แม้คำว่า “ฝ่ายค้านอิสระ” จะไม่มีบัญญัติตำแหน่งอย่างเป็นทางการในรัฐสภา แต่หนุ่มวัย 38 อย่าง “มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์” หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อหนึ่งเดียวของพรรค ที่ฝ่าฟันแทรกตัวเข้ามาในสภาผู้ทรงเกียรติได้ ก็เลือกที่ลาออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และเลือกจะสวมหมวกคนกลางที่ไม่ใช่ทั้ง “ฝ่ายค้าน” หรือ “รัฐบาล”
เขาคือผู้ที่สร้างความหวือหวา บนพื้นที่ข่าวได้อย่างต่อเนื่องทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แม้กระแสช่วงแรกที่ชิงพื้นที่ข่าวมาได้ จะเต็มไปด้วย“ก้อนหิน” และคำด่าทอจากสังคมโซเชียล จนเรียกขานว่า “เต้ พระรามเจ็ด” จากวีรกรรม “โหด ดิบ เถื่อน” ในสมัยวัยเรียนที่เจ้าตัวอวดอ้าง
แต่ต้องยอมรับว่าช่วงหลัง สังคมหันกลับมามอบ “ดอกไม้” ให้เขามากขึ้น จากภาพของ สส.มือตรวจสอบ และลีลาการอภิปรายในสภาที่เต็มไปด้วยตัวเลขและข้อมูล
ในปี 2550 มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เคยสมัคร สส.กทม.เขต 10 ในนามพรรคประชาราชของ นายเสนาะ เทียนทอง และสอบตก แต่ก่อนหน้านั้น “มงคลกิตติ์” เคยช่วยงานให้กับพรรคต้นตระกูลไทย ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มาก่อนจากนั้นก็เคลื่อนไหวการเมืองมาอย่างต่อเนื่องทั้งร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยเพื่อประชาชน คัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ไล่ลามไปจนถึงการตรวจสอบ ร้องเรียนข้าราชการและนักการเมืองมากมาย และวันนี้ มงคลกิตติ์ เปิดห้องทำงานบนชั้นสองของที่ทำการพรรคไทยศรีวิไลย์ พูดคุยกับ “แนวหน้า” ทั้งการทำงาน แนวคิด และความสัมพันธ์วันนี้กับพี่เคยรักอย่าง “มาร์ค พิทบูล”
จากนักตรวจสอบ-ร้องเรียนสู่วงการการเมือง
ตอนตั้งพรรคตอนแรกยอมรับยังไม่พร้อม แต่รัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้หลายอย่างที่พรรคเล็กๆ จะมีโอกาสแทรกตัวเข้าไปในสภาได้ ก็เลยตัดสินใจทำ แต่ก็ต้องประสบกับหลายปัญหา เช่น เราไม่สามารถส่งผู้สมัครครบทุกเขตได้ เพราะไม่มีเงินซื้อสื่อวันละเป็นแสน จึงใช้ประโยชน์จากโลกโซเชียลซึ่งต้องขอบคุณ มาร์ค พิทบูล (นายณัชพลสุพัฒนะ) เพราะเขาเป็นเจ้าพ่อโซเชียล เปิดตัวพรรคตอนแรกๆ คนก็รู้จักในนาม มาร์ค พิทบูลที่ปูพื้นมาก่อน สามารถช่วยกระตุ้นได้เยอะเนื่องจากช่วงนั้นยากมากที่จะได้ออกสื่อหลัก เนื่องจากเราไม่มีทุนเหมือนพรรคใหญ่
ความสัมพันธ์ในวันนี้กับ “มาร์ค พิทบูล”
เราเจอกันครั้งแรก เพราะมีผู้ใหญ่แนะนำให้รู้จักกัน ตั้งแต่ตอนที่เขาทำเรื่องบริจาคเงินให้ครูจอมทรัพย์ (แสนเมืองโคตร) ผมได้เข้าไปดูในสำนวนคดีให้กระทรวงยุติธรรมว่าคดีเป็นมายังไง จากนั้นก็ร่วมงาน เคลื่อนไหวด้วยกันหลายครั้งจนมาตั้งพรรคไทยศรีวิไลย์ ยอมรับว่าคะแนนเสียงที่ได้มาทั้งหมด 60,358 คะแนน มาจาก มาร์ค พิทบูล40 เปอร์เซ็นต์ อีก 30 เปอร์เซ็นต์ มาจากคะแนนของผู้สมัครและญาติพี่น้องผู้สมัครที่เราลงพื้นที่ที่เหลือมาจากนโยบาย และคะแนนดีเบตช่วงเดือนสุดท้ายที่เราตีขึ้นมา
“ทุกวันนี้ก็ยังคุยกันอยู่ ยังถามเขาว่าจะกลับเข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรคในการประชุมใหญ่ครั้งหน้าหรือไม่ เขาบอกยังไม่พร้อม เพราะกำลังเปิดสาขากาแฟ อาจจะไม่มีเวลา เพราะถ้าเป็นกรรมการบริหารพรรคต้องลงพื้นที่ด้วย ถ้าไม่ลงกรรมการคนอื่นอาจจะมองไม่ดี ตรงนี้คงต้องให้เขาตัดสินใจ”
ทางการเมืองไม่มีใครดี หรือเลวร้อยเปอร์เซ็นต์ ในมุมของผมคิดว่าสิ่งที่ทำมาตลอด มีความดีเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ และแต่ละเรื่องที่ทำก็จะไปให้สุดทางหมดในทุกคดี แต่ต้องใช้เวลาถ้าเปรียบเทียบกับนักการเมืองคนอื่น หายากที่จะมีผลงานเหมือนผม เพราะมันต้องสด ใจถึงการตรวจสอบเป็นหน้าที่ของสส. และผมมีแผนการทำงานด้านนี้มา นักการเมืองคนอื่นจะสู้ไม่ได้เพราะเขาไม่มีประสบการณ์ จะลงพื้นที่อย่างไรหาข้อมูลทำอย่างไร มีเส้นสายในระบบราชการหรือไม่ นักการเมืองมาใหม่ๆ ต้องเกรงใจคนนั้น คนนี้ แต่ผมไม่เกรงใจ
“ตอนเรียนวิศวะ ปริญญาตรี ได้เรียนนิติศาสตร์ด้วยคู่กันไปแต่ไม่ไหว เพราะเรียนวิศวะมันหนัก แต่อาศัยอ่านหนังสือ อ่านกฎหมายเยอะ อ่านเอง และบังเอิญการต่อสู้ที่เราตรวจสอบทุจริต เราโดนดำเนินคดีจำนวนมาก ทำให้เราต้องสู้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เราประหยัดเงินในการสู้คดี การเขียนสำนวน การไต่สวน การหาหลักฐาน รวมทั้งการสืบพยาน เราทำเองทั้งหมดในศาล จนเราชำนาญยิ่งกว่าทนายความ ทนายความนั้นเราจ้างมานั่งเฉยๆ ตรงหน้าบัลลังก์ แต่ผมไต่สวนเอง ฉะนั้นเราจะรู้ทางหลบทางหลีกของกระบวนการทางกฎหมาย ว่าสู้ต่อไปเราจะชนะหรือแพ้ ถ้าชนะเราก็สู้ แต่ถ้ารู้ว่าแพ้เราก็คุย ผมเคยโดนฟ้องเป็นร้อยคดี แต่ทุกวันนี้เคลียร์หมดแล้ว สะอาดไม่มีแม้แต่คดีเดียว”
การตัดสินใจลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
ถ้าเป็นข้าราชการเมือง ต้องออกจาก สส.ซึ่งอำนาจทางการเมือง ถือว่าต่ำ ศักดิ์ต่ำกว่าสส.ทั้งกรรมการ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ปรึกษา เลขานุการสส.เงินเดือนเท่ากับ รมช. และมีเอกสิทธิ์คุ้มครองด้านกฎหมายในสมัยประชุมตำแหน่งที่เขาให้มา และที่สำคัญที่ออกจากพรรคร่วมเนื่องจาก “นโยบายขัดกัน” ทั้งเรื่องการแจกเงิน เป็นประชานิยม การซื้อเครื่องบิน การจะกู้เงินจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่เป็นการเพิ่มหนี้สาธารณะ สินค้าเกษตรที่ใช้วิธีประกันราคา แต่สิ่งที่เราคิด คือ อยากให้ออกกฎหมายการรับซื้อสินค้าเกษตร โดยให้เอกชนรับซื้อ เช่น ข้าว ต้นทุน 7,000 บาท ซื้อ 11,000 บาท อ้อย 700 บาท ซื้อ 1,000 บาทจะทำให้เกษตรกรมีกำไร ความจริงเอกชนมีกำไรอยู่แล้ว แต่เขาหลบเอาไว้ ปี 2557 มีโรงงานอ้อย 47 โรงงาน แต่ตอนนี้มีเกือบ 60 โรงงาน แสดงว่ามีความต้องการมาก แต่ทำไมราคาอ้อยต่ำ แสดงว่ามีการหมกเม็ดแน่นอน
แนวคิด-วิธีการแก้โครงสร้างอย่างยั่งยืน
ประชาชน และข้าราชการส่วนใหญ่เขาไม่ได้ผิด แต่ปัญหาคือระบบความเหลื่อมล้ำ รายได้ รายจ่าย และการศึกษา ประเทศไทยยังเป็นระบบอุปถัมภ์ การแจกเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถามว่าเป็นระบบอุปถัมภ์หรือไม่ อุปถัมภ์ผ่านผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. ถ้าไม่เชื่อฟัง ก็ไม่ได้บัตร เอาฐานะ ความเป็นอยู่ ความหิวโหยมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ประเทศไทยไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นระบอบอุปถัมภ์ โดยผ่านงบประมาณ ผ่านผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ที่รับเงินเดือนรัฐ ดังนั้นใครเป็นผู้นำรัฐก็จะมีอำนาจในการตัดสิน ระบบนี้จะไม่ให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข ไม่มีการศึกษา และถูกบีบได้ง่าย นี่คือทุจริต นี่คือระบบที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แบบได้ เนื่องจากนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงไม่ต้องการให้ประชาชนลืมตาอ้าปาก นโยบายของเราเป็นอนุรักษ์นิยม แบบเสรีนิยม เราไม่สนใจนายทุน เราเป็นห่วงคนข้างล่าง นายทุนจึงพยายามกำจัดพรรคแบบเราไม่ให้โต เพราะเขาต้องการพรรคที่สนใจนายทุน และคนข้างล่างค่อยบีบเอา ซื้อเอาตอนใกล้เลือกตั้ง นี่เป็นระบบเห็นแก่ตัว
ขณะที่ข้าราชการก็จะเป็นระบบศักดินาที่ครอบงำจากบนลงล่าง เราจึงต้องค่อยๆ แทรก เอานโยบายผลักดันเข้าไปผ่านนักการเมือง ผ่าน สส.เข้าฝ่ายบริหาร และแทรกแซงการดำเนินการธุรกิจ เพื่อทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ผมมองว่า ทำไมรัฐบาลไม่หารายได้ให้พอรายจ่าย ทำไมต้องกู้เงินตลอด ประเทศเราจัดเก็บภาษี ได้มากกว่า 2.43 ล้านล้านบาทต่อปี จริงๆ เราจัดเก็บได้อยู่ประมาณ 3.3-3.4 ล้านล้านบาทต่อปี แต่เราจัดเก็บรั่วไหล เพราะระบบราชการในการจัดเก็บภาษีมีกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต จะสังเกตว่าอดีตอธิบดีหลายคนร่ำรวยผิดปกติ ทุจริต เอาเงินไปซุกต่างประเทศ กระบวนการเหล่านี้คือการร่วมกันระหว่างข้าราชการกับธุรกิจ แทนที่จะเสียภาษีแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ใช้ช่องว่าในการทุจริต
นโยบายเปิดกาสิโนเสรี เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่ผมเสนอนั้น เคยถามตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่รู้จัก เขาบอกในประเทศมีบ่อนประมาณ 250 บ่อน ตรวจเจอบ้าง ปิดแล้วก็เปิดใหม่ เขาบอกว่าระบบนี้เป็นระบบไว้ดูแลโรงพัก เขามีแค่เงินเดือนกับงบดำเนินการซึ่งน้อยมาก ฉะนั้นการเลี้ยงให้ข้าราชการหิวโซ มันสามารถบังคับให้เขาทำผิดได้
เหมือนกับแนวคิดเปิดผับถึงตีสี่ จริงๆ มันเปิดได้ แต่เขาต้องขออนุญาตท้องที่เป็นครั้งๆ เพื่อเก็บส่วย แต่ถ้ากฎหมายบอกว่าเปิดถึงตีสี่ได้ แล้วเขาต้องจ่ายส่วยหรือไม่ แล้วใครจะเสียประโยชน์ เรื่องเหล่านี้ ถ้าแก้ไปที่ละเรื่อง ความเป็นประชาธิปไตยในชีวิตประจำวันของแต่ละคน ทั้งข้าราชการ พ่อค้า เกษตรกร โดยเฉพาะข้าราชการเมื่อชีวิตความเป็นอยู่มันดีขึ้น บอกให้ไปทำผิด เขาจะไปทำหรือ ก็ไม่ทำ เขาจะคิดหน้าคิดหลัง สามัญสำนึกของมนุษย์ทุกคนไม่ต้องการทำความเลว แต่สภาพมันบังคับ
นิยามคำว่า “ฝ่ายค้านอิสระ” ของ “มงคลกิตติ์”
ทุกประเทศระบอบประชาธิปไตยถูกเซตมาโดยนักประชาธิปไตย มันเป็นคอนเซ็ปต์ที่ต้องมีฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล แต่รัฐธรรมนูญระบุว่า สส.มีเอกสิทธิ์ในการตัดสินใจ แสดงความคิดเห็น แล้วถ้ามีมติพรรค หรือ มติวิปมาบอกว่าให้ทำ หรือไม่ทำอะไร มันผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถึงทุกวันนี้จะบอกว่าเป็นเอกสิทธิ์ของใครของมัน แต่เขาก็มีการล็อบบี้กัน ผมทำงานมา 2-3 เดือน จึงรู้เลยว่า ถ้าอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมันไม่มีเอกสิทธิ์ ต่อให้เรามีเอกสิทธิ์ แต่เราฝืน เขาก็จะมองว่าเรานั้นเป็นกาในฝูงหงส์ แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะเราคือหงส์ในฝูงกา
หน้าที่ สส. คือทำตามที่ประชาชนต้องการ และทำตามความรู้สึกนึกคิดว่าอะไรถูก อะไรผิด ชั่วดีของตัวเอง ผมจึงมองว่า เรื่องบางเรื่องรัฐบาลทำถูกเราก็เห็นด้วย แต่บางเรื่องถ้าทำผิดเราก็ต้องตรวจสอบ เช่นเดียวกับฝ่ายค้าน ถ้าทำถูกก็เห็นด้วย ถ้าทำผิดก็ไม่เห็นด้วย นี่คือเอกสิทธิ์ ซึ่งวิปหรือมติพรรคครอบงำไม่ได้ เป็นความเจริญของระบอบประชาธิปไตย ครั้งแรกของโลก และในอนาคตจะมีการร่างข้อบังคับให้มีฝ่ายค้านอิสระ หรือฝ่ายประชาชน นี่คือความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย นี่คือเสรีภาพในการแสดงออกในฐานะ สส.
ชื่อ-สกุล นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือเต้ เดิมชื่อ นายธนะ สุขสินธารานนท์
ประวัติการศึกษา
มัธยมศึกษา
- โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม
ปริญญาตรีและปริญญาโท
- วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศวกรรมไฟฟ้า)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
- รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (การเมืองการปกครอง) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยทักษิณ
ประวัติการทำงาน
- เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นแห่งชาติ (ภตช.)
- อาจารย์พิเศษ โรงเรียนจิตรลดา
- อาจารย์โรงเรียนกวดวิชา
- ทำงานวิศวะไฟฟ้า เป็นพนักงานบริษัทเอกชน
ประวัติทางการเมือง
- ปี 2550 เข้าสู่สนามการเมืองครั้งแรกด้วยการเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เขตบางซื่อ (เขตเลือกตั้งที่ 11) สังกัดพรรคประชาราช
- ช่วยงานให้กับพรรคต้นตระกูลไทย
- ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์
สิทธิชน กลิ่นหอมอ่อน/อัญชลี บุญชนะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี