เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2562 พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคนอนาคตใหม่ (อนค.) โพสต์ผ่านเฟชบุ๊กถึงรายละเอียดร่าง พรบ.รับราชการทหารใหม่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ร่าง พรบ.รับราชการทหารใหม่ เราใช้รับสมัครตั้งแต่อายุ 18 ปีเหมือนสหรัฐฯ ทำงานได้จนถึงผู้บังคับกองพันอายุไม่เกิน 46 ปีบริบูรณ์ ยกเลิก รด. เพิ่มความเข้มข้นการฝึกให้เป็นมาตรฐานเดียว ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เรียนรู้ประชาธิปไตยและมีมาตรฐานการทำงานเหมือนประเทศที่ใช้แบบธรรมเนียมทหารแบบสากล เพิ่มสวัสดิการ เงินเดือน ทุนการศึกษาและทุนประกอบอาชีพเมื่อปลดให้อย่างพอเพียงที่จะยืนเคียงบ่า เคียงไหล่กับทหารต่างประเทศโดยเฉพาะตะวันตกได้
เราไม่อาจเขียนสิ่งที่ปรารถนาลงไปได้หมด ต้องรอปรับอีกครั้งหากได้เป็นรัฐบาล ลองพิจารณาดูครับ
บันทึกหลักการและเหตุผล ประกอบร่างพระราชบัญญัติรับราชการทหาร (ฉบับที่ ..)พ.ศ. ....
แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 ดังต่อไปนี้
(1) กำหนดให้บุคคลที่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายมีสิทธิสมัครเข้ารับราชการทหารกองประจำการ(แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 7 )
(2) กำหนดให้การรับสมัครและการบรรจุบุคคลเป็นทหารกองประจำการ ให้บรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ โดยผู้ได้รับการบรรจุเป็นทหารกองประจำการมีกำหนดคราวละห้าปีนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง อายุของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งต้องไม่เกินสี่สิบปีบริบูรณ์ ทหารกองประจำการที่อยู่ครบกำหนดมีสิทธิสมัครเป็นทหารกองประจำการต่อได้อีกหนึ่งครั้ง ระยะเวลาไม่เกินห้าปี โดยครองชั้นยศได้ไม่เกินสิบโทกองประจำการ ทหารกองประจำการ เมื่อได้รับการแต่งตั้งครบห้าปีมีสิทธิสมัครแข่งขันเพื่อเป็นข้าราชการทหารชั้นประทวนและข้าราชการทหารชั้นสัญญาบัตรตามลำดับทุกห้าปี โดยครองชั้นยศสูงสุดได้ ไม่เกินพันโทและเกษียณอายุราชการเมื่ออายุครบสี่สิบหกปีบริบูรณ์ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 8)
(3) กำหนดให้ทหารกองประจำการได้รับเงินเดือน สวัสดิการ และในกรณีที่ปลดจากทหารกองประจำการ มีสิทธิได้รับการประกันชีวิต ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมถึงครอบครัวและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของทหารกองประจำการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง เว้นแต่กรณีที่ทหารกองประจำการปลดประจำการก่อนครบกำหนดห้าปีอันเนื่องมาจากการลาออก ไล่ออก หรือเหตุอื่นใดอันไม่ได้เป็นผลจากการปฏิบัติหน้าที่จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว (เพิ่มมาตรา 8 ทวิ)
(4) กำหนดให้กรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่าอาจเกิดสงครามในระยะเวลาอันใกล้ ให้คณะรัฐมนตรี ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกระดมพลให้ทหารกองเกินซึ่งมีอายุตั้งแต่สิบแปดปีบริบูรณ์และยังไม่ถึงสามสิบปีบริบูรณ์เข้ารับการตรวจเลือกเป็นทหารกองประจำการ การเรียกระดมพลให้กำหนดระยะเวลาคราวละไม่เกินหนึ่งปี (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 9)
(5) กำหนดให้วันเริ่มเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ให้นับแต่วันขึ้นทะเบียนกองประจำการโดยเมื่ออยู่ในกองประจำการจนครบกำหนดแล้ว และกำหนดรายละเอียดกรณีอยู่ในกองประจำการจนครบกำหนดแล้ว ได้ปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทใดบ้าง (เพิ่มมาตรา 9 ทวิ)
(6) กำหนดให้บุคคลซึ่งเข้ารับราชการเป็นทหารประจำการต้องฝึกวิชาทหารเพื่อปฏิบัติราชการ หรือเพื่อทดลองความพรั่งพร้อมและระดมพล ในกรณีที่อาจเกิดสงครามและกำหนดให้บุคคลผู้เข้ารับราชการเป็นทหารประจำการ ห้ามมิให้ผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลอื่นใดนำไปให้ทหารกองประจำการทำงานในลักษณะที่เป็นงานรับใช้ส่วนตัว และกระทำการอื่นใดอันเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หากมีการไม่ปฏิบัติตามและผู้ฝ่าฝืนเป็นข้าราชการ ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง (เพิ่มมาตรา 9 ตรี)
(7) กำหนดให้บุคคลที่มีสัญชาติไทยตามกฎหมาย เมื่อมีอายุย่างเข้าสิบแปดปีในพุทธศักราชใด ให้ไปแสดงตนเพื่อลงบัญชีทหารกองเกินที่อำเภอท้องที่ซึ่งเป็นภูมิลำเนาทหารของตนภายในพุทธศักราชนั้น การลงบัญชีทหารกองเกินอาจทำได้ด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ หากไม่สามารถจะไปลงบัญชีทหารกองเกินด้วยตนเองได้ ต้องให้บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะและพอจะเชื่อถือได้ไปแจ้งแทน ถ้าไม่มีผู้แจ้งแทนให้ถือว่าผู้นั้นหลีกเลี่ยงขัดขืน (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 16)
(8) กำหนดให้แก้ไขชื่อหมวด 4 และ หมวด 5 เป็นดังนี้ หมวด 4 การเรียกคนเข้ากองประจำการในกรณีที่มีการเรียกระดมพล และ หมวด 5 การตรวจเลือกคนเข้ากองประจำการในกรณีที่มีการเรียกระดมพล
(9) กำหนดให้เพิ่มหมวด 5 ทวิ การคัดเลือกและบรรจุคนเป็นทหารกองประจำการ
(10) กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งเทียบได้ไม่ต่ำกว่าผู้บัญชาการกองพล เป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการการคัดเลือกและคณะกรรมการชั้นสูง และคณะกรรมการคัดเลือกมีหน้าที่กำหนดวิธีการการทดสอบ การทดสอบต้องประกอบด้วยการทดสอบทางร่างกายและวิชาการ ตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง (เพิ่มมาตรา 37 ทวิ)
(11) กำหนดให้ผู้ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในท้องที่แต่ละจังหวัด เพื่อทำการคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการทหารกองประจำการ (เพิ่มมาตรา 37 ตรี)
(12) กำหนดให้ผู้ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแต่งตั้งคณะกรรมการชั้นสูงที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดขึ้นในท้องที่แต่ละจังหวัด โดยคณะกรรมการชั้นสูงมีอำนาจพิจารณาตัดสินกรณีที่มีคำร้องตามมาตรา 37 ฉ หรือกรณีที่มีข้อขัดแย้งระหว่างกรรมการคัดเลือกซึ่งทำคำชี้แจงเสนอขึ้นมา ให้คำตัดสินของคณะกรรมการชั้นสูงให้เป็นที่สุด(เพิ่มมาตรา 37 จัตวา)
(13) กำหนดหน้าที่ให้นายอำเภอท้องที่ที่มีการตรวจเลือกปฏิบัติการในการทำหน้าที่คัดเลือกทหาร (เพิ่มมาตรา 37 เบญจ)
(14) กำหนดให้ผู้ที่สมัครคัดเลือกเข้ากองประจำการหากเห็นว่า คณะกรรมการคัดเลือกตัดสินไม่ถูกหรือไม่ยุติธรรม ก็ให้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการชั้นสูงในท้องที่ได้ ในกรณียังเห็นว่าคำตัดสินของคณะกรรมการชั้นสูงไม่ถูกหรือไม่ยุติธรรมให้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการชั้นสูงที่ได้รับการแต่งตั้งตามมาตรา 37 ทวิ วรรคหนึ่ง (เพิ่มมาตรา 37 ฉ)
(15) กำหนดให้บรรดาทหารกองประจำการที่รับราชการอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับให้รับราชการต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดปลดประจำการตามพระราชบัญญัตินี้ (เพิ่มมาตรา 50 ทวิ)
(16) บรรดาทหารกองเกิน ทหารกองหนุน ประเภทต่าง ๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับยังคงให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (เพิ่มมาตรา 50 ตรี)
(17) กำหนดให้บุคคลใดกระทำความผิดก่อนวันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าไม่เคยกระทำความผิดถ้าถูกควบคุมตัวอยู่ระหว่างสอบสวนหรือถูกจำคุกให้ปล่อยตัวผู้นั้นไป (เพิ่มมาตรา 50 จัตวา) เป็นเพียงร่างเท่านั้น
ยังต้องรับฟังเสียงประชาชนต่อไปครับ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:'บิ๊กตู่'สั่งเหล่าทัพเปิดรับแนวคิด'เลิกเกณฑ์ทหาร' ปรับเกิดความเหมาะสม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี