"หม่อมอุ๋ย"แนะผู้นำต้องมีสติปัญญา-ความกล้า ชมปชป.คุมก.พาณิชย์-เกษตร ชู"ประกันรายได้"นโยบายดี ด้าน"ประธานTDRI"เชื่อหาฉันทามติร่วมเป็นทางออกแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2562 ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น พรรคอนาคตใหม่ จัดงานเสวนา "จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่" โดยมี ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) , ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ , รศ.ดร.บัวพันธ์ พรหมพักพิง อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมสาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเสวนา
ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า อัตราการเศรษฐกิจเวลานี้ควรใช้คำว่า ชะลอตัว ยังไม่เข้าข่ายถดถอย เพราะเราไม่ได้ติดลบ แต่ก็ช้ากว่าที่เคยเป็นรวมไปถึงประเทศเพื่อบ้านในอาเซียน เพราะประเทศอื่นโตกว่าเราทั้งหมดในอาเซียน ขณะที่เรื่องความเหลื่อมล้ำนั้น ประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 36% แต่ก็ไม่ได้ผิดปกติในอาเซียน ซึ่งไม่ได้ถือว่ามากที่สุดแต่ก็น่าสนใจ อย่างไรก็ดี การวัดคลวามเหลื่อมล้ำนั้นเป็นเรื่องยาก
"ปัญหาโครงสร้างคือเรื่องความเหลื่อมล้ำของธุรกิจนาดต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ นอกประเทศผมคิดว่าสโลแกนที่ พรรคอนาคตใหม่ชู คือเรื่องเท่าเทียมกัน เท่าทันโลก นั้นน่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตที่ผมคาดว่าจะมีปัญหาคือ ไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชีย ที่จะแก่ก่อนรวย กล่าวคือการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุก่อนเรารวย ขณะที่ประเทศอื่นอย่างญี่ปุ่น เกาหลี เขารวยแล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง หากเราอยากฟื้นให้เศณษฐกิจเข้มแข็ง เราต้องดูเรื่อง สินค้าเกษตร ศักยภาพการทำงานของแรงงานไทย และเรื่องธุรกิจนาดย่อมที่ต้องมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่" ดร.สมเกียรติ กล่าว
ดร.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องรัฐธรรมนูญนั้นไม่มีผลกับปากท้องของประชาชนมากนัก แต่จะมีผลโดยตรงต่อการกำหนดอำนาจทางการเมือง ในส่วนของการรวมศูนย์อำนาจ ที่จะจำกัดอำนวจแค่เพียงคนเกลุ่มเดียว ในส่วนของแผนยุทธศาสตร์ชาตินั้น แม้จะพยายามตอบโจทย์ในเรื่องของเสถียรภาพทางอำนาจ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการแก่ปัญหาโดยการใช้กฎหมายนั้น ไม่สามารถใช้ได้ แต่ต้องเป็นการใช้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของคนในสังคม ซึ่งวิธีการแก้โดยใช้ยุทธศาสตร์ชาตินั้น เป็นเรื่องที่เฉพาะเจาะจงเกินไป และไม่สะท้อนกับความเป็นจริง เพราะมันกว้างเกินไป
ด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันนี้ พ่อค้าแม่ค้า ขายของไม่ได้ ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากทั้งสองปัจจัยทั้งภายนอกและภายใน ในส่วนของภายนอก เกิดจากประเทศมหาอำนาจทะเลากัน แต่ปัจจัยที่มากกว่านั้นคือปัจจัยภายในที่ทุกคนไม่ได้พูดกัน เพราะ รัฐบาลแก้บ้างไม่ได้แก้บ้าง ตนขอย้อนไปเมื่อตอนปี 57 ซึ่งตอนนั้ เศรษฐกิจ มีปัญหามากกว่านี้ อัตรากการเจริญเติบโตของ รายได้มวลรวมประชาชาติ (GDP) อยู่ที่ 1% ขณะที่ ยอดส่งออกติดลบ การลงทุนเอกชนชะงัก เช่นเดียวกับประเด็นทางการเมือง ทั้งยาง ทั้งข้าว ราคาลงทั้งหมด แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ภาษีที่เก็บจากประชาชนเก็บได้ไม่เกิอน 18% ของรายได้ประชาชาติ ต่ำกว่าเกือบทุกประเทศในโลก ขณะที่ประเทศอื่นเก็บได้ที่ 25% ขึ้นไป ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล นั้นไม่เอื้ออำนวย ตลอด 4 ปีทีผ่านมา มี 2,500 โรงงานที่ได้ BOI จากเรา นับเป็นครึ่งนึงของอุตสาหกรรมของทั้งประเทศ แต่เศรษฐกิจก็ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้ต้องการตลาดใหม่ในโลก แต่วันนี้โลกทะเลาะกัน แต่ทุกคนยังอยู่นิ่ง ซึ่งเราคงต้องอดใจรอให้โลกหยุดทะเลาะกัน เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้เจริญเติบโตขึ้น
"เรื่องราคาพืชผลตกต่ำ ต้องยอมรับว่าช่วงที่ผมพยายามแก้ เพราะข้าวดึงไม่ขึ้นจากนโยบายจำนำข้าว ที่เรามีค้างอยู่ 17 ล้านตาน เพราะทั้งโลกมี 33 ล้านตัน ซึ่งตนพยายามเร่งข้าวแต่เชื่อไหม ช่วงปีแรกที่ผมอยู่ไม่มีการปล่อยข้าวเลย รรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เป็นทหาร ผมก็บังคับเขาไม่ได้ แต่ก็มาขายเอาช่วงปี 59-60 ช่วงนั้นข้าวเสียเกือบหมดแล้ว ซึ่งก้ต้องยอมรับว่า รัฐบาลที่แล้วขายข้าวช้าเกินเหตุ จากที่ควรเสีย 3 ล้านตัน แต่ดันไปเสียเกือบหมด" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว และว่า "ที่เจ็บใจที่สุดคือ เรื่องกฎหมายเราไม่เอื้อต่อเรื่องการค้าขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่คุณเชื่อไหม พอปี 2560 กฎหหมายเพิ่งเสร็จเพียง 4 จาก 8 ฉบับ แสดงให้เห็นกระบวนการทำงานนั้นล่าช้า"
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวต่อว่า ตนชอบพรรคประชาธิปัตย์ ตรงที่ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯเพราะ กระบวนการประกันรายได้นั้นน่าสนใจ ทั้งชาวนา และชาวสวนยางเปิดบัญชีหมดแล้ว หมายความว่า พอประกันราคาเงินจะเข้าที่ชาวนาเลย ไม่ต้องผ่านคนกลาง อย่างไรก็ตามในส่วนของภาคการเมืองนั้นทั้งหมดอยู่ที่ความกล้าของผู้นำ ซึ่งต้องมีทั้งสติปัญญา และความกล้า แม้จะทำให้ตัวเองไม่เป็นที่นิยม ตนคิดว่า ที่ผ่านมา หากผู้นำแค่เปิดใจฟังคนอื่นจนเข้าใจและกล้าตัดสินใจ ประเทศจะเดินได้ดีกว่านี้
หากเราได้รัฐบาลที่เป็นเผด็จการที่มีอำนาจทหารรรองรับจะเปลี่ยนยาก คือจะมีสองมาตฐาน และใช้อำนาจข่มขู่คนที่วิจารณ์ ความจริงการเป็นรัฐบาลต้องสามารถวิจารณ์ได้ รัฐบลนี้ถือว่าไม่มีความอดทน หรือใจไม่กว้าง และรัฐบาลนี้ไม่เสาะหาคนเก่งเข้าร่วมทำงานด้วย ไม่มีนักเศรษฐศาสตร์มหภาคที่คอยมองภาพกว้าง ความจริงมีคนเก่งให้เลือกเยอะมาก วินัยการคลังถือว่า เหลวแหลกมาก ใช้จ่ายไม่มีประสิทธิภาพ ซื้อได้อย่างไร เรือดำน้ำ และเวลาที่ประเทศขาดดุลหลายปี รัฐมนตรีคลังกลับมาแจกเงินให้คนท่องเที่ยว
"รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นการเอื้อให้กลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งสืบทอดอนาจ อย่างไรก็ดี หากเราได้คนที่เก่งและมีความเป็นผู้นำปเป็นนายกรัฐมนตรี ระเทศก็ยังไปต่อได้ แต่เราไม่ได้มีแบบนั้น ทำให้รัฐบาลพลเรือนในปัจจุบันไปต่อไม่ได้" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ขณะที่ รศ.ดร.บัวพันธ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมีความสำคัญที่ เป็นตัวตัดสินในการจัดสรรอำนาจในสังคม ไม่ว่าใครจะได้รับรัพยาการ หรือสิ่งมีค่านั้น ต้องตัดสินจากความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ที่น่าสนใจคือ ทำไมมีคนจำนวนหนึ่งคิดว่าเศรษฐกิจมันดี ทั้งที่คนส่วนใหญ่บอกว่าตอนนี้เศรษฐกิจกำลังแย่ ขณะที่ตอนนี้มีความรุนแรงในกลุ่มวัยรุ่น และยาเสพติด ที่ราคาถูกลงและหาได้ง่ายขึ้น ซึ่งตนคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับปัญหาเศรษฐกิจที่ตกลง ในส่วนของรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้สืบทอดเฉพาะอำนาจเฉพาะทหารชุดนี้ แต่มันสือทอดมาตั้งนานแล้ว ในเรื่องของการเอารัฐเป็นศูนย์กลาง ซึ่งการรวมศูนย์อำนาจนั้นแม้จะมีความสำคัญ แต่เราก็รวมทุกอย่างไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี