ไปสภาลุยศึกซักฟอกแน่
‘บิ๊กตู่’พร้อม
มีคำชี้แจงในหัวหมดแล้ว
พูดล้ำเส้นพปชร.สกัดแน่
ที่ปรึกษาประธานสภายัน
อภิปราย18กย.เหมือนเดิม
“บิ๊กตู่” ลั่นสบายใจดี พร้อมไปชี้แจงสภาฯปมถวายสัตย์ฯ มีคำชี้แจงอยู่ในหัวหมดแล้ว ยันไม่หนีสภาแต่ขอเวลาออกไปทำภารกิจงานระหว่างวัน ป้ององครักษ์ พปชร.มีสิทธิ์พูด ชี้วิญญูชนควรรู้ลงพระปรมาภิไธย ถือจบแล้ว ด้าน“ฝ่ายค้าน” ดักคอ“บิ๊กตู่”หนีสภา18ก.ย.อ้างศาลรธน.นัดวินิจฉัยสถานะ ความเป็น รมต.เตรียมพบ’ชวน’หารือขอเลื่อน วันซักฟอกเป็น17 ก.ย.
เมื่อวันที่ 5กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกล่าวถึงกรณีที่อาจมีความลำบากใจในการชี้แจงที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 18 กันยายน ในประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตน หากต้องมีการพูดถึงสถาบันว่า ไม่รู้สึกลำบากใจ แต่จะต้องไปพูดคุยกันก่อนว่า จะสามารถพูดได้แค่ไหนอย่างไรหากพูดแล้วมีผลกระทบ ส่วนในวันที่18กันยายนนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดพิจารณาเรื่องคุณสมบัติประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าก็ว่ากันไป ถือเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องแยกแยะให้ออก โดยตนได้ส่งฝ่ายกฎหมายของตนไป
‘บิ๊กตู่’ย้ำไปสภา-ทำงานอื่นด้วย
ส่วนที่ฝ่ายค้านแสดงความกังวลว่า นายกรัฐมนตรี อาจหยิบมาเป็นประเด็นและจะไม่เดินทางเข้าชี้แจงต่อประชุมสภานั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกัน ถ้าตนไปได้ ตนก็ไป ซึ่งทุกวันนี้ก็มีงาน4-5งาน ทั้งช่วงบ่ายและช่วงเย็น ทุกๆวันจะเป็นอย่างนี้ ขอให้เห็นใจตนบ้าง ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า อะไรคืออะไรแต่ก็ยังมีความพยายามที่จะทำให้เกิดความสับสน ซึ่งตนก็ต้องหาข้อยุติให้ได้
“ในวันที่ 18 กันยายนนี้ ผมก็มีงานที่ต้องทำอยู่เหมือนกัน แต่ผมยืนยันว่าจะเข้าไปฟัง แต่หากมีภารกิจผมก็ต้องออกมาบ้าง แล้วจะกลับไปฟังใหม่ คงต้องเป็นแบบนี้จะไม่ให้ผมทำงานอย่างอื่นเลยหรือ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำ
ระบุคำชี้แจงอยู่ในหัวหมดแล้ว
เมื่อถามว่า นายกฯไม่ได้เคลียร์งานเอาไว้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า”จะเคลียร์ได้อย่างไร”เมื่อถามย้ำว่า ฝ่ายค้านบอกว่าเวลามีอยู่อย่างจำกัด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า“จะพูดกันนานแค่ไหน3-5วันเลยหรืออย่างไรกับเรื่องการถวายสัตย์ฯ ซึ่งก็มีอยู่เรื่องเดียว ผมก็รู้อยู่แล้วว่า เขาก็พูดเหมือนเดิม”
เมื่อถามว่าควรจะอภิปรายเพียงแค่ครึ่งวันใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไม่รู้เหมือนกันแล้วแต่วิปรัฐบาล ส่วนที่ฝ่ายค้าน จะบอกว่าจะลากเวลาถึงเวลา24.00น.ตนมองว่าเท่าไหร่ก็เท่านั้น ก็แล้วแต่ พร้อมย้ำว่า “คำชี้แจงต่างๆอยู่ในหัวของตนหมดแล้ว”
ป้ององครักษ์’พปชร.’มีสิทธิ์พูด
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องมีองรักษ์พิทักษ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า“องครักษ์ของผมเป็นใคร หากเป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นเรื่องของ ส.ส.ถ้าพูดนอกประเด็น เขาก็มีสิทธิ์เช่นเดียวกับที่ฝ่ายรัฐบาลพูดอะไรไป ฝ่ายค้านก็มีสิทธิ์ที่จะพูด นี่คือ สิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน จะไปบังคับใครได้”
ตอกย้ำเรื่องนี้เป็นวิญญูชนควรรู้
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายกฯไปพูดระหว่างลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่4ก.ย.ระบุว่าเรื่องนี้ได้มีการลงพระปรมาภิไธยไปแล้ว ถือว่าจบแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า”ก็แล้วแต่จะคิด และควรรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเพราะเป็นวิญญูชน ซึ่งในการอภิปรายครั้งนี้ ก็ไม่ได้เป็นการลงมติ ผมก็จะชี้แจงเท่าที่ชี้แจงได้ และทำอย่างไรไม่ให้ก้าวล่วงไปถึงสถาบัน ซึ่งก็เห็นบทบัญญัติอยู่แล้ว แต่ก็เป็นประเด็น ถ้าบอกว่าเคารพรัฐธรรมนูญแล้วที่ผ่านมา ที่ว่าเคารพและธรรมนูญ มันเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง”และเมื่อถามอีกว่าอึดอัดใจหรือไม่ที่มีเรื่องเช่นนี้ตลอด พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนว่า“อยู่ที่สื่อ แต่ผมก็สบายใจทุกวัน”
‘บิ๊กป้อม’ยันไม่ซ้อมรับมือฝ่ายค้าน
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านระบุว่ามีเวลา14ชั่วโมงในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา152 น่าจะเพียงพอ หากฝ่ายรัฐบาลไม่ตีรวน ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค จะต้องกำชับสมาชิกหรือไม่ว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร(วิปรัฐบาล)ที่จะดำเนินการ ส่วนตัว คงไม่ลงไปในรายละเอียด ปล่อยให้วิปรัฐบาลเขาทำงานบ้าง และเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องซักซ้อมก่อนอภิปราย
‘ฝ่ายค้าน’ดักคอ’บิ๊กตู่’หนีแจงสภา
ที่รัฐสภา ตัวแทน 7 พรรคฝ่ายค้าน นำโดยนายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือแจ้งให้ทราบว่าศาลนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามมาตรา 170 วรรค1 (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา98 (15) หรือไม่ และวันที่ 18 ก.ย. เวลา 14.00 น.ศาลจะอ่านคำวินิจฉัย
โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่าการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตรงกับวันอภิปรายโดยไม่ลงมติตามมาตรา152 ทั้งเรื่องการถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนและการแถลงนโยบายที่ไม่บอกแหล่งที่มางบประมาณ เราเกรงว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างไม่มาตอบคำถามในสภาฯ จึงขอแจ้งสื่อมวลชนไว้เพราะทราบว่า การอ่านคำวินิจฉัย จะเริ่มเวลา14.00น.คาดว่าใช้เวลาเพียง2ชั่วโมงเท่านั้น ขณะที่เริ่มประชุมสภาตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงเที่ยงคืน คาดว่าพล.อ.ประยุทธ์จะมาตอบคำถามในช่วงค่ำซึ่งไม่เกี่ยวกับเวลาที่ศาลฯนัดอ่านคำวินิจฉัย หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่มาตอบก็เท่ากับหนีสภาฯซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ไม่จำเป็นต้องไปฟังคำวินิจฉันด้วยตัวเองแต่กลับทำท่าทีเหมือนจะไปฟังเอง
หยุดป้ายสีฝ่ายค้านละเลยน้ำท่วม
นายสุทิน ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่าขณะนี้มีข้อสังเกตอยู่2ประเด็นประเด็นแรกคือว่าวันนี้รัฐบาลมีการสร้างข่าวไอโอ ลดน้ำหนักเรื่องการอภิปรายตามมาตรา 152กล่าว่าหาว่าฝ่ายค้านละเลยปัญหาน้ำท่วมของชาวบ้านแต่สนใจเรื่องการถวายสัตย์ ขอชี้แจงว่า ไม่ได้ละเลยปัญหาน้ำท่วมหรือความเดือดร้อนของประชาชน โดยส.ส.ฝ่ายค้านได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือและประจำอยู่ในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วม ทำให้วันนี้เราวิตกว่าการลงมติในวันนี้น่าจะมีปัญหา เพราะส.ส.ส่วนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่ตรงกันข้ามรัฐบาลซึ่งมีศักยภาพทั้งงบประมาณและกลไกในการช่วยเหลือประชาชน กลับไม่เห็นรัฐบาลใช้ประสิทธิภาพเหล่านี้ในการช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ดังนั้นเรารู้ทันว่านายกฯ ที่จะเอาปัญหาน้ำท่วมมาทำลาย น้ำหนักของเรา
ซัดนายกฯเลิกพูดเรื่องไม่เหมาะสม
ส่วนประเด็นที่สอง รู้สึกไม่สบายใจ ในประเด็นที่นายกฯให้สัมภาษณ์ที่บอกว่า “การถวายสัตย์จบแล้ว สมบูรณ์แล้ว ไปดูสิว่าใครลงพระปรมาภิไธย พระบรมราชโองการว่าอย่างไร”ซึ่งการให้สัมภาษณ์อย่างนี้ทำให้ไม่สบายใจ 2 ประเด็น คือ นายกฯ ใช้ถ้อยคำที่ไม่ค่อยเหมาะสม อยากให้นายกฯ ระมัดระวังและทบทวน ถ้าคิดว่าคำนี้ไม่เหมาะสม พราดพลั้งไป ก็ขอให้หาทางแก้ไข ดังนั้นขอเตือนว่าเรารู้ทันเราจะไม่พูด และรัฐบาลอย่าทำแบบนี้เพื่อหวังว่าจะได้ประชุมลับหรือไม่ หรือปัดความผิดว่าไม่ได้อยู่ที่ตัวนายกฯ จึงขอให้หยุดเพราะเรารู้ทัน และเราจะไม่มีการอภิปรายไปถึงสถาบันอย่างแน่นอน
จ่อพบ’ชวน’ขอขยับซักฟอก17ก.ย.
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เราจะมีการขอหารือนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในวันนี้ (5 ก.ย.) เพื่อขอขยับวันอภิปรายขึ้นมาเป็นวันที่ 17 ก.ย. แทน เพราะเราเชื่อว่านายชวน ยังไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยดังกล่าวในวั้นที่ 18 ก.ย. และเชื่อว่าประธานสภาฯ จะไปหารือกับรัฐบาลได้ เพื่อให้นายกฯ ยกเลิกภารกิจอื่นๆ เพื่อมาชี้แจงในเรื่องนี้แทน ยืนยันเราไม่ได้มากเรื่อง แต่อยากให้ประธานสภาฯ ทบทวนวัน ทั้งนี้การบริหารบ้านเมืองต้องบริหารทุกเรื่องไปพร้อมๆ หากนายกฯทำทีละเรื่องบ้านเมืองแย่แน่นอน
‘เด็กเสรีฯ’บี้ถามปมถวายสัตย์
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา เกียกกาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี ายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู้ระเบียบวาระ นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ได้ขอหารือถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นำคณะรัฐมนตรี ถวายสัตย์ฯไม่ครบตามรัฐธรรมนูญว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่แสดงความรับผิดชอบ แต่พูดให้ประชาชนสับสนเข้าใจผิด จนผู้พิพากษาท่านหนึ่งออกมาปรามว่าอย่านำพระราชดำรัส มาตีความเป็นพระบรมราชวินิจฉัยในเรื่องความถูกผิดในการถวายสัตย์ฯเพราะจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดโดยพยายามบิดเบือนให้เกิดความกลัว ไม่ให้มีการพูดถึง เรื่องจะได้เงียบๆไปเหมือนนาฬิกา25เรือนนั้น ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้ผลเพราะเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ประชาชน มีความรักและศรัทธาสูงสุดในชีวิตที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตระหนักให้มาก
ซัดเป็นกบฏหรือไม่ครม.รู้แก่ใจ
“จึงขอหารือต่อประชุมเป็นครั้งที่4เพราะประชาชน ฝากถาม พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ว่าคำถวายสัตย์ฯที่ขาดหายไปที่ว่า ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการนั้น หากใครไม่ถือปฏิบัติถือว่าเป็นกบฏฉีกรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ ดังนั้น กรณี พล.อ.ประยุทธ์ และ ครม. 35 คนกระทำผิดรัฐธรรมนูญ และเมื่อทราบ ก็ยังไม่แสดงความรับผิดชอบย่อมแสดงให้เห็นว่าครม.รู้เห็น เป็นใจร่วมกันกระทำผิดรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่”นายวิรัตน์ กล่าว
‘ไพบูลย์’ฟ้อง‘ศรีฯ’ใส่ร้ายยุบพรรค
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปกล่าวว่า จากกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องแก่ประธาน กกต. ตรวจสอบการยกเลิกพรรคของพรรคประชาชนปฏิรูป และสมาชิกสภาพของตัวเองนั้นพบว่านายศรีสุวรรณ กระทำผิดกฎหมายโดย การให้สัมภาษณ์ของนายศรีสุวรรณ มีคลิปเสียงยืนยันระบุว่าตน‘ฉ้อฉล’ ถือว่าเป็นการใส่ความและทำให้คนอื่นเกลียดชังตน ถือเป็นการหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 โดยจะยื่นฟ้องต่อศาลอาญาให้เร็วที่สุด อีกเรื่อง นายศรีสุวรรณ ยังได้ยื่นเรื่องให้ประธาน กกต.ว่าตัวเองกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 92 (1) ซึ่งเป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิด พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา101 ที่ระบุว่า ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดโดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสน หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลตัดสิทธิการเลือกตั้ง โดยตนจะยื่นเรื่องให้กกต.ตรวจสอบอย่างเร็วที่สุด
พร้อมยืนยัน เห็นด้วยกับการตรวจสอบ แต่ทุกคนต้องทำกระทำภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อป้องกันการให้ความเห็นที่ทำให้ประชาชนสับสน และทำให้บ้านเมืองไม่สงบ ตนจะรักษาหลักกฎหมายเพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบและให้ความรู้ประชาชนที่ถูกต้อง โดยยืนยันว่าการฟ้องร้องต่างๆนั้น จะไม่มีการดำเนินคดีกับสื่ออย่างแน่นอน
ยันเลือกหัวหน้าศก.ใหม่ถูกต้อง
นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ แถลงข่าวแนะนำคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ อาทิ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ รองหัวหน้าพรรค และ นายภาสกร เงินเจริญกุล เลขาธิการพรรค ว่า หลังจากนี้จะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อกำหนดแนวนโยบาย ขอยืนยันว่าจะยึดอุดมการณ์พรรคเช่นเดิม และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ยังเป็นปูชนียบุคคลของพรรค ซึ่ง ส.ส.ทั้ง 6 คนของพรรคจะยังเป็นครอบครัวเดียวกัน ยังอยู่กับพรรคร่วมฝ่ายค้านเหมือนเดิม ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เข้าร่วมประชุมกับ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอย้ำว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ส่วนกรณีที่มีสมาชิกพรรคเศรษฐกิจใหม่ ร้อง กกต.ว่าการประชุมใหญ่เลือกหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ชอบด้วยข้อบังคับพรรคนั้น นายมนูญ กล่าวยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่างโปร่งใส มีการแจ้งสมาชิกรับทราบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าบุคคลที่ไปยื่นเรื่องร้องเรียนเป็นสมาชิกของพรรคหรือไม่ เพราะบางคนแอบอ้างว่าเป็นสมาชิก แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรค โดยฝ่ายกฎหมายจะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร หากเป็นสมาชิกและทำให้พรรคเสื่อมเสีย ก็อาจจะขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค
คำร้องพรก.ครอบครัวฯถึงศาลรธน.
วันเดียวกัน ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่จากสภาผู้แทนราษฎรได้นำคำร้อง ของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ.2562 ที่พรรคฝ่ายค้านเห็นว่าการตรากฎหมายนี้ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรค 1 มายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว สำหรับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมีกรอบเวลาการพิจาณาไม่เกิน 60 วันและเมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเสร็จ สภาผู้แทนราษฎรจะนำพระราชกำหนดมาพิจารณาอีกครั้ง
ศาลชี้เซ็ตซีโร่’กสม.’ไม่ขัดรธน.
วันเดียวกัน ฝ่ายประชาสัมพันธ์สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าว ว่า ที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญ วานนี้ (4กันยายน) พิจารณาคำร้องกรณีศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งของนายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน ผู้ฟ้องคดีที่1และนางฉัตรสุดา จันทร์ดียิ่ง ที่ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2560 มาตรา 60 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 26 และมาตรา 27 หรือไม่
องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ทำความเห็นส่วนตน เป็นหนังสือ พร้อมทั้งแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุม และที่ประชุมได้ปรึกษาหารือร่วมกันแล้วลงมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2560 มาตรา 60 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ที่ระบุว่าให้ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนที่พรป.ว่าด้วยกรรมการสิทธิมนุษยชนใช้บังคับ พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ พ.ร.ป.ว่าด้วย กรรมการสิทธิฯ ฉบับนี้ใช้บังคับ แต่ยังคงให้ปฎิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าประธานและกรรมการสิทธิฯ ที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ทั้งนี้ ให้ผู้อยู่ปฎิบัติหน้าที่ ได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่น ตามที่ได้รับอยู่ในวันก่อนที่พ.ร.ป.ว่าด้วย กรรมการสิทธิฯ ฉบับนี้ใช้บังคับ และให้มีสิทธิ์ได้รับบำเหน็จ โดยให้ถือว่าเป็นการพ้นจากตำแหน่งเพราะลาออก โดยให้คำนวณระยะเวลาตั้งแต่วันที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจนถึงวันที่หยุดปฎิบัติหน้าที่ ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา3 มาตรา26และมาตรา27 ซึ่งเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี