"อุตตม"แจงงบปี'63 เผยเป็นไปตามรธน.-กฎหมายวินัยทางการคลัง ยันเก็บภาษีได้ตามเป้า เบิกจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 ที่รัฐสภา นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า ตนยืนยันว่า การจัดทำงบประมาณดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และรวมถึงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ใน 6 ด้าน ทั้งนี้ สำหรับการจัดงบประมาณแบบขาดดุลนั้น ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาซึ่งต้องลงทุนเพื่ออนาคต เราจึงต้องใช้นโยบายการคลังแบบขยายตัว แต่อยู่ภายใต้กฎหมายวินัยการเงินการคลัง ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนว่า งบขาดดุลจะต้องนำมาใช้เพื่อการลงทุนเท่านั้น
นายอุตตม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดีขอเรียนว่ารัฐบาลมีแนวทางที่ชัดเจนที่จะทำให้งบประมาณเข้าสู่จุดสมดุลโดยคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานนั้น ได้กำหนดเป้าหมายที่จะทำงบประมาณสมดุลให้สอดรับกับแผนการคลังระยะปานกลาง ส่วนกรณีที่สมาชิกอภิปราย เรื่องการลงทุนว่ารัฐบาลมีความจริงใจจะขับเคลื่อนการลงทุนหรือไม่ ซึ่งตนขอชี้แจงว่าในปีงบประมาณ 2563 งบลงทุนบริษัทส่วนถึง 25% ของงบประมาณรายจ่าย ลดลงจากปีงบประมาณ 2562 ที่มีงบลงทุน 21.6% แต่เมื่อเทียบเป็นเม็ดเงินแล้วเพิ่มขึ้น หากมองย้อนไปในอดีตจะพบว่างบลงทุนมีสัดส่วนที่น้อยกว่านี้ โดยในปี 2554 งบลงทุนมีสัดส่วน 17.2% ปี 2555 มีสัดส่วน 18.49% ปี 2556 มีสัดส่วน 18 18% ปี 2557 มีสัดส่วน 17.5%และปี 2558 มีสัดส่วน 17.5% ต่อมาปี 2559 มีสัดส่วน 20.5% ยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจที่จะขับเคลื่อนงบลงทุนดังกล่าว
นายอุตตม กล่าวอีกว่า อีกประการขอเรียนว่า รัฐบาลมีกลไกเสริมที่จะเข้ามาช่วยลดภาระงบประมาณลงทุนคือการดึงภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนผ่านโครงการ ppp ทำให้รัฐบาลประหยัดงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและนำไปใช้ในโครงการเพื่อสังคมและการศึกษาได้มากขึ้นปัจจุบันมีโครงการ ppp มากถึง 16 โครงการ คิดเป็นเงินแสนล้านบาท ในส่วนของรัฐวิสาหกิจก็พยายามเร่งรัดการเบิกจ่าย ให้ได้ตามเป้าหมาย
ส่วนเรื่องการจัดเก็บรายได้มี ส.ส.บางรายอภิปรายว่ารัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้ตามที่แถลงไว้จริงหรือไม่ขอเรียนว่ารัฐบาลจะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย โดย ในปีงบประมาณ 2562 นั้นรัฐบาลจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นถึง 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนกรณีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ลดลงเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่ลดลง จึงมีผลให้การจัดเก็บ ภาษีดังกล่าวลดลงตามไปด้วย
"รัฐบาลได้เตรียมมาตรการเสริมที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการจัดเก็บรายได้ โดยจะดำเนินการผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพให้ครอบคลุม โดยนำระบบไอทีเข้ามาช่วยเหลือในการจัดเก็บเป็นไปตามเป้าและเพิ่มฐานภาษีทั้งนี้ในปี 2562 จะเห็นว่าฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและขยายตัวถึง 87% มียอดบุคคลธรรมดาเข้ามาชำระภาษี 11.8 ล้านคน ซึ่งเป็นผลจากการทำ Big Data เข้ามาช่วยให้ผู้ที่อยู่นอกระบบภาษีเข้ามามากขึ้นถึง 1.7 แสน รายและในระยะ 5 ปีข้างหน้าตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มฐานภาษีนำผู้ที่อยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบ ถึง 9 แสนราย ส่วนกรณีที่มีข้อสังเกตว่า ยอดการเบิกจ่ายของรัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพนั้น ขอเรียนว่าเรื่องการเบิกจ่ายเรานับรวมเรื่องการก่อหนี้ผูกพันไปด้วยถือเป็นตัวชี้วัดการเบิกจ่าย โดยปีงบประมาณ 2562 ยอดเบิกจ่ายงบลงทุนจะเป็นไปตามเป้าที่ 80%" นายอุตตม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี