ทบ.ย้ำให้คนไทยรู้เท่าทัน
ข้อมูล‘บิ๊กแดง’
ลากไส้แก๊งทำป่วนชาติ
หมอเหรียญทองตามยำซ้ำ
พวกบ้าคลั่งประชาธิปไตย
อนาคตใหม่ร้อนตัวโต้ยิบ
ยังห้าวจัดจะปฏิรูปกองทัพ
โฆษกกองทัพบก ยัน “บิ๊กแดง” บรรยายเรื่องความมั่นคงลากไส้คนบางกลุ่ม เพื่อให้คนไทยรู้เท่าทัน ด้าน “หมอเหรียญทอง”หนุน ผบ.ทบ.เดินหน้าชนกับพวกบ้าคลั่งประชาธิปไตยเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ ในขณะที่ อนาคตใหม่ร้อนตัวเปิดโต้แหลก เหิมหนักจะปฏิรูปกองทัพ ด้าน “เสี่ยหนู” ประกาศชัดใครคิดจะแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 1 ถือว่าเป็นศัตรูกับภูมิใจไทย พร้อมลุยภาคใต้เจาะฐานที่มั่นประชาธิปัตย์
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีหลายกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ใช้สถานที่ราชการเป็นเวทีปราศรัยโจมตีทางการเมืองนั้นว่า เป็นเพียงมุมมองส่วนบุคคลแต่เนื้อหาการบรรยายของผบ.ทบ.ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของประเทศไทยด้านความมั่นคงในสภาพแวดล้อมปัจจุบันโดยมีบางบุคคลพยายามเบี่ยงประเด็นเพื่อสร้างภาพในเชิงลบฝังหัวว่าทหารยังไม่ถอยมาในจุดที่เหมาะสมแต่ตนเชื่อคนส่วนใหญ่รู้เท่าทัน
ยันข้อมูล’บิ๊กแดง’ให้คนไทยรู้ทัน
โดยเนื้อหาที่ผบ.ทบ.บรรยายเป็นมุมมองจากประสบการณ์ทำงาน เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ด้านความมั่นคงของประเทศภายใต้หน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรงเป็นข้อมูลเชิงสถิติที่เกิดจากการปฏิบัติงานจริง รวมทั้งจากการประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงทั้งในระดับโลก ภูมิภาคและประเทศไทย เพื่อให้สังคมและประชาชนได้รับทราบ รู้เท่าทันในภาพรวมเป็นลักษณะของการเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
“ผบ.ทบ.กล่าวชัดเจน ไม่ใช่การบังคับให้เชื่อ เพราะที่ผ่านมามักมีบางกลุ่มบางบุคคล มีการให้ข้อมูลที่บิดเบือน แก่สังคมมาตลอดซึ่งวิธีนำเสนออาจต่างจากเดิมบ้าง เพราะต้องการให้รายละเอียดในจุดที่สำคัญ เห็นภาพชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องสถิติตัวเลข รวมถึงแผนภาพความเชื่อมโยงและประสานสอดคล้อง เปิดกว้างให้ผู้บริโภคข่าวสารสามารถใช้ดุลยพินิจเองได้ ไม่ใช่การบังคับให้ต้องเชื่อ “โฆษก ทบ.กล่าว
พร้อมมั่นใจได้ว่าผู้ที่ได้รับฟังข้อมูลสามารถใช้วิจารณญาณได้อย่างอิสระและไม่น่าเสียหายอะไรที่จะเปิดใจรับฟังข้อมูล ในอีกมุมมองหนึ่งผ่าน ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติงานจริงๆเพราะที่ผ่านมาพบว่าบางกลุ่มบางบุคคลได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่าข้อมูลคลาดเคลื่อนมากเช่นการพูดถึงตัวเลข บางครั้งเหมือนยกมาลอยๆไม่มีที่มาที่ไป เข้าใจว่าอาจมีข้อมูลไม่ครบ เนื่องด้วยอาจไม่ใช่ผู้ปฏิบัติจริง แค่อาจจินตนาการคาดเดาไปเอง บางคนอาจมีสถานะเป็น ครู อาจารย์ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังให้มากกว่าทั่วไป เพราะความผิดพลาดใดๆอาจมีผลกระทบถึงความน่าเชื่อถือในอาชีพการงานได้
จปร.40เอาผิดผู้แอบอ้างโจมตีบิ๊กแดง
ผู้สื่อข่าวรายงาน มีผู้ใช้ชื่อว่า“พลตรี ดร.ปฐวีฯ”และFacebookชื่อ Pathavi Kiratikarunyakorn ระบุข้อความโจมตี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ภายหลังบรรยายพิเศษ’ แผ่นดินของเรา ในมุมมองด้านความมั่นคง’ เมื่อวันที่11ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยถ้อยคำรุ่นแรงพร้อมกับระบุว่า เป็นนักเรียนเตรียมทหาร29 ( ตท.29) นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า 40 ( จปร.40)
ล่าสุด พ.อ.ชัชช์ มนตรีมุข ประธานคณะกรรมการรุ่นจปร.40ออกหนังสือชี้แจงภายหลังว่าตามที่มีผู้แอบอ้างว่าเป็นศิษย์เก่านักเรียน จปร.40 และเตรียมทหาร(ตท.)29โดยใช้ชื่อว่า“พลตรี ดร.ปฐวีฯ”และ Facebook ชื่อ Pathavi Kiratikarunyakornโดยได้แสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์และมีการส่งต่อข้อความในลักษณะแอบอ้างนั้น คณะกรรมการรุ่นนักเรียนนายร้อย จปร. 40 ขอเรียนให้ทราบว่า บุคคลดังกล่าวไม่ได้เป็นศิษย์เก่า จปร.40 แต่อย่างใด การแอบอ้างดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย โดยคณะกรรมการรุ่น จปร.40 จะได้ดำเนินการทางกฎหมายต่อบุคคลที่แอบอ้างดังกล่าวอย่างเด็ดขาดต่อไป คณะกรรมการรุ่นนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่น40ขอความกรุณาทุกท่านงดการส่งต่อข้อความดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวปลอมดังกล่าวแพร่หลายอันอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดต่อไป และขอขอบพระคุณมาณ โอกาสนี้
หมอเหรียญทองหนุนบิ๊กแดง
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และผู้ก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน โพสต์เฟซบุ๊ก “เหรียญทอง แน่นหนา” ในหัวข้อ”กองทัพไทยต้องไม่เป็นกลางและไม่นิ่งเฉย” โดยมีเนื้อหาระบุว่า
กองทัพไทยต้องเลือกข้างอยู่กับ ‘ความมั่นคง’ ของสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กองทัพจะเลือกข้างอยู่กับประชาชนที่เอาแต่บ้าคลั่งประชาธิปไตยอย่างเดียว ไม่ใส่ใจใยดีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยถือตนเสมอกันอย่างไร้มารยาท ไม่รู้ความสมควรได้อย่างไร ดังนั้นกองทัพจึงต้องเป็นกองทัพของประชาชนที่จงรักภักดีต่อระบอบประชาธิปไตยที่มีพระกษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั่นแหละถูกต้องแล้ว กองทัพไทยจึงต้องไม่เป็นกลาง ไม่นิ่งเฉย ดังเช่นการแสดงออกของ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก
ไอ้อีทั้งหลายที่ออกมาตอบโต้ผู้บัญชาการทหารบกต่างๆนานา พวกคุณเป็นพวกบ้าคลั่งประชาธิปไตยเพียงอย่างเดียว หรือซ่อนเร้นความต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบให้มีผลต่อสถาบันพระมหากษัตริย์กันแน่ ???... อย่าดัดจริตโลกสวยอ้างความคิดต่างเลย...ผมขอถุยครับ!
ผมหวังอย่างยิ่งว่าผู้มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินทั้งหลาย ทั้งนักการเมือง ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ทุกระดับ ทุกนาย จะมีจิตสำนึกและชัดเจนดั่งเช่น พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ และขอถือโอกาสนี้แสดงความเคารพอย่างสูงยิ่งต่อ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก
ปิยบุตรซัดบิ๊กแดงพูดทำให้แตกแยก
วันเดียวกัน ที่พรรคอนาคตใหม่ ชั้น 5 ตึกไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้เปิดเวทีบรรยายพิเศษหัวข้อ“แผ่นดินของเราในมุมมองประชาธิปไตย : บทบาทของประชาชน ในการสร้างชาติ”โดยเนื้อหาตอบโต้ ชี้แจง กรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.รรยายพิเศษ หัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองฝ่ายความมั่นคง” เมื่อวันที่ 11 ต.ค.โดยมองว่า เนื้อหาดังกล่าว ที่จะนำไปสู่การสร้างความแตกแยก แม้จะไม่เอ่ยถึงชื่อนักการเมือง หรือพรรคการเมือง แต่เชื่อว่าหมายถึงพรรคอนาคตใหม่และแกนนำในพรรค เชื่อว่าการบรรยาย เป็นการสะท้อนวิธีคิดของ ผบ.ทบ.และกองทัพไทย ที่จะทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ แม้เราจะเคยโกรธ เคยเกลียด เคยเห็นต่าง แต่เราคือคนไทย จึงขอเชิญชวนคนไทยทุกคนเคารพความแตกต่าง หลากหลายของบุคคลอื่น
ยืนยันไม่แตะแก้หมวด1-2 รธน.
“สิ่งที่ ผบทบ.บรรยาย เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นความเข้าใจผิดทั้งหมดเป็นการนำความเห็นของนักวิชาการคนหนึ่งยกขึ้นมาทำลายความชอบธรรมในการขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้าน โดยพยายามยึดโยงว่าการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงซึ่งพรรคฝ่ายค้าน ยืนยันแล้วว่าไม่จริง และเคยยืนยันแล้วว่า การแก้ไข จะไม่เข้าไปแตะหมวด 1 และหมวด 2 โดยพรรคการเมืองฝ่ายค้านเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญตามระบบ ตรงกันข้าม เวลาคณะรัฐประหารเข้ามาก็ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งฉบับ เท่ากับข้อห้ามในการแก้ไขไม่มีอีกต่อไปแล้ว รัฐธรรมนูญกลับไปเป็นปีศูนย์ ไม่มีอะไรเป็นกรอบเป็นเกณฑ์ การฉีดรัฐธรรมนูญโดยรัฐประหารหรือไม่ที่จะเป็นการเปลี่ยน อยากให้คิดให้ดีว่า คนที่มีปากกา คนที่มีมือ คนที่มีความคิดกับคนทีมีอาวุธ ใครกันแน่ที่ละเมิดมาตรา1ได้มากกว่ากัน”นายปิยบุตร ย้ำ
จวกยับแบ่งแยกแล้วปกครอง
นายปิยบุตร ยังกล่าวว่า ทหารและกองทัพในสมัยใหม่ จะออกมาจากการเมืองและทำหน้าที่รักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร จะไม่เข้ามาเล่นการเมือง ในต่างประเทศ ไม่เคยเห็น ผบ.ทบ.ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แค่จุดเล็ก ๆจุดนี้แสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยสมัยใหม่ในต่างประเทศไม่ให้เอากองทัพมายุ่งกับการเมือง ตรงกันข้ามกับประเทศไทย ขอตั้งคำถามไปยัง ผบ.ทบ.ที่กล่าวว่าประเทศมีปัญหาต่างๆมากมาย หากปัญหาใหญ่จะฝากความหวังไว้ที่กองทัพ ที่ไม่สอดคล้องกับประชาธิปไตย แทรกแซงการเมืองได้เสมอ
“แต่เราทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆอย่างแนบเนียนแยบคาย การคงอำนาจกองทัพได้ ต้องมีวิกฤตมีปัญหา เมื่ออยากให้กองทัพ มีบทบาทการเมืองตลอดไป จำเป็นต้องทำให้ประเทศมีวิกฤติตลอดเวลา จะได้ครองอำนาจไปตลอดเพื่อแก้ไข การใช้อำนาจพิเศษของทหารเข้ามาแก้ไขปัญหาทางการเมือง ทำเรื่องยกเว้นให้เป็นเรื่องปกติ สถานะพิเศษกลายเป็นสถานะถาวร ปรากฏชัดที่สุด คือ มาตรา 44 และที่ด่านักการเมืองเลว สร้างความแตกแยก ชักศึกเข้าบ้าน และ ล่าสุดคือล้างสมองคนรุ่นใหม่ เป็นการประดิษฐ์วาทะกรรมให้เกิดวิกฤติ ให้กองทัพมีอำนาจตลอดเวลา อยู่เหนืออำนาจพลเรือน พร้อมรัฐประหารทุกเวลาและยังติดอยู่ในยุคของสงครามเย็น รวมถึงจะฝากไว้กับสื่อยุยงปลุกปั่น ที่เรียกว่า ดาวสยาม 4.0 ได้หรือไม่ จึงอยากเชิญชวนผบ.ทบ.และกองทัพ มาร่วมพูดคุย อย่ามองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ต้องเลิกวิธีการสร้างศัตรูภายในใจ ต้องบอกว่าความเห็นที่แตกต่างกันนั้น สามารถอยู่อาศัยร่วมกัน
ตอกย้ำจำเป็นต้องปฏิรูปกองทัพ
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า การที่ ผบ.ทบ.บรรยายเมื่อวาน ไม่ได้ส่งผลดี ไม่ได้ช่วยแก้ไข ตรงกันข้ามกลับตอกลิ่มสร้างความแตกแยก แบ่งแยก สร้างความเกลียดชัง สิ่งที่ผู้บัญชาการทหารบกพูด กำลังไปกระตุ้นในสิ่งที่ไม่อยากให้เกิด และการทำพรรคอนาคตใหม่ของ ตนร่วมกับนายธนาธร ยอมรับว่ามีเสียงสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่และมีคนรุ่นผู้ปกครอง รุ่นพ่อรุ่นแม่ที่ให้การสนับสนุนพรรค การก่อตั้งพรรค ไม่เคยมีความคิดที่จะแบ่งแยกรุ่นของคนในชาติ มีแต่จะชี้ให้เห็นปัญหาของคนทุกคนว่าต้องการที่จะใฝ่ฝันถึงสังคมใหม่ ไม่อยากติดลมความขัดแย้ง 13 ปีที่ผ่านมา แทนที่ ผบทบ.จะสร้างความเข้าใจ แต่กลับไปตอกลิ่มซ้ำลงไป ในอนาคตอาจเกิดความแตกแยกทางรุ่นขึ้นได้ เราจะบริหารประเทศอย่างไร หาก ผบ.ทบ.ออกมาพูดลักษณะนี้ ขออย่าดูถูก มันสมองของวัยรุ่นว่า ตามยุคสมัยไม่ทัน หากใช้วิธีนี้แก้ไขปัญหา นานเข้าเกิดความฝังลึกลงไป ทางที่ดี ผบ.ทบ.ควรทำความเข้าใจกับคนรุ่นใหม่ ในลักษณะเปิดกว้างว่าคนรุ่นใหม่ต้องการเห็นอะไร เห็นประเทศไทยเป็นแบบไหน ขอวิงวอนอย่าใช้วิธีการแบบนี้เพื่อจะแก้ไขปัญหาร่วมกัน
และการบรรยายของผบ.ทบ.เมื่อวานนี้ ทำให้เห็นว่าประเทศไทย จำเป็นต้องปฏิรูปกองทัพ พร้อมกับประชาธิปไตยและต้องสนับสนุนหลักการรัฐบาลพลเรือนขึ้นมาอยู่เหนือกองทัพให้ได้ และสาเหตุที่ตนจำเป็นต้องออกมาบรรยายพิเศษในวันนี้ เพราะมีความกังวลใจว่าการบรรยายของ ผบ.ทบ.จะสร้างปัญหาลุกลามบานปลายไปมากกว่าเดิม จะสร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติไปมากกว่าเดิม
‘เทพไท’ผวาซ้ำร้อยเดือนตุลา
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ไลฟ์สดเฟสบุ้ค ที่สภากาแฟร้านป้าอี๊ด อ.พระพรหม ถึงกรณีพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.บรรยายพิเศษเรื่องแผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคงว่า เป็นการบรรยายที่เพิ่มดีกรี ทำให้บรรยากาศทางการเมืองร้อนแรงขึ้นเพราะจะมีการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มอำนาจใหม่ในปัจจุบัน กับกลุ่มอำนาจเก่าในอดีต เป็นการเปิดหน้าชนเต็มๆของผบ.ทบ.กับกลุ่มระบอบทักษิณ กลุ่มนักวิชาการบางส่วนและกลุ่มการเมืองพรรคอนาคตใหม่ อาจจะต่อสู้ทางด้านความคิดและแย่งชิงมวลชนครั้งใหม่ ทำให้ย้อนรอยไปถึงการเมืองช่วงเดือนตุลาคม ปี 2519 เพียงแต่บริบทในการต่อสู้แตกต่างกัน ไปตามยุคตามสมัยนั้น ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า จะมีการขยายความขัดแย้งลุกลามออกไปมากขึ้นไปเรื่อยๆซึ่งไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้นที่ผ่านมาบ้านเมืองของเราบอบช้ำกับความขัดแย้งทางการเมืองมามากพอแล้ว จึงไม่อยากให้มีการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
‘อนุทิน’ลั่นใครแก้ม.1เป็นศัตรูภท.
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1ว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรแบ่งแยกไม่ได้นั้นก็เป็นไปตามนั้น ใครคิดแก้ตรงนี้ คือ ศัตรูของพรรคภูมิใจไทย ส่วนการบรรยายพิเศษของพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.เมื่อวานนี้(10ต.ค.)นั้น พรรคภูมิใจไทยจะมีจุดยืนในแนวทางทิศทางเดียวกันหรือไม่นั้น พรรคภูมิใจไทย ไม่จำเป็นต้องเป็นไปในตามทิศทางเดียวกับใคร แต่สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นคนไทย เติบโตมาจนป่านนี้ มีชีวิตที่ดีจนมารับใช้ประชาชนก็ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณพระมหากษัตริย์ที่ชุบเลี้ยงให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา มาตราใดที่เกี่ยวข้องกับสถาบันที่คนไทยเคารพ เราไม่มีวันยอม”นายอนุทิน กล่าว
ภท.ขน7 รมต.51ส.ส.บุกพัทลุง
วันเดียวกัน พรรคภูมิใจไทย(ภท.)ได้จัดการประชุม“ภูมิใจไทยสัญจร”ครั้งที่ 1 ที่ที่โรงแรมศิวา รอยัล จังหวัดพัทลุง นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมอบหมายให้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะผู้นำในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์พัฒนาภาคใต้14จังหวัด เป็นประธานการประชุม ซึ่งมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ น.ส.มนัญญาไทยเศรษฐ์ รมช. เกษตรและสหกรณ์ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ พร้อม 51ส.ส.และสมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุมโดยนำยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาขึ้นมาพิจารณา
ดัน98โครงการงบ2.2หมื่นล้าน14 จว.ใต้
โดยรัฐมนตรีทั้ง7คนของพรรคภูมิใจไทย ได้รายงานความคืบหน้าในการทำงานตามยุทธศาสตร์
ในการผลักดันโครงการสำคัญต่างๆเข้าสู่พื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้รวม 98 โครงการ/แผนงาน งบประมาณรวม 22,435,581,312 ล้านบาท โดยจะเห็นได้ว่าโครงการที่รัฐมนตรีของพรรคช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้นในการทำงานจากงบประมาณปี 2562ที่รัฐมนตรีของพรรคทำงานมา เป็นระยะเวลาเข้าสู่เดือนที่ 3และร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 กำลังเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาและงบประมาณปี2564ที่จะกลับไปจัดทำโครงการต่างๆนั้น ล้วนสอดคล้องนโยบายลดอำนาจรัฐเพื่อปากท้องประชาชน และเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทย
โดยนายพิพัฒน์ระบุว่าจุดเด่นยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทยที่ดำเนินการให้กับประชาชน เป็นการนำการท่องเที่ยวมาแก้ปัญหาปากท้องประชาชนเนื่องจากประเทศไทยมียอดนักท่องเที่ยว3ล้านคนต่อปี เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ภาคใต้ 1ล้านกว่าคน หรือคิดเป็น1ใน3 การใช้งบประมาณตามยุทธศาสตร์พัฒนาภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทย นับว่าเป็นการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าเพราะจะทำให้เป็นการสร้างแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาสู่ภาคใต้ 14 จังหวัดเพิ่มขึ้น ในฐานะ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้ตั้งเป้าหมายในปีงบประมาณ 2563 จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาภาคใต้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า5 แสนคนรวมเป็น1.5 ล้านคน จะทำให้มีการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อีกเป็นจำนวนมากส่งผลโดยตรงต่อการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนอย่างยั่งยืนตลอดไป
ลั่นเริ่มต้นตอบแทนประชาชน
ทั้งนี้นายอนุทิน พร้อม7 รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ร่วมแถลงว่าพรรคภูมิใจไทยทั้งพรรคมาอยู่ที่พัทลุง ในฐานะฝ่ายบริหารในรัฐบาลและผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย ก่อตั้งมาเพียง 10ปี การทำงานก็ต้องผ่านคำปรามาส ขอย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีเรื่องผลประโยชน์ใดๆมาอุดปากทั้งสิ้น ทุกคนมีฐานะ อยู่ดีกินดี มีความพร้อมดูแลตนเองได้ จึงมาดูแลคนอื่นและประเทศชาติ ขณะที่นักการเมืองสังกัดพรรค ต้องประสบความสำเร็จ ไม่ใช่มาเป็นตัวถ่วง หรือ มีใครมาหากินเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่มีความสุขที่ได้ทำงานเพื่อประชาชน ขอย้ำว่า การลงพื้นที่พัทลุงครั้งนี้ คือการเริ่มต้นการตอบแทนประชาชน
ประเมิน7รมต.ดันทุรังให้11เต็ม10
นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า การลงพื้นที่พัทลุงครั้งนี้ ไม่ได้หวังจะตีกับใครเพื่อกวาดพื้นที่ภาคใต้ แต่เป็นการทำงานอย่างเต็มที่ตามที่ได้สัญญากับประชาชนเอาไว้ พรรคภูมิใจไทย คาดหวังว่าหากผลงานก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้ ประชาชนก็จะให้โอกาสพรรคเรื่อยๆแต่ไม่ได้หวังจะไปตีกับใคร และการนำสมาชิกพรรคทุกคนมาทำงานโดยแบ่งงานตามสายงาน รวมทั้งแบ่งงานตามความรับผิดชอบของ ส.ส.แต่ละคนสังกัดอยู่ในกรรมาธิการต่างๆ ตนเองและแต่ละรัฐมนตรี ก็จะลงพื้นที่ไปติดตามในเรื่องตามกระทรวงที่ตนเองรับผิดชอบ พร้อมรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนในพื้นที่ พร้อมว่า หากจะให้ประเมินความดันทุรังของรัฐมนตรีให้ 11 เต็ม 10 คะแนน ส่วนผลการทำงานบางก็ได้ 7 คะแนน บางคนก็ได้ 8 คะแนน แต่สุดท้าย ก็ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ประเมินมากกว่า
ไม่กังวลเสียงปริ่มน้ำ/ลั่นภท.มาครบ
นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่กังวลเรื่องเสียงปริ่มน้ำ เวลาทำงานไม่ได้คิดถึงเรื่องของสภาฯมีอะไรทุ่มไปหมดทั้งตัว ประสบการณ์ ความสามารถ ความรู้ ต้นทุนส่วนตัวที่ติดมา แต่กำเนิดต้องมาใช้ในงานให้หมด ไม่ได้ทำงานเพื่อหวังเงินเดือน หรือผลประโยชน์ทางการเมือง เกียรติยศของการเป็นรัฐมนตรีนั้น เงินเท่าไหร่ ก็ซื้อไม่ได้ วันนี้ต้องหยิ่งในเกียรติยศของศักดิ์ศรี ส่วนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2563นั้น เราทำดีที่สุดแล้ว งบประมาณ ก็ได้รับการกลั่นกรองมาหลายขั้นตอน ไม่ได้นำมาสร้างบ้านของตัวเอง แต่แผ่กระจายไปทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่พื้นที่ที่เลือกพรรคภูมิใจไทย จะผ่านหรือ ไม่ผ่านบอกได้แค่ว่า พรรคภูมิใจไทยให้ครบทุกคน และสามารถอภิปรายได้ว่างบประมาณที่เสนอนั้นจะต้องถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี