ศาลชั้นต้นออกหมายโดยผิดหลง อุทธรณ์สั่งออกหมายจำคุกคดีที่สุด‘จตุพร’ใหม่คดีหมิ่น‘มาร์ค’
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 12 กันยายน 2562 ที่ห้องพิจารณา 712 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 ขอให้ยกเลิกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ซึ่งออกโดยศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2561
ในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เป็นโจทก์ในคดีหมายเลขดำ อ.4176/2552 (คดีหมายเลขแดง อ.240/2558) ยื่นฟ้องนายจตุพร เป็นจำเลยในความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ซึ่งคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2560 ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ให้จำคุกนายจตุพร 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ที่กล่าวหมิ่นประมาททำนองว่านายอภิสิทธิ์ ประวิงเวลาในการขออภัยโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้นับโทษคดีจำคุกนายจตุพร ต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง อ.4907/2555 (หมายเลขดำ อ.1962/2552)
คำร้องอุทธรณ์ของนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า เมื่อคดีหมิ่นประมาท หมายเลขดำ อ.4176/2552 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้จำคุกนายจตุพร 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญาและให้นับโทษคดีจำคุกนายจตุพร ต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง อ.4907/2555 (หมายเลขดำ อ.1962/2552) แล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้นับโทษนายจตุพรต่อ แต่จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าศาลชั้นต้นและศาลฎีกา ไม่มีอำนาจพิพากษาให้นับโทษจำคุกนายจตุพรต่อจากอาญาหมายเลขแดง อ.4907/2555
โจทก์จึงขอให้ศาลแก้ไขคำพิพากษายกเลิกหมายจำคุกถึงที่สุดฉบับเก่า (ที่ให้มีการนับโทษต่อ) และให้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วก็มีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย เพราะว่ายกเลิกคำพิพากษาเดิมที่ให้นับโทษต่อไม่ได้ โดยศาลฎีกาก็มีคำพิพากษาถึงที่สุดและมีการออกหมายตามคำพิพากษาแล้ว ซึ่งจำเลยก็ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวอีก โดยศาลชั้นต้นได้เรียกตัวจำเลยมาสอบถาม ซึ่งแถลงว่าหมายที่ให้นับโทษจำคุกคดีนี้ต่อจากคดีอาญาหมิ่นประมาทอีกสำนวนนั้นไม่ถูกต้อง
ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นตรวจสอบรายงานกระบวนพิจารณาใหม่อีกครั้งปรากฏว่าในคดีหมิ่นประมาทนั้นศาลชั้นต้นไม่ได้ให้นับโทษจำคุก แต่ศาลอุทธรณ์มีการย่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าให้นับโทษจำเลยต่อ ซึ่งไม่ถูกต้อง จนเมื่อผลคดีถึงที่สุดก็เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกถึงที่สุดโดยผิดหลงด้วยการให้นับโทษต่อ
ดังนั้นศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องและเป็นธรรมกับตัวจำเลย โดยให้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2561ไม่ต้องนับโทษนายจตุพร จำเลยต่อจากคดีอาญาหมิ่นประมาทอีกสำนวน ซึ่งระบุวันนับโทษตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.2560 โดยไม่หักวันต้องขังให้จำเลย
ทั้งนี้ โจทก์เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่นับโทษจำคุกนายจตุพร จำเลยต่อจากคดีอาญาหมิ่นประมาทอีกสำนวนนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายขัดกับคำพิพากษาศาลฎีกา โจทก์จึงขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และให้หมายเรียกจำเลยมารับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ต้องนับโทษคดีอาญาต่อ ต่อมาศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของนายอภิสิทธิ์แล้ว ให้ยกคำร้องนายอภิสิทธิ์ โจทก์จึงได้ยื่นอุทธรณ์
วันนี้ นายจตุพรได้เดินทางมาฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ พร้อมกับทนายความ
ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า แม้การออกหมายจำคุกถึงที่สุดจะเป็นเรื่องการบังคับโทษตามคำพิพากษาซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจดำเนินการก็ตาม แต่การออกหมายบังคับตามโทษนั้นก็จะต้องให้ถูกต้องกับโทษที่จำเลยควรได้รับตามความเป็นจริงด้วย ซึ่งการที่ศาลชั้นต้นได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2560 ให้นับโทษจำคุกนายจตุพร จำเลยต่อจากคดีอาญา หมายเลขแดง อ.4907/2555 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นการออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วและการที่ศาลชั้นต้นได้ยกเลิกหมายจำคุกดังกล่าวแล้วออกหมายบังคับโทษใหม่ เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2561 โดยอ้างว่าหมายจำคุกเดิมที่ศาลชั้นต้นออกนั้นทำโดยผิดหลง เนื่องจากศาลชั้นต้นที่เคยมีคำพิพากษาคดีนั้น ไม่ได้ให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญา หมายเลขแดง อ.4907/2555
แต่ศาลอุทธรณ์ย่อคำพิพากษาว่าศาลชั้นต้นให้นับโทษคดีต่อกันกับอีกสำนวนหนึ่งนั้น ความจริงศาลชั้นต้น (คดีหมายเลขดำ อ.4176/2552) พิพากษาให้นับโทษจำคุกนายจตุพร จำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง อ.4907/2555 ตรงตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาย่ออยู่แล้วไม่ได้เป็นข้อผิดพลาด ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นเคยยกเลิกหมายจำคุกถึงที่สุดฉบับเก่านั้นน่าจะเกิดจากความคลาดเคลื่อนผิดหลงของศาลชั้นต้นเอง อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษา ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่นับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.4907/2555 และให้ยกเลิกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของจำเลย ลงวันที่ 19 ก.พ.2561 กับให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่เพื่อบังคับตามคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป (ที่ให้นับโทษจำคุกนายจตุพร คดีหมิ่นประมาทหมายเลขดำ อ.4176/2552 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.4907/2555)
ภายหลังทนายความของนายจตุพร ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 200,000 บาทขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา
กระทั่งเวลา 16.00 น.เศษ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว “นายจตุพร” ระหว่างฎีกาคำสั่ง โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ
นายจตุพร กล่าวภายหลังว่า ขอขอบคุณศาลที่เมตตาให้ประกันตัว ซึ่งตนได้รับการปล่อยตัววันที่ 4 ส.ค.2561 นับจากตอนนั้นถึงเวลานี้ได้รับอิสรภาพมาแล้ว 1 ปี 8 วัน โดยรับโทษไปแล้ว 1 ปี กับ 15 วันจากโทษจำคุก 2 สำนวนรวม 1 ปี กับอีก 12 เดือน
ส่วนการต่อสู้คดีก็จะต้องปรึกษาทนายความอีกครั้ง เพื่อฎีกาให้วินิจฉัยว่าที่ตนเองได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ นั้นเป็นการปล่อยตัวตามคำสั่งศาลอาญาซึ่งไม่เคยมีกรณีนี้
“บรรดาผู้รู้กฎหมายทั่วไปก็ตั้งข้อสังเกตว่ากรณีเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม และไม่เคยหลบหนี กรณีนี้ตนมีใบบริสุทธิ์จากเรือนจำ แสดงว่าได้รับโทษครบถ้วนแล้ว ซึ่งคำสั่งออกโดยศาลอาญาและเป็นกระบวนการยุติธรรมปกติ” นายจตุพร กล่าว
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ กล่าวอธิบายว่า กรณีดังกล่าวนี้ทนายความของนายอภิสิทธิ์ โจทก์ ได้ยื่นอุทธรณ์ประเด็นการออกหมายจำคุกถึงที่สุดว่า ตามที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับโทษโดยไม่ได้นับโทษต่อนั้นไม่ชอบ ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วได้มีคำพิพากษากลับว่า ที่ศาลชั้นต้นเคยมีคำสั่งเพิกถอนหมายจำคุกถึงที่สุดนั้นมิชอบ จึงเท่ากับว่าหากเป็นเช่นนั้นนายจตุพร จะต้องติดคุกเพิ่มขึ้นอีก 11 - 12 เดือน ซึ่งจำเลยเห็นว่า อาจขัดกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ลงโทษนายจตุพรคดีหมิ่นประมาทสำนวนที่ 2 ไม่ได้มีคำพิพากษาให้นับโทษต่อจากคดีแรก
เรื่องนี้จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องหาข้อยุติ ว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กลับให้ยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะตนก็เข้าใจว่าอำนาจในการออกหมายจำคุกเป็นอำนาจของศาลชั้นต้น เรื่องนี้จึงควรขึ้นสู่ศาลฎีกาให้มีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานว่าการออกหมายบังคับตามคำพิพากษา ที่ศาลอุทธรณ์มองว่าเป็นการผิดหลงของศาลชั้นต้นเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
“คดีวันนี้ผมเห็นว่าศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้ลงโทษจำคุกก็จริงแต่ไม่ให้นับโทษต่อ ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้นับโทษต่อได้หรือไม่” นายวิญญัติ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี