ชง ครม. “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 2 เน้นเพิ่มการใช้จ่ายผ่านแอพฯ “เป๋าตัง” ดึงคนไทยเที่ยวจังหวัดเล็กๆ การันตีลงทะเบียนรอบใหม่สะดวก รวดเร็ว ไม่เอื้อนายทุน
11 ตุลาคม 2562 ในรายการ Government Weekly จัดขึ้นทุกวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ผ่านทาง เพจ เฟสบุ๊ก “ไทยคู่ฟ้า” ในช่วง “ไทยคู่ฟ้า โฟกัส” โดยเชิญรัฐมนตรี หรือผู้บริหารระดับสูง มาร่วมพูดคุยในภารกิจสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มอบหมายให้ดำเนินการ สัปดาห์นี้ได้รับเกียรติจากนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ดำเนินรายการโดย นายอิทธิเดช สุพงษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มสื่อสารเชิงกลยุทธ์ สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างไร
นายลวรณ กล่าวว่า มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 กำลังอยู่ในช่วงการเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาในเร็วๆนี้ เบื้องต้นทางรัฐบาลให้โจทย์สำคัญ คือ
1.จะทำอย่างไรให้มีการใช้จ่ายผ่าน “เป๋าตัง” กระเป๋า 2 ด้วยการเติมเงินเข้าไปในแอปพลิเคชัน เพื่อใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกว่า 170,000 ร้านค้าทั่วประเทศได้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการบริโภคหรือการท่องเที่ยวในพื้นที่
2.จะทำอย่างไรให้จังหวัดขนาดเล็กได้รับประโยชน์จากโครงการเฟส 2 เท่าๆกับจังหวัดใหญ่ที่มีประชาชนไปท่องเที่ยวจำนวนมาก
“โครงการนี้เป็นหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลไม่ได้ต้องการให้ประชาชนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ต้องการดึงให้ประชาชนที่มีกำลังซื้อมีรายได้ออกมาท่องเที่ยว เพราะเมื่อมีการท่องเที่ยวย่อมเกิดการกระจายตัวของเม็ดเงินลงไปในพื้นที่ วันนี้เม็ดเงินราว 5 หมื่นล้านบาทกระจายไป 77 จังหวัดทั่วประเทศ ไม่ได้กระจุกตัวอยู่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง พิจารณาได้จากในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ประชาชนออกไปเที่ยวทำให้เศรษฐกิจคึกคัก” นายลวรณ กล่าว
นายลวรณ กล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น ยังมีมาตรการระยะปานกลาง ที่มุ่งเน้นการลงทุน ซึ่งกำลังทยอยออกมาเรื่อยๆ เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจไทยในทุกวิธีการ และ ตามงบประมาณที่มีอยู่ เพราะเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ดี แต่อาจไม่เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ แต่ยังเติบโตอยู่ แต่อาจไม่เต็มที่ ดังนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยใกล้จุดที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ให้มากที่สุด
นอกจากนี้ในเฟสที่ 2 มีการปรับปรุงระบบการลงทะเบียน และ การยืนยันตัวตนจะสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยการลงทะเบียนในรอบใหม่ จะลงทะเบียนในช่วงกลางวัน พร้อมกับปรับปรุงและแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในเฟสแรก อย่างไรก็ตามขอเรียนว่าระบบการยืนยันตัวตนที่รัฐบาลดำเนินการอยู่เป็นระบบการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์แม้จะเกิดความยุ่งยากแก่ประชาชนบ้างก็ตาม
นายลวรณ กล่าวมาตรการชิม ช้อป ใช้ เฟสแรก ประสบความสำเร็จอย่างมาก พิจารณาได้จากประชาชนลงทะเบียน 10 ล้านคนเต็มอย่างรวดเร็ว ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวนตัวทะลุเกินที่ตั้งไว้ จากเดิมคาดว่าจะมีร้านค้าชุมชน 4 หมื่นร้านค้าเข้าร่วม เพิ่มเป็น 9 หมื่นร้านค้า จึงทำให้ยอดรวมร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ 1.7 แสนร้านค้าทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าขนาดเล็กในชุมชน สำหรับยอดการใช้จ่าย 15 วันที่ผ่านมา ตัวเลขการใช้จ่าย 5.6 พันล้านบาท เม็ดเงินกระจาย 77 จังหวัดทั่วประเทศ
ทั้งนี้กระทรวงการคลังยืนยันได้ว่าโครงการดังกล่าวไม่ได้เอื้อประโยชน์แก่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เพราะข้อมูลยอดการใช้จ่าย 5.6 พันล้านบาท สัดส่วนรายได้ของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ลดลงเรื่อยๆ จากวันแรกๆ สัดส่วนรายได้จากการใช้จ่ายของประชาชน 22% จนวันนี้ล่าสุดเหลือ 18% เท่านั้น จึงไม่ต้องกังวลว่านโยบายรัฐบาลจะเอื้อ หรือ เงินไหลไปอยู่ในมือของนายทุนรายใหญ่ เพราะเม็ดเงินส่วนใหญ่ลงสู่เศรษฐกิจฐานราก
อีกผลสำเร็จ คือ ทั้งประชาชนผู้ใช้จ่าย และ ร้านค้าต่างปรับตัวด้านการใช้เทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้น ด้านนวัตกรรมการเงินดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แม้ช่วงแรกๆจะลองผิดลองถูก แต่ทุกวันนี้ ยอดผู้โหลดแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” 8.7 ล้านคน คาดว่าอีกไม่กี่วันจะครบ 10 ล้านคน แสดงให้เห็นว่าคนไทยพร้อมและตื่นตัวไปสู่สังคมไร้เงินสด นี่คือผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี