาชนทั่วประเทศของสวนดุสิตโพล ระหว่างวันที่ 21-24สิงหาคม พบว่า ประชาชนถึงร้อยละ 77.20 เห็นว่า ญัตติของฝ่ายค้านมีเหตุผลเพียงพอในการขอเปิดอภิปรายทั่วไปและร้อยละ66.72 เห็นด้วยที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติซักฟอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม
‘เรืองไกร’ยื่นศาลเอาผิดบิ๊กตู่อีก
ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยว่าการที่นายกฯถวายสัตย์ไม่เป็นไปตามมาตรา161ของรัฐธรรมนูญ และการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ไม่เป็นไปตามมาตรา162 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือไม่ เมื่อนายกฯไม่ดำเนินการดังกล่าวในทั้ง 2ประเด็น ย่อมทำให้การบริหารราชการแผ่นดินยังไม่อาจกระทำได้ จึงเข้าข่ายเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา49 ประกอบมาตรา3 วรรคสอง จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนการกระทำที่ไม่ถูกต้องและสั่งให้นายกฯดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง
ฎีกายกฟ้องทักษิณปล่อยกู้กรุงไทย
วันเดียวกัน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายวิชัย เอื้ออังคณากุล รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา 9คน นัดฟังคำพิพากษาคดี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯร่วมทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อธนาคารกรุงไทย กับกลุ่มกฤษฎามหานคร โดยอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ จำเลยที่1และนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทยและบริษัทในเครือของบริษัทกฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 27ราย (กลุ่มนายวิโรจน์ และผู้บริหาร ธ.กรุงไทยฯกับบมจ.กฤษดามหานครฯ ศาลพิพากษาถึงแล้วเมื่อวันที่ 26สิงหาคม2558ให้จำคุก 24คน ยกฟ้อง2คน) เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157,ความผิด พรบ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502,ความผิด พรบ.การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505ฯลฯโดยพวกจำเลยนำเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริตเป็นเหตุให้ ธ.กรุงไทยฯได้รับความเสียหาย เป็นเงิน 10,054,467,480บาท
อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 13มิถุนายน2555 แต่ระหว่างจะเริ่มพิจารณาคดีปรากฏว่านายทักษิณ ได้หลบหนีคดี ศาลฎีกาจึงสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของนายทักษิณ ออกจากสารบบไว้ชั่วคราว(พักการพิจารณา) จนกว่าจะได้ตัวกลับมาดำเนินคดี ต่อมาปี2560 มีการออกกฎหมายใหม่ พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 (วิ อม.) ให้อำนาจศาลพิจารณาคดีโดยไม่มีตัวจำเลยได้ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด จึงยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯเมื่อเดือนพฤศจิกายน2560 ขอให้นำคดีนี้ที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วเคราวเฉพาะในส่วน นายทักษิณขึ้นมาพิจารณาใหม่โดยไม่มีตัวจำเลย นายทักษิณจึงมอบอำนาจให้ทนายความร่วมโต้แย้งคดี ซึ่งวันนี้ทนายความได้มาฟังคำพิพากษาด้วย องค์คณะฯพิเคราะห์แล้ว องค์คณะเสียงข้างมากเห็นว่าข้อโต้แย้งประเด็นข้อกฎหมายที่นายทักษิณ ต่อสู้ว่าคตส.ไม่มีอำนาจไต่สวนนั้นศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วในคดีอื่นซึ่งเป็นคำวินิจฉัยที่ 5/2551 ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันการพิจารณาของศาลฎีกาฯ ด้วย
อ้างพยานบอกเล่า-ไม่น่าเชื่อถือ
ส่วนนายทักษิณกระทำผิดหรือไม่ องค์คณะเห็นว่า พยานของอัยการโจทก์ซึ่งเป็นอดีตกรรมการของธนาคารกรุงไทย ผู้เสียหายเบิกความเกี่ยวกับซุปเปอร์บอสหรือบิ๊กบอส เห็นชอบและสั่งการให้อนุมัติสินเชื่อให้กลับกลุ่มกฤษฎามหาคร ยังไม่ชัดเจนว่า เป็นจำเลยที่1หรือไม่ เพราะพยานได้รับฟังมาจากจำเลยที่2ในคดีนี้พยานปากนี้จึงยังเป็นพยานบอกเล่า ไม่มีน้ำหนักว่านายทักษิณ สั่งการให้จำเลยที่ 2-4ซึ่งเป็นผู้บริหารธนาคารกรุงไทยที่มีอำนาจอนุมัติสินเชื่อให้กลุ่มกฤษฎามหานคร จึงพิพากษายกฟ้อง
กกต.ยันยุบพรรค’ไพบูลย์’ตามกม.
นายอิทธิ บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกกต.มีมติให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพตามคำร้องของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตหัวหน้าพรรค ว่าที่ประชุมกกต.ได้มีการพิจารณาข้อกฎหมายเพียงคำขอการสิ้นสภาพทางการเมือง จึงมีการพิจารณาเฉพาะประเด็นนี้ ส่วนเรื่องคะแนนเลือกตั้งจะนำมารวมหรือไม่ ยังไม่ได้มีการพิจารณา
นายอิทธิพร กล่าวอีกว่า การสิ้นสภาพจะนับตั้งแต่วันที่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็จะเป็นไปตามพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา95 ที่บอกว่า พรรคที่สิ้นสภาพแล้ว หัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคมีหน้าที่ต้องส่งบัญชีและงบแสดงสถานะทางการเงินให้กับกกต.ภายใน 30วัน เพื่อชำระบัญชีให้แล้วเสร็จภายใน 180วันและขยายเวลาได้อีก 180วัน หัวหน้าพรรคและกก.บห.พรรคมีหน้าที่เฉพาะเรื่องนี้เท่านั้น ไม่สามารถดำเนินการทางการเมืองในนามพรรคได้อีกแล้ว เพราะพรรคได้สิ้นสภาพไปแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี