ถล่มงบฯ63!‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ไล่รัฐบาลกลับไปร่างใหม่ อัดไม่ตรงเป้า แก้ปัญหาศก.ไม่ได้

ถล่มงบฯ63!‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ไล่รัฐบาลกลับไปร่างใหม่ อัดไม่ตรงเป้า แก้ปัญหาศก.ไม่ได้

วันพฤหัสบดี ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2562, 14.24 น.

ถล่มงบฯ63!‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ไล่รัฐบาลกลับไปร่างใหม่ อัดไม่ตรงเป้า แก้ปัญหาศก.ไม่ได้

17 ตุลาคม 2562 ที่รัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวอภิปรายถึงร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า ตนก็อยากจะเห็นบ้านเมืองของเราเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีคำถามว่าตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีอะไรให้บอกท่านนั้น ตนก็เลยบอกว่าแล้วทำไมเมื่อ 5 ปีที่แล้วท่านไม่ได้ทำอะไรให้เลย


ทั้งนี้ ความสำคัญของพระราชบัญญัติฉบับนี้ ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ต่างมีหน้าที่พิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ซึ่งเหตุการณ์วันนี้พี่น้องประชาชนประสบกับภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบากในขณะนี้มาโดยตลอด แต่การที่รัฐบาลได้เสนอร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่าย พ.ศ.2563 แม้จะเป็นอำนาจของรัฐบาลโดยทั่วไป แต่ต้องยอมรับว่ารัฐบาลนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของความชอบธรรมตั้งแต่การถวายสัตย์ปฏิญาณ การแถลงนโยบายที่ไม่ได้อธิบาย ถึงแหล่งที่มาของงบประมาณ ดังนั้น

“ฝ่ายค้านจึงอยากจะให้ทางรัฐบาล นำร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ กลับไปร่างใหม่ เพราะไม่มีความเหมาะสม ไม่มีสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้เลย เพราะการจัดสรรงบประมาณตามร่างพ.ร.บ.นั้น ไม่ถูกจัดให้กับส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ถือว่ามีความบกพร่องต่อการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ต้องอาศัยการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม ร่วมกับการลงทุนภาคเอกชน” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงศ์ อภิปรายต่อว่า เศรษฐกิจภาพใหญ่ขับเคลื่อนด้วยฟันเฟือง 4 ด้าน คือ การลงทุน ภาคเอกชน การลงทุนในประเทศ การส่งออก และการลงทุนภาครัฐ ทั้งนี้การส่งออกมีความสำคัญ เพราะสามารถสร้างรายได้ทำให้ประชาชนมีงานทำ แต่ปรากฏว่า 10 เดือนที่ผ่านมา การส่งออกกลับติดลบ 2.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อมาในเรื่องการลงทุนภาคเอกชน ปรากฏว่า บัณฑิตจบใหม่ที่ยังไม่มีงานทำ รวมแล้วกว่า 3 แสนคน และคาดว่า จะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 5 แสนคนในปีหน้า ซึ่งกระทบการจ้างงานภาคในแรงงาน รวมทั้งการลงทุนก็ไม่มีอะไรหวือหวาเท่าที่ควร และภาคเกษตรกรไม่มีกำลังซื้ออย่างรุนแรง เป็นสัญญาณเตือนว่าปัญหาเศรษฐกิจกำลังจะเข้าสู่วิกฤต เพราะฉะนั้นงบประมาณมีปัญหาหลายอย่าง และไม่ส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่น โดยสิ่งที่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ.2563 ที่พบความบกพร่อง คือ การจัดสรรงบกระทรวงกลาโหม เพื่อจัดซื้ออาวุธ , การจัดสรรงบกลาง 5.1 แสนล้านบาท ซึ่งพบว่าจะใช้เพื่อกรณีฉุกเฉิน 9.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งตนหวังว่างบส่วนดังกล่าวจะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อการจัดซื้ออาวุธ

นอกจากนั้นยังพบการใช้งบประมาณเกินตัว สวนทางกับการจัดเก็บภาษีที่ได้น้อย ตัวเลขการขาดดุลมีความน่าเป็นห่วง เพราะหากจัดงบประมาณไว้ลักษณะดังกล่าวประเทศอาจเจอภาวะล้มละลาย ตนมองว่าการจัดสรรงบประมาณเป็นการแจกเงินแบบสิ้นคิด โดยไม่คำนึงถึงการพัฒนาผลิตภาพ และแผนการทำธุรกิจ แต่เป็นเพียงการยืดปัญหาออกไปวันๆ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, แจกเงินท่องเที่ยว,ชิม ช็อป ใช้ รวมถึงแจกเงินปลายปีเพื่อให้ประชาชนซื้อของ ซึ่งตนมองว่าเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ทำให้ประเทศพัฒนาด้านการผลิต

“แนวทางที่ถูกต้อง ควรใช้งบประมาณเพื่อสร้างแรงจูงใจ ให้เกิดการผลิตนวัตกรรมใหม่ และสร้างผลผลิตให้ได้โดยเร็ว อย่างไรก็ดีมีคำกล่าวในสังคมว่างบประมาณถูกใช้จนกระจุก มุ่งสนับสนุนการเติบโตผู้ใกล้ชิดรัฐบาล และนายทุน พวกพ้อง เช่น โครงการอีอีซี, โครงการรถไฟเชื่อม3 สนามบิน ดังนั้นผมหมดหวังกับการขับเคลื่อนและฟื้นฟูประเทศ และทำให้ประเทศตกอยู่ในวิบากกรรม ดังนั้นผมขอให้นำ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ.2563 กลับไปแก้ไข ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ.2563 ได้” นายสมพงษ์ กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top