1.เรื่องที่ดินหลวงที่เรารู้จักกันนั้น ภาษาทางราชการเขาเรียกว่า “สาธารณสมบัติของแผ่นดิน” ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 1304 (2)กำหนดว่าสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น รวมทรัพย์สินทุกชนิดของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันเช่น ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้นว่าที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ
2.ขณะเดียวกัน ประมวลกฎหมายที่ดินโดยเฉพาะมาตรา 8 ก็กำหนดว่าบรรดาที่ดินทั้งหลายอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นถ้าไม่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้อธิบดี(กรมที่ดิน) มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาและดำเนินการคุ้มครอง ป้องกันได้ตามควรแก่กรณี อำนาจหน้าที่ดังว่ารัฐมนตรีจะมอบหมายให้ทบวงการเมืองอื่นเป็นผู้ใช้
3.และมาตรา 8 วรรคสอง(1) ก็กำหนดว่า ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน หรือใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ หรือเป็นที่ดินที่หวงห้ามหรือสงวนไว้ตามความต้องการของทบวงการเมืองอาจถูกถอนสภาพ หรือโอนไปเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่น หรือนำไปจัดเพื่อประชาชนได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ที่ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ถ้าทบวงการเมืองรัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน จัดหาที่ดินมาให้พลเมืองใช้ร่วมกันแล้ว การถอนสภาพหรือโอนให้กระทำโดยพระราชบัญญัติ แต่ถ้าพลเมืองได้เลิกใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้น หรือที่ดินนั้นได้เปลี่ยนสภาพไปจากการเป็นที่ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันและมิได้ตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใดตามอำนาจกฎหมายอื่นแล้ว การถอนสภาพให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา
4.ประเด็นปัญหาครั้งนี้เกิดจากการที่สมัยก่อนสภาตำบลแห่งหนึ่งได้ตกลงกับเอกชนรายหนึ่งเพื่อแลกเปลี่ยนที่ดินจำนวน 2 แปลงกับทางสาธารณประโยชน์เดิมเพื่อขยายและตัดถนนใหม่ โดยสภาตำบลแห่งนี้ได้เข้าทำถนนบนที่ดินดังกล่าวและประชาชนได้เข้าใช้ประโยชน์แล้ว ทำให้ที่ดินนั้นตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามมาตรา 1304(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว ส่วนเอกชนเจ้าของที่ดินเดิมได้เข้าครอบครองที่ดินบริเวณทางสาธารณประโยชน์เดิมโดยเข้าทำนาข้าวแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่มีการดำเนินการให้เป็นตามมาตรา 8(1) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ทำให้เอกชนมิได้รับความเป็นธรรม
5.ต่อมาสภาตำบลแห่งนี้ได้ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลเอกชนเจ้าของที่ดินเดิมได้ร้องเรียนต่อจังหวัดถึงประเด็นเรื่องนี้ และร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งกรมที่ดินได้รับเรื่องจากจังหวัดแล้วเห็นว่า กรณีนี้ที่ดินของเอกชนไม่อาจกลับคืนสู่สภาพเดิมได้เพราะว่าที่ดินเดิมมีสภาพเป็นที่ดินทางสาธารณประโยชน์ไปแล้วจึงขอให้จังหวัดแจ้งสภาตำบลประสานเจ้าของที่ดินเพื่อจ่ายค่าชดเชยที่ดินให้แก่ผู้ร้องต่อไป
6.สภาตำบลซึ่งยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลแล้วได้พิจารณาเรื่องนี้แล้วเห็นว่า เมื่อพิจารณาตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติมประกอบกับระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติมไม่ได้มีข้อกำหนด หรือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยกรณีดังกล่าวไว้แต่ประการใด
7.กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีการจ่ายเงินค่าชดเชยที่ดินกรณีนี้ให้แก่เอกชน จะกระทำได้หรือไม่ประการใดเป็นปัญหาข้อกฎหมาย สมควรส่งเรื่องให้คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยพิจารณาให้ความเห็นต่อไป
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี