‘วิษณุ’ชี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
หวดฝ่ายค้าน
ระวังปากจ้อแก้รธน.มาตรา1
เพื่อไทยซัดรัฐบาลวางแผน
หวังสืบทอดอำนาจยาว20ปี
จุรินทร์ลุยหาเสียงนครปฐม
ยอมรับลูกทีมเป็นรองอนค.
“วิษณุ เครืองาม”ออกโรงเตือนพรรคฝ่ายค้านระมัดระวังให้ความเห็นแก้มาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญเหตุละเอียดอ่อน แนะถนอมปากถนอมคำกันไว้บ้าง ในขณะที่ฝ่ายค้านเรียงหน้าโต้เชื่อรัฐวางแผนสร้างกระแส หวังสืบทอดอำนาจยาว 20 ปี ส่งต่ออำนาจผ่าน กอ.รมน.ด้าน “อู๊ดด้า” ลงหาเสียงช่วยลูกพรรคที่นครปฐม ยอมรับเป็นรองฝ่ายตรงข้าม
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ถึงกรณี กอ.รมน.ภาค 4แจ้งความจับ 7 แกนนำพรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการรวม 12 คน ที่จัดเสวนาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใน จ.ปัตตานี ว่ากระทำผิด มาตรา 116 ซึ่งมีเนื้อหายุยง ปลุกปั่นว่า มาตรา 116 ใช้เอาผิดได้ทุกสมัย ไม่ใช่เฉพาะยุคคณะรักษาความสงงบแห่งชาติ (คสช.)เท่านั้น ต้องดูที่ว่าการแจ้งความ จะฟังขึ้นหรือไม่ เพราะมีข้อหาในกฎหมายอยู่ สมัยไหน ก็แจ้งความได้ทุกมาตรา
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับมาตรา1ของรัฐธรรมนูญ จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ขอให้ความเห็น แต่ทุกคนอย่าไปทำให้มันมีเรื่อง จะออกความเห็นอะไรก็ตามถนอมปากถนอมคำกันไว้บ้าง เพราะมาตรานี้มันละเอียดอ่อนและทุกคนก็รู้ว่าการไปพูดเรื่องนี้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มันละเอียดอ่อน ส่วนที่ฝ่ายค้านจะแจ้งความกลับกับผู้ที่แจ้งความดำเนินคดีนี้นั้น ก็ทำได้ทั้งนั้น เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญยากขึ้นหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ
จุรินทร์ย้ำจุดยืนปชป.ต้องแก้รธน.
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนตั้งแต่แรกที่ไม่รับการทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับนี้และเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาล จึงผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งใน 12 นโยบายเร่งด่วนและยังเป็นผู้เสนอญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยสภาได้บรรจุในวาระและพร้อมพิจารณาทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภา ส่วนจะแก้ไขในประเด็นในต้องได้รับความเห็นชอบจากทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล และ ส.ว.จึงเป็นจุดยืนที่ชัดเจนของพรรคประชาธิปัตย์
ป้อง’บิ๊กตู่’อ้างเป็นนโยบายเร่งด่วน
สำหรับการที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเป็นธงนำในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ได้รับการปฏิเสธนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียด แต่ยืนยันว่าการที่นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาล ยอมบรรจุการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นนโยบายเร่งด่วน แสดงว่ามีจุดยืนที่ชัดเจน ส่วนกรณีที่7แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านและนักวิชาการ ถูก กอ.รมน.ภาค4 แจ้งความดำเนินคดีจากการเปิดเวทีเสวนาการแก้รัฐธรรมนูญใหม่นั้น นายจุรินทร ปฎิเสธไม่ขอแสดงความเห็นเรื่องนี้
หมอระวีเตือนปิยบุตรใช้อำนาจกมธ
นายแพทย์ ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่พลตรีบุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการ สำนักงาน กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับแกนนำพรรคฝ่ายค้าน และนักวิชาการ รวม 12 คน ว่าผิดมาตรา 116 และต่อมา นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ได้ให้สัมภาษณ์ ว่า จะใช้อำนาจในตำแหน่งเรียก พลตรี บุรินทร์ เข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการฯว่าตนไม่เห็นด้วยกับนายปิยบุตร ที่จะใช้อำนาจ กรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร แทรกแซงการดำเนินการตามกฎหมาย เพราะพลตรีบุรินทร์ ยื่นกล่าวโทษดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย ความยุติธรรม สิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด
“ปกติผมชื่นชมนายปิยบุตรว่า เป็น ส.ส.ที่มีคุณภาพและคุณค่าคนหนึ่งในสภาฯ แต่ในประเด็นนี้นายปิยบุตร ควรทบทวนให้ดีก่อน ถ้านายปิยบุตรจะดำเนินการต่อ ผมเชื่อว่ากรรมาธิการในชุดนี้หลายท่าน น่าจะไม่เห็นด้วย”นพ.ระวี ย้ำ
แนะยื่นฟ้องเฉพาะคนทำผิดชัด
นพ.ระวี กล่าวต่อว่าในส่วนของพลตรีบุรินทร์นั้นแม้ว่าตนจะไม่ได้ฟังคำพูดในเวทีวันนั้นแต่ที่ผ่านมาจุดยืนของ7พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้แถลงมาโดยตลอดว่าต้องการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ยกเว้นหมวด 1 และ2 ดังนั้น ตนจึงคิดว่าพลตรีบุรินทร์ควรจะพิจารณาฟ้องเฉพาะผู้ที่กระทำผิดจริงและผู้ที่ได้สนับสนุนคำพูดของ นางชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เสนอให้แก้ไขมาตรา 1ให้ราชอาณาจักรไทยสามารถแบ่งแยกได้ ส่วนคนที่ไม่ได้พูดประเด็นนี้ ก็ควรจะถอนฟ้องจะได้ไม่เป็นการใช้อำนาจทางกฎหมาย มาสกัดการแก้รัฐธรรมนูญของฝ่ายค้าน หากพลตรีบุรินทร์ยืนยันว่าจะฟ้องหว่านแหทั้ง12คนโดยไม่มีหลักฐานที่เพียงพอก็จะถูกพรรคร่วมฝ่ายค้านฟ้องกลับตามกระบวนการกฎหมายได้เช่นกัน
ค้านแนวคิดแบ่งแยกแผ่นดินไทย
นพ.ระวียังกล่าวอีกว่าสำหรับนางชลิตา ก็ถือว่ามีอิสระในการเสนอความคิดเห็นในฐานะนักวิชาการ แต่ถ้าเป็นการเสนอความคิดเห็นที่ผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกดำเนินคดี ตนไม่เห็นด้วยที่จะมีการแบ่งแยกราชอาณาจักรไทยที่บรรพบุรุษได้เสียสละชีวิต เลือดเนื้อต่อสู้รักษาความเป็นชาติไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ที่มหาอำนาจในอดีต ได้ใช้ความป่าเถื่อนมาแบ่งแยกดินแดนสยามไปอย่างมากมาย สร้างความเจ็บช้ำใจให้กับคนไทย ตนไม่ทราบว่านางชลิตา ลืมเหตุการณ์เหล่านี้ในประวัติศาสตร์ไปหรือไม่ จึงมาเสนอความคิดเห็นแบบนี้
ในส่วนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ ทำได้หลายแนวทาง แต่ตนไม่เห็นด้วย และไม่ยินยอม ที่จะแก้ปัญหาโดยการแบ่งแยก 4จังหวัดภาคใต้ ออกจากราชอาณาจักรไทยโดยเด็ดขาด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อถึงประเด็นที่หลายพรรคการเมืองเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นพ.ระวี กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางประเด็นที่ไม่เหมาะสม และตนเป็นคนหนึ่งที่ลงมติสนับสนุนให้มีการเลื่อนญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาฯ ที่จะมีการอภิปรายเมื่อเปิดประชุมสภาฯในสมัยที่ 2 ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
ชลน่าอัดรัฐวางแผนสืบทอดอำนาจ
ในขณะที่ซีกฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ กอ.รมน.แจ้งความดำเนินคดีมาตรา 116 กับบรรดาหัวหน้าพรรคและนักวิชาการที่ไปรณรงค์ในการร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จังหวัดปัตตานีว่าถือเป็นความพยามยามในการรักษาอำนาจของคณะผู้ก่อการยึดอำนาจเพราะเป็นที่ยอมรับว่าผู้มีอำนาจมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าในการที่จะสืบทอดอำนาจและส่งต่ออำนาจผ่านทางรัฐธรรมนูญ แม้อำนาจของ คสช.จะหมดไปตามรัฐธรรมนูญ แต่คณะผู้มีอำนาจมีการเตรียมการไว้ โดยส่งต่ออำนาจ คสช.ไปที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน.พร้อมกับมีการเพิ่มอำนาจและงบประมาณให้กับ กอ.รมน.เพื่อดำเนินการได้อย่างเต็มที่
ซัดเป็นการกระทำที่เลวร้ายมาก
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ข้อหาดังกล่าว ทางผู้มีอำนาจ มีไว้เพื่อกำจัดนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม และนักวิชาการฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล รวมทั้งนักการเมืองหลายคน เคยโดนฝ่ายความมั่นคง แจ้งข้อกล่าวหานี้เมื่อครั้งที่ที่มีการแจกขันแดงให้ชาวบ้านไว้เล่นน้ำช่วงสงกรานต์ จากพฤติกรรมของฝ่ายรัฐบาล ที่พยายามสร้างความสับสนแก่ประชาชนและการปฏิบัติการทางการข่าวเพื่อสร้างกระแสในสังคมว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะแก้รัฐธรรมนูญใน มาตร1และมาตรา 2 การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่เลวร้ายมาก
ลั่นพรรคฝ่ายค้านไม่แตะแก้ ม.1-2
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยืนยันมาตลอดว่าการรณรงค์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีความชัดเจนมาตลอดว่าไม่แก้ใน มาตรา 1 และมาตรา 2 ซึ่งเป็นข้อห้ามในรัฐธรรมนูญ ดังนั้นแก้ไม่ได้อยู่แล้ว การพยายามสร้างกระแสให้เกิดความปั่นป่วนในสังคม ถือว่าปฏิบัติการด้านการข่าวที่รัฐพยายามสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติอย่างแท้จริง
“อยากให้มีหน่วยงานไหนแจ้งความเอาผิดรัฐในการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนเป็นที่ทราบกันว่ารัฐบาลพยายามที่จะไม่ให้มีการเคลื่อนไหวในการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะรัฐบาลจะเสียประโยชน์ทั้งนี้ เพราะหากแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จแผนยึดอำนาจประเทศไทย 20 ปี จะเสียของดังนั้นคณะผู้ยึดอำนาจจึงยอมไม่ได้”นพ.ชลน่าน กล่าว
ชูศักดิ์ชี้รัฐปลุกปั่นแตกแยกในชาติ
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามสร้างกระแสโจมตี การรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญว่าเป็นความพยายามของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล มีเจตนาที่ไม่สุจริต รวมทั้งต้องการสร้างความสับสนในสังคม และปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ ทั้งนี้ ฝ่ายค้านชัดเจนมาตลอดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่แตะในหมวดดังกล่าว
“การกระทำเช่นนี้ของรัฐบาลเป็นการเล่นเกมทางการเมือง ที่หวังโจมตีพรรคร่วมฝ่ายค้านเท่านั้น อยากให้ไปดูในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่พรรคร่วมฝ่ายค้านนำเสนอไปต่อรัฐบาลและเปิดเผยต่อสาธารณะและประชาชน บนเวทีรณรงค์ที่จัดขึ้นมาทั้ง 4 ภาค ของประเทศไทยมีความชัดเจนมาตลอดว่าไม่มีความต้องการที่จะแก้”นายชูศักดิ์ กล่าว
ซัดรบ.หลอกลวงพรรคร่วมฯ-ปชช.
นายชูศักดิ์ กล่าวย้ำว่าเป็นความพยายามที่จะไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพราะรัฐบาลได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญตั้งแต่เลือกตั้งจนถึงการได้มาซึ่งความเป็นรัฐบาลและหวังต่อท่ออำนาจในอนาคต จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างกระแสให้ประชาชนเชื่อให้ได้ว่าฝ่ายค้านจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ดังนั้นฝ่ายค้านจึงจำเป็นที่จะต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่ออธิบายกับประชาชนให้ทราบเจตนาที่แท้จริงของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
อีกทั้ง การที่รัฐบาลโกหกประชาชนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นวาระเร่งด่วนจะเกิดขึ้นภายใน 1 ปีนั้นเป็นเพียงการทำตามเงื่อนไขของพรรคการเมืองที่ จะเข้ามาร่วมรัฐบาลเท่านั้นล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ปฏิเสธในการแก้รัฐธรรมนูญ จึงเป็นคำตอบว่ารัฐบาลหลอกพรรคร่วมรัฐบาลและไม่ต้องการให้มีรณรงค์ในเรื่องดังกล่าว ที่เขียนไว้ในนโยบายรัฐบาลเป็นการเขียนไว้เพื่อหลอกพรรคร่วมรัฐบาล และหลอกลวงประชาชนเท่านั้นเอง
‘จุรินทร์’ยอมรับปชป.เป็นรองอนค.
วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)พร้อมแกนนำพรรคอาทิ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์และนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ปล่อยขบวนคาราวาน“คนประชาธิปัตย์พบชาวสามพราน”ช่วยนายสุรชัย อนุตธโต ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม เขต5 นครปฐม พรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงและพบปะประชาชน ที่ตลาดน้ำดอนหวาย
โดยนายจุรินทร์ยอมรับว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรอง พรรคอนาคตใหม่ ส่วนหนึ่ง เป็นเพราะพรรคร่วมรัฐบาลส่งผู้สมัครแข่งขันกันเอง แต่มั่นใจในตัวผู้สมัครที่ทำงานในพื้นที่มานานและพรรคประชาธิปัตย์ มี ส.ส.จ.นครปฐมรวมถึงมีผลงานของพรรคที่ทำงานเพียง77วัน แต่สามารถผลโครงการ ประกันรายได้เกษตรกรทั้งปาล์มน้ำมันและยางพารา ทำได้จริง ทำไว เป็นประชาธิปัตย์ยุคใหม่ที่ทันสมัย เชื่อว่าประชาชนจะให้โอกาส
ชี้หน้าถาม ปลัดทส.ลงช่วยหาเสียงได้?
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างขบวนหาเสียงของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำแกนนำพรรคลงช่วย นายสุรชัย อนุตธโต ผู้สมัคร สส.เลือกตั้งซ่อมเขต 5 นครปฐมลงพื้นที่หาเสียงภายในตลาดน้ำดอนหวาย ปรากฏได้เจอกับ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ นโยบายพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)ซึ่งได้มารณรงค์เรื่องการลดใช้ถุงพลาสติก ของกรมควบคุมมลพิษ ที่ตลาดน้ำดอนหวาย ขณะขบวนสวนกันนายจุรินทร์ได้ชี้หน้า นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯว่าเป็นข้าราชการ กล้านำข้าราชการทั้งกระทรวงมาหาเสียงหรือ กระทรวง ตนเองไม่มีใครกล้ามาสักคนและไม่ให้มาด้วย ทำให้นายจตุพรมีสีหน้าไม่สู้ดี ได้พูดทิ้งท้ายว่า ไม่ได้มาหาเสียง แต่มางานรณรงค์งานของกรมควบคุมมลพิษ
บิ๊กท๊อปไม่ติดใจจุรินทร์ท้วงติงปลัดทส.
ในประเด็นดังกล่าว ทางนายวราวุธ กล่าวว่า ไม่ได้ติดใจ ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคลที่จะคิด แต่วันนี้ตนมาทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมไม่ได้พูดถึงการหาเสียงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ช่วงเย็น ตนจะไปช่วยรณรงค์หาเสียงให้ผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนาที่ตลาดธัญญา อ้อมใหญ่ จ.นครปฐม
กกต.แจงเหตุกำหนดเลือกซ่อม23ตค.
ด้านนายเมธา ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการ กกต. กล่าวชี้แจงว่าเหตุที่ กกต. ต้องกำหนดวันเลือกตั้งซ่อม จ.นครปฐม เป็นวันที่ 23 ตุลาคม เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้กกต. ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่ง ส.ส. ว่างลง ซึ่งในวันหยุดราชการ สามารถจัดการเลือกตั้งได้ 2 วัน คือวันที่ 20 ตุลาคม และวันพุธที่ 23 ตุลาคมซึ่งเป็นวันหยุดราชการ เนื่องในวันปิยมหาราช แต่ปรากฏ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเลือกตั้งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 28 กันยายน ทำให้ไม่สามารถจัดวันที่ 20 ตุลาคม เนื่องจากหากกำหนดในวันดังกล่าว การปิดประกาศบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะไม่ครบกำหนด 25วันซึ่งขัดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ข้อจำกัดดังกล่าว ทำให้ กกต. ต้องเลือกจัดการเลือกตั้งเป็นวันที่ 23ตุลาคม
ย้ำไม่ใช้สิทธิ์ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 2ปี
รองเลขาธิการ กกต.กล่าวว่าทั้งนี้ในเขตเลือกตั้งที่ 5 ครอบคลุมทั้งอำเภอสามพราน (ยกเว้น 3 ตำบล ได้แก่ตำบลตลาดจินดา ตำบลคลองจินดาและตำบลบางช้างโดยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมนั้น มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตประมาณ5,000คนและมีผู้มาใช้สิทธิในการเลือกตั้งทั้งหมด76 เปอร์เซ็นต์
“ขอย้ำว่าการเลือกตั้งในวันที่ 23 ตุลาคม ไม่มีการเลือกตั้งนอกเขตและเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ดังนั้น ผู้มีสิทธิจึงต้องใช้สิทธิลงคะแนนเพื่อไม่ให้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 2 ปี แม้จะเคยไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม แต่ถ้าไม่มาใช้สิทธิในวันที่23 ตุลาคม ก็ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ถ้าไม่มาใช้สิทธิทั้ง 2 วันดังกล่าวก็ต้องโดนตัดสิทธิถึง 4 ปี” นายเมธา กล่าว
สามพรานชูเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์
ที่ว่าการอำเภอสามพราน จ.นครปฐม สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดกิจกรรม การเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขตเลือกตั้งที่ 5 แทนตำแหน่งที่ว่าง โดย มีผู้สมัครจาก 4 พรรคการเมืองเข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย นายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ สามีของ นางจุมพิตา จันทรขจร อดีตส.ส.ที่ลาออกเนื่องจากประสบอุบัติเหตุ น.ส.สิริขวัญ แย้มมูล พรรคพลังสังคม น.ส.ปริมปรางค์ แสงสว่าง พรรคไทยศรีวิไลย์ และนายเพชร จันทร์ดา พรรคเพื่อชีวิตใหม่ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเสรีรวมไทย ส่งตัวแทนมาเข้าร่วมกิจกรรม
โดย นายยงยุทธ สวนทอง นายอำเภอสามพราน กล่าวว่า อำเภอสามพราน จ.นครปฐม เป็นเขตแรกที่จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แทนตำแหน่งที่ว่าง ทำให้ตกเป็นที่จับตาของคนทั้งประเทศ ทั้งนี้ หลังปิดการรับสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 5 มีผู้สมัครทั้งสิ้น 7 คน จาก 7 พรรคการเมือง จึงขอให้ผู้สมัครทุกคนหาเสียงภายในกรอบ และข้อกำหนดของกฎหมายเพื่อไม่ให้ถูกร้องเรียน ขณะนี้เหลือเวลาหาเสียงอีกเพียงไม่กี่วัน ดังนั้นขอให้ใช้กฎหมายเป็นเกราะป้องกันตัวและขอให้ผู้สมัครจากทุกพรรคการเมืองร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ มุ่งลดความแตกแยกในสังคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี