เมื่อวันที่11 ตุลาคม 2562 ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์สาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่งบทกลอน “ขวาไทยเปลี๊ยนไป๋ จาก 2519 ถึง 2562” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เนื้อหาระบุว่า ในอดีตฝ่ายขวาหรือฝ่ายอนุรักษ์นิยมของไทยนั้นเคยมองจีนแผ่นดินใหญ่เป็นศัตรู แต่ในปัจจุบันกลับพยายามเอาใจจีนอย่างออกนอกหน้า โดยคาดว่าอ้างถึงการแสดงท่าทีตำหนิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ที่แสดงจุดยืนสนับสนุนผู้ชุมนุมชาวฮ่องกง ดังนี้
“ขวาไทยเคยหาญกล้าท้าจีนแดง
เรียกอบรมเปลี่ยนแปลงแนวทางเสีย
มายุคนี้ขวาไทยหัวใจเพลีย
ร้องเชลียร์ยำใหญ่ไทยด้วยกัน
สันหลังขวาเคยตรงและองอาจ
เผชิญหน้ามหาอำนาจไม่หวาดหวั่น
มาบัดนี้ยักแย่แลยักยัน
เอาใจตั่วเฮียพลันสันหลังงอ”
นอกจากนี้ ศ.ดร.เกษียร ยังเขียนบทความ “Trust & Fear in Hong Kong” วิเคราะห์สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างผู้ชุมนุมชาวฮ่องกงกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ไว้ด้วย ดังนี้
“ในฐานะนักรัฐศาสตร์ที่สนใจติดตามข่าวการประท้วงในฮ่องกง ผมมองต่างมุมจากทางการจีนไปบ้างในเรื่องวิธีระงับยับยั้งความรุนแรงจากผู้ประท้วงซึ่งมีแนวโน้มลุกลามร้ายแรงยิ่งขึ้น ผมมองว่าปัญหาพื้นฐานที่สุดของความขัดแย้งรุนแรงระหว่างผู้ประท้วงกับรัฐบาลฮ่องกง (ปักกิ่ง) คือการขาดความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน ฝ่ายรัฐบาลฮ่องกง(ปักกิ่ง)มีส่วนสำคัญในการริเริ่มลดทอนกร่อนเซาะความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนต่อตนลงด้วยการผลักดันแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่มีช่องโหว่ให้ผู้คนวิตกกังวลอย่างดื้อรั้น โดยมิฟังเสียงคัดค้านทัดทานของประชาชนชาวฮ่องกง”
“และเมื่อประชาชนชาวฮ่องกงออกมาเดินขบวนประท้วงต่อเนื่องร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นระลอกคลื่นไม่หยุดหย่อนนับเป็นล้าน ๆ คน รัฐบาลฮ่องกง(ปักกิ่ง) ก็เลือกตอบโต้ด้วยไม้แข็ง ใช้กำลังตำรวจเข้ากำราบปราบปราม ด้วยกระบอง แก๊สน้ำตา กระสุนยาง ฉีดน้ำสีใส่โดยแรง กระทั่งเริ่มใช้อาวุธปืน รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมตัวเป็นผู้ประท้วงแทรกซึมเข้าไปเล็งเป้าจับกุมเล่นงานผู้ประท้วงด้วย”
“ข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงที่ให้ตั้งกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุโดยมิชอบของตำรวจไม่ได้รับการสนองตอบจากรัฐบาลฮ่องกง(ปักกิ่ง)ตรงกันข้าม รัฐบาลฮ่องกง(ปักกิ่ง)กลับออกมาตรการไม้แข็งบีบคั้นซ้ำเติมเข้าไป ใช้อำนาจภาวะฉุกเฉินออกคำสั่งห้ามผู้ประท้วงใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าในที่ชุมนุม อ้างว่าเพื่อป้องกันเหตุรุนแรง ข่มขู่ให้ผู้ประท้วงกลัวผิดกฎหมาย กลัวการลงโทษ เพื่อแก้ไขหยุดยั้งความรุนแรง”
“แต่ลองคิดตรองดูสิครับ ว่าผู้ประท้วงใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าไปยังที่ชุมนุมด้วยเหตุใด? ก็เพราะพวกเขาไม่ไว้เนื้อเชื่อใจรัฐบาลฮ่องกง(ปักกิ่ง) พวกเขาเกรงว่าการใช้สิทธิเสรีภาพในการประท้วงของตนจะถูกเล่นงานรังควานเอาคืนจากทางการตามหลัง ดังนั้นจึงใส่หน้ากากปกปิดเอกลักษณ์ของตนเองไว้ รวมทั้งยังเพื่อป้องกันแก๊สน้ำตาที่ตำรวจระดมยิงใส่ด้วย การออกคำสั่งภาวะฉุกเฉินห้ามผู้ประท้วงใส่หน้ากาก ไม่ทำให้ผู้ประท้วงกลับมาไว้เนื้อเชื่อใจรัฐบาลฮ่องกง(ปักกิ่ง) แม้แต่น้อย มีแต่เพิ่มความระแวงสงสัย หวาดกลัวและต่อต้านมาตรการอำนาจนิยมแบบนี้ยิ่งขึ้น”
“ลองคิดดูสิครับว่า รัฐบาลห้ามผู้ประท้วงใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าของตน แต่กลับส่งตำรวจปลอมตัวแอบแฝงเข้าไปในหมู่ผู้ประท้วง...แล้วจะหาความไว้เนื้อเชื่อใจต่อรัฐบาลจากผู้ประท้วงได้ที่ไหนอย่างไรกัน? และผลลัพธ์ก็คือการประท้วงยิ่งรุนแรงลุกลามออกไป และผู้ประท้วงทั้งหลายก็ไม่ยอมทำตามคำสั่งห้ามใส่หน้ากากนั้น ทำให้คำสั่งดังกล่าวเป็นหมันในทางปฏิบัติอยู่ดี”
“ถ้ารัฐบาลฮ่องกง (ปักกิ่ง) อยากให้ผู้ประท้วงถอดหน้ากาก เปิดหน้ามาเจรจากัน ก็ต้องทำให้เขาไว้เนื้อเชื่อใจรัฐบาล ด้วยการสนองตอบขานรับข้อเรียกร้องต่าง ๆ ของเขา ระงับยับยั้งมาตรการปราบปรามรุนแรงของตำรวจ และตั้งกรรมการอิสระสอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุโดยมิชอบของตำรวจและผลักดันการปฏิรูปประชาธิปไตยในฮ่องกงให้เดินหน้าไป ไม่ใช่ด้วยการออกคำสั่งประกาศใช้อำนาจเข้าหักหาญ ขู่ให้ผู้ประท้วงกลัว หวังว่าพวกเขาจะสยบยอม ผลลัพธ์ออกมาเป็นดังที่รัฐบาลฮ่องกง (ปักกิ่ง) คาดหวังหรือไม่อย่างไร? ก็อย่างที่เห็นๆ อยู่นี่แหละครับ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี