ฝ่ายค้านชำแหละงบกลาโหม!! "ประเสริฐ"อัดสร้างหนี้ให้คนไทยล่วงหน้า7ปี "วิสาร"แฉงบร้อยละ70ตอบแทนนายพล "เสธ.อนค."ชี้หากตัดงบผูกพันเพียง10เปอร์เซ็นต์สามารถจัดสรรให้กระทรวงอื่นได้
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ได้มีการอภิปรายงบประมาณในส่วนของงบประมาณกระทรวงกลาโหม ซึ่งในปี 2563 ได้ตั้งงบเป็นจำนวนเงิน 233,353,433,300 บาท
โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายทักท้วงต่อการจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดซื้ออาวุธ วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท ระบุว่าจะจัดซื้อใน 19 โครงการแต่ไม่แสดงรายละเอียดของงบประมาณ ขณะที่การตั้งงบประมาณเพื่อผูกพันสูงกว่า 8.7 หมื่นล้านบาทเป็นการสร้างหนี้ให้คนไทยล่วงหน้าถึง 7 ปี นอกจากนั้นประเด็นความไม่โปร่งใสของการจัดซื้ออาวุธ ทั้งนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประเมินความโปร่งใสภาครัฐ พบว่ากระทรวงกลาโหมได้คะแนนความโปร่งใสและคะแนนคุณธรรมต่ำที่สุด ทั้งนี้ตนขอยกตัวอย่างโครงการจัดซื้อที่ส่อควาไม่โปร่งใส อาทิ การจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ AH 6I จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปี 2557 ซาอุดิอาระเบียจัดซื้อเครื่องบินดังกล่าวในราคาลำละ 300 ล้านบาท แต่ประเทศไทยซื้อในปี 2562 ราคาลำละ 528 ล้านบาท แพงกว่ากันถึง 228ล้านบาท ขณะที่กองทัพเรือจัดซื้อเรือลำเลียงพลมือ 2 จากสหรัฐฯ ในราคาลำละ 6,200 ล้านบาท ทั้งที่ราคาตลาดอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ทั้งที่ประเทศไทยมีเรือหลวงอ่างทอง ซึ่งเป็นเรือลำเลียงพลอยู่แล้ว และยังใช้งานได้ดีอยู่ แสดงให้เห็นว่าใช้เงินโดยไม่มีความจำเป็น ควรเอาเงินไปแก้ปัญหาด้านราคาพืชผลการเกษตร การศึกษา สาธารณสุขจะเหมาะสมกว่า
ขณะที่ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายด้วยว่าสำหรับการจัดสรรงบประมาณส่วนของกองทัพ พบว่ามีมากถึงร้อยละ 70 เพื่อเป็นค่าตอบแทนของนายพลที่มีตำแหน่งระดับสูง และมีเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นส่วนที่ใช้สำหรับภารกิจ อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งของนายพลที่มีจำนวนมาก เพราะมีการเพิ่มตำแหน่งพิเศษ คาดว่าจะมีค่าตอบแทนเดือนละ 7,000 ล้านบาท หรือปีละ 8 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ สมัย นายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ มีแนวคิดดาวไซส์ซิ่งกอทัพ แต่ปัจจุบันพบว่ามีการสวนทาง ซึ่งตนเชื่อว่านโยบายด้านความมั่นคงนั้นมาผิดทาง ดูได้จากปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี 2547 ซึ่งมีเหตุการณ์ปล้นปืน จนถึงปัจจุบันพบการใช้งบประมาณมากกว่าปีละ 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นงบประมาณต่อหัวประชากรในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คนละ 2 แสนบาท
"นายกฯ และรมช.กลาโหม ต้องตอบผมให้หายข้อใจ คือ ปัญหางบประมาณรั่วไหล ทั้งเรือเหาะตรวจการ มูลค่า 350 ล้านบาท ที่ถูกมองว่าเป็นราชินีโรงจอด และจอดมากว่า 8ปี ขึ้นบินเพียง 20 เที่ยวแล้วตก รวมถึงโครงการจีที 200 หรือไม้ชี้ผี นายกฯ ต้องชี้แจงผมให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเจอการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้แน่นอน อย่างไรก็ตามมีประเด็นว่าด้วยการใช้งบประมาณของประเทศ ที่มีประเทศสารขันธ์พบกองพลผี กองร้อยผี ที่เบิกจ่ายเงินงบประมาณ" นายวิสาร อภิปราย
นายวิสาร อภิปรายด้วยว่า ตนเรียนด้วยความเคารพ ว่าบุคคลที่จะเป็นนายกฯ คนต่อไป คือ ผบ.ทบ.แต่วันที่ ผบ.ทบ.พูดเรื่องการแบ่งฝ่าย ใครเห็นไม่ตรงถือว่าไม่รักชาติ เป็นสิ่งที่แย่ และนายกฯยังให้ท้ายว่าดี แต่ตนมองว่าไม่ดี ดังนั้นหากใช้การแก้ปัญหาผิดทางและปล่อยให้ใช้งบประมาณสุร่ยสุร่าย ไม่ได้ เพราะประเทศไม่สามัคคี นอกจากนั้นประเด็นการตัดสินการอัตวิบากกรรมผู้พิพากษา ตนเห็นใจและสะเทือนใจกระบวนการยุติธรรมเมืองไทยมีอยู่ ผู้พิพากษาดูแลกระบวนกกรยุติธรรมหน่วยงานขัดแย้ง ทะเลาะ นโยบายรักชาติให้ปกครองประเทศเป็นอันหนึ่งอันเดียวไม่มี ทำให้แต่ละองค์กรเข้าใจผิด ต้องทำตามเผด็จการไม่ได้แล้ว โลกไม่ได้อยู่แบบเอารถถึงไปยิง เรือดำน้ำไปรบ เพราะไม่จำเป็น ดังนั้นไม่ต้องซื้ออาวุธ แต่ควรเอาเงินดูแลเด็ก ให้ประชาชน โรงพยาบาล ดีกว่า
ขณะที่ พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายถึงงบประมาณของกองทัพด้วยว่าหลังการรัฐประหาร พบการตั้งงบประมาณลักษณะเป็นงบผูกพัน ที่มีตัวเลขล่าสุด ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท แต่ไม่สามารถใช้ได้ทัน คล้ายกับคนที่ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ติดต่อกันหลายงวด ทำให้เงินล้น และไม่รู้จะนำไปใช้อะไร ซึ่งตนมองว่าหากตัดงบประมาณผูกพันของกระทรวงกลาโหมเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ จะสามารถจัดสรรให้กับกระทรวงที่ดูแลประชาชนได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น
"ผมมองว่าการก่องบผูกพันตั้งแต่รัฐประหาร เพิ่มปีละ 1 เปอร์เซ็นต์ เพราะรู้ว่าเมื่อมีรัฐสภาที่สามารถปรับลดงบประมาณได้ จึงพยายามทำงบประมาณผูกพันข้ามปี เหมือนเป็นราชาเงินผ่อน ล่าสุดตั้งงบผูกพันรวมแล้ว 1.8 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามสำหรับงบประมาณที่ใช้ดำเนินการส่วนใหญ่ ใช้เพื่อ ก่อสร้างอาคาร ค่าเช่ารถยนต์ ผมมองว่าหากบำรุงรักษาตึกเก่าแทนสร้างตึกใหม่ จะมีงบประมาณเพื่อดำเนินการอื่นๆ ขณะที่งบประมาณ อีกกว่า 8.9 พันล้านบาท เพื่อจัดซื้อยุทโธปกรณ์ โดยไม่รู้ว่าจะรบอย่างไร ดังนั้นผมขอให้ออกแบบยุทธศาสตร์ของกองทัพให้มีภารกิจที่ชัดเจน ส่วน กอ.รมน. นั้นแม้มีภารกิจที่ชัดเจน แต่ได้รับงบประมาณน้อย อย่างไรก็ดี ผมมีข้อเสนอเพื่อให้ใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ คือ ให้เพิ่มงบประมาณด้านการศึกษาวิจัยให้เป็น 5 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่จัดสรร 0.5 เปอร์เซ็นต์ และรับฟังความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ขอให้ระวังคำพูดที่ระบุถึงสงครามพันทาง ที่ต้องมีกำลังหลักและกองการร้ายอยู่ด้วยกัน" พล.ท.พงศกร อภิปราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี