‘อนุทิน’เดือด
ซัดกระจอกขู่2กมธ.ต้าน3สารพิษ
ท้าดีเบตอย่าหน้าตัวเมีย
‘มนัญญา’สุ่มเช็คสต๊อก
เสี่ยหนูฉุนด่ากราดไอ้โม่งขู่ 2 นักวิชาการต้าน 3 สารพิษซัดพวกกระจอก-หน้าตัวเมีย กวักมือเรียกมาคุยกันต่อหน้า ท้าแน่จริงไปขู่พี่ชาย รมช.เกษตรฯดีกว่า หรือถ้ามาขู่ตัวเองจะตบให้ ลั่นจุดยืนภท.ทั้งพรรคชัด ต้องเลิกใช้สถานเดียวพร้อมฝากถึงกก.วัตถุอันตรายโหวตแมนๆแบบเปิดเผย ด้าน’มนัญญา’ลุยเช็คสต๊อกสารเคมี 2 บ.เอกชน ชี้พิรุธอื้อ ย้ำพร้อมส่งความเห็นเลิก3สารพิษ ประกาศต้องทำให้สำเร็จภายในสิ้นปี62
ปัญหาการพิจารณายกเลิกสารเคมีอันตราย 3 ชนิดพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ส่อเค้าสร้างความขัดแย้งรุนแรง หลังนักวิชาการซึ่งเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีมติให้ยกเลิกสารเคมีดังกล่าว 2 คนถูกขู่ฆ่า
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ประเด็นนี้อย่างมีอารมณ์ว่า เรื่องจะไม่บานปลาย เพราะเรามั่นใจว่าทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์บ้านเมือง สวัสดิภาพที่ดีของประชาชน คุณงามความดีจะมาป้องกันตัวเอง ไม่มีใครทำอะไรได้
“คนที่ไปขู่ถือว่าเป็นหน้าตัวเมีย กระจอก แน่จริงมานี่ มาคุยตรงนี้ เปิดเผย อย่าหลบ ไปขู่นักวิชาการจะได้อะไรขึ้นมา มาขู่มนัญญา (น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์) มาขู่ผมนี่”นายอนุทิน กล่าว และว่า ส่วนที่มีเสียงเรียกร้องรัฐบาลให้ความคุ้มครองคนที่ถูกข่มขู่นั้น ต้องประสานงานกับตำรวจ แต่ขอให้มั่นใจว่าถ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีทางที่ใครจะทำอะไรได้ และพวกที่คิดจะทำอันตรายคนเหล่านี้ คิดว่าทำกับนักวิชาการแล้วปัญหาจะจบหรือ คงได้แต่ขู่ คนกระจอกเขาทำแบบนี้ ตนยืนยันว่า จะยังเดินหน้าคัดค้านสารพิษอันตรายทางการเกษตรต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลออกมาพูดคัดค้านสารพิษอันตราย แต่การกระทำยังไม่ชัดเจน นายอนุทินถามสวนกลับว่า ท่าทีน.ส.มนัญญาไม่ชัดหรือสธ.ไม่ชัดหรืออย่างไร ต้องไปบอกหน่วยงานรับผิดชอบที่เหลือ เพราะสธ.กับกระทรวงเกษตรฯแสดงจุดยืนชัดเจนแล้ว ฝั่งของตนชัดแล้ว 51 เสียงของพรรคภูมิใจไทย คณะกรรมการวัตถุอันตรายในสัดส่วนกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแลชัดเจนว่าไม่เอาสารพิษทางการเกษตร ที่เหลือต้องไปจัดการกรรมการในสังกัดของตัวเองให้เรียบร้อย
นายอนุทินกล่าวย้ำอีกว่า ถามนายสุริยะก็บอกไม่เอา และเห็นรมว.เกษตรฯก็บอกว่าไม่ไหวเช่นกัน เมื่อฝ่ายนโยบายเป็นอย่างนี้ ฝ่ายปฏิบัติ 29 คนในคณะกรรมการวัตถุอันตรายจะสวนนโยบาย นายกฯก็ต้องมาแก้ไข ตนเชื่อมั่นว่านายกฯจะยืนข้างประชาชนและเกษตรกร วันนี้สังคมออกมาขนาดนี้ ไม่ต้องมาบอกเรื่องอย่างอื่น จะมาบอกมีเงินมีทอง ลดต้นทุน ได้เงินได้กำไรมาแต่ไม่ได้ใช้เงินมีประโยชน์อะไร ต้องเจ็บป่วย ต้องตาย ใครจะแลกก็แลก ตนไม่แลกด้วย
“ตอนนี้น.ส.มนัญญา หาสารทดแทนได้แล้ว ซึ่งหากไม่เป็นอันตรายแต่ราคาสูงก็ต้องหาวิธีการชดเชย เพราะเงินที่ให้ประชาชนไม่ได้ไปไหน แต่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น พวกที่ไปขู่ทำไมไม่ออกมาบอกว่าสารพิษดีอย่างไร มานั่งดีเบตกัน ถ้าบอกว่าดีเพราะต้นทุน แต่คนตายไม่เป็นไรก็ออกมาพูด ของพวกนี้ไม่รู้จะแกล้งเซ่อไปถึงไหน และหากคณะกรรมการฯจะประชุม ขอให้โหวตแบบเปิดเผย อย่าโหวตลับ แมนๆ หน่อย จะได้รู้กันไปเลยว่าใครรักประชาชน ใครเกลียดประชาชน”นายอนุทินกล่าว
และว่า คิดว่าน.ส.มนัญญารายงานพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเรื่องสารทดแทนไปแล้ว และแอ็กชั่นของน.ส.มนัญญา คงชัดเจน ที่บอกว่าหากให้ยุติเรื่องนี้ก็ปลดเขาไป ซึ่งดีกว่าส่งเอกสารไป และคนที่จะปลดมนัญญาคนแรกคือตน ซึ่งตนไม่ปลดอยู่แล้ว ทำดีให้ประชาชน ต้องสนับสนุนให้ได้ดียิ่งขึ้น และที่ขู่กัน แน่จริงให้ไปขู่พี่ชายน.ส.มนัญญา (นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย
ถามอีกว่า รู้ตัวคนที่ข่มขู่2 นักวิชาการแล้วหรือยัง นายอนุทินกล่าวว่า “ผมไม่รู้ มันไม่ได้มาขู่ผม ถ้ามาขู่เดี๋ยวจะตบให้”
ด้านน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมลงพื้นที่สุ่มตรวจบริษัทผู้ผลิต นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารเคมีกำจัดศัตรูพืชพาราควอต ไกลโฟเซต 2 แห่ง ซึ่งเป็นบริษัทเครือเดียวกัน โดยจุดแรกตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ จากนั้นไปบริษัทเดียวกันอีกแห่งในเขตบางพลัด กทม. จากการตรวจสอบใบอนุญาตทั้ง 3 สารเบื้องต้น ซึ่งบริษัทให้ความร่วมมือดี จากข้อมูลของบริษัทในนิคมอุตสาหกรรม ระบุว่าปี 2561 มีการนำเข้าพาราควอต 580,000 กก. ส่วนปี 2562 ไม่มีตัวเลขแจ้งการนำเข้า แต่มีสตอกสารพาราควอต 300,000 กก. โดยผู้จัดการอ้างว่ารับซื้อมาจากบริษัทอื่นภายในประเทศ ขณะที่ปี 2562 นำเข้าไกลโฟเซต 500,000 กิโลกรัม เหลือสตอก 270,000 กิโลกรัม
รมช.เกษตรฯเผยต่อว่า ส่วนบริษัทที่ 2 เป็นบริษัทในเครือไม่มีสตอกสารเคมีคงค้าง สอบถามผอ.ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัทดังกล่าวแจ้งว่าแม้อยู่เครือเดียวกันกับบริษัทแรก แต่จดทะเบียนเป็นผู้จำหน่ายสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ภายใต้ตราสินค้าเดียวกันเท่านั้น มีการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน ไม่มีสต๊อก แต่นำสารเคมีเกษตรจากบริษัทแรกส่งออก โดยส่งออกเหมือนนำเข้าคือไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งน่าสังเกตว่า การดำเนินการลักษณ์ดังกล่าวต้องนำไปตรวจสอบว่า ทั้งบริษัทและหน่วยงานที่อนุญาตคือ กรมวิชาการเกษตรดำเนินการตามระเบียบ ตามกฎหมายหรือไม่ อีกทั้ง ยังเห็นว่าการส่งออกเป็นรายได้ของบริษัทผู้ค้าสารเคมี แต่ไม่ได้เสียภาษี คงต้องทบทวน และเสนอจัดเก็บภาษีการส่งออกสารเคมี นำมาเป็นกองทุนส่งเสริมเกษตรกร ลดใช้สารเคมี ทำเกษตรอินทรีย์ แต่อาจยังไม่ครอบคลุมเนวทางเก็บภาษีนำเข้าสารเคมีเกษตร เพราะจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบคอบด้านผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเกษตรกรด้วย
น.ส.มนัญญายังยืนยันว่า ในฐานะมีหน้าที่กำกับดูแลหน่วยงานที่รับผิดชอบ ต้องเดินหน้ายกเลิกสารเคมีอันตรายทั้ง 3 ชนิดให้ได้ภายในสิ้นปี 2562 ตามที่ประกาศไว้ โดยรวบรวมข้อมูลทุกด้านเสนอกรรมการ 4 ฝ่าย เพื่อหาแนวทางยกเลิกการใช้สารเคมีดังกล่าวต่อไป ซึ่งวันที่ 7 ตุลาคม น.ส.เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร จะส่งผลสรุปความเห็นเกี่ยวกับสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิดว่า สมควรกำหนดเป็นวัตถุอันตรายบัญชีที่ 4 คือ ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก และจำหน่ายหรือไม่ หากกรมวิชาการเกษตรสรุปมาจะเร่งส่งความคิดเห็นดังกล่าวต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย แม้ตามกฎหมายคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีอำนาจหน้าที่กำกับควบคุมการใช้สารเคมีอันตรายจะลงมติยกเลิก ต่อเมื่อมีสารหรือวิธีทดแทนสารเคมีดังกล่าว
“สารทดแทนที่ไม่เป็นอันตรายนั้น ไม่มี สารเคมีทุกชนิดมีพิษทั้งสิ้น ดังนั้น การชะลอยกเลิกออกไป โดยกำหนดมาตรการจำกัดการใช้ จึงยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพประชาชน ควรลืมคำพูดนี้ไปได้แล้ว และร่วมหาแนวทางยกเลิกใช้สารเคมีอย่างเด็ดขาด รัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ มีแนวทางสนับสนุนทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งไม่ต้องใช้สารเคมีใดๆทั้งสิ้น”รมช.เกษตรกล่าว
และย้ำด้วยว่า การประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายครั้งต่อไป จะสนับสนุนให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของผู้แทนกระทรวงเกษตรฯแสดงจุดยืนยกเลิกใช้ 3 สารอันตราย และส่วนตัวในฐานะตัวแทนกระทรวงเกษตรฯไปประชุมกับคณะกรรมาธิการเกษตร สภาผู้แทนราษฎร ด้ยืนยันกับกรรมาธิการไปแล้วว่า เห็นสมควรให้ยกเลิกใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดอย่างเด็ดขาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี