"หมอระวี"เตือนรบ.ตั้งงบเกินดุลยาวถึงปี70 ระวังกระทบโครงการคลังประเทศ-หนี้สาธารณะพุ่ง แนะ3มาตรการหลุดพ้น เสนอดึงงบกลาง5พันล.เข้ากองทุนสหกรณ์ฯแก้ปัญหาเครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โยกงบสธ.1%ช่วยเหลื่อมล้ำภายใน
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่รัฐสภา นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ อภิปรายว่า ตนให้การสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 แต่มีข้อเสนอเพิ่มเติมใน 4 ประเด็น คือ 1.ประเด็นการจัดงบประมาณแบบขาดดุล ซึ่งที่ผ่านมามีการจัดงบประมาณแบบสมดุลครั้งสุดท้ายในปี 2548 จากนั้นทุกรัฐบาลก็จะจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลมาตลอด เพราะมีความจำเป็นว่าต้องใช้งบประจำสูง งบลงทุนน้อย และจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งปีนี้มีการตั้งงบเกินดุล 469,000 ล้านบาท แม้ว่ารัฐบาลจะควบคุมการใช้งบเกินดุลอยู่ที่ 2.6% ของจีดีพี แต่ถ้ารัฐบาลยังดำเนินนโยบายเกินดุลแบบนี้ไปต่อเนื่องถึงปี 2570 จะเกิดปัญหาเรื่องโครงการการคลังของประเทศ
นพ.ระวี กล่าวว่า หนี้สาธารณะของรัฐบาลคสช.มีการเพิ่มขึ้นในทุกปี ตั้งแต่ปี 2558 จำนวน 5.78 ล้านล้านบาท ปี 2559 จำนวน 5.98 ล้านล้านบาท ปี 2560 จำนวน 6.36 ล้านล้านบาท ปี 2561 จำนวน 6.78 ล้านล้านบาท และปี 2562 จำนวน 6.9 ล้านล้านบาท และมีการคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะปี 2563 จะอยู่ที่ 44.4 เปอร์เซนต์ของจีดีพี แต่ถ้าถึงปี 2570 หนี้สาธารณะจะขึ้นมา54.9 เปอร์เซนต์ของจีดีพี ถ้าเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหนี้สาธารณะจะขยายมากกว่า 60 เปอร์เซนต์ของจีดีพี
นพ.ระวี กล่าวว่า รัฐบาลควรจะใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ทำงบประมาณ และตั้งเป้าหมายที่จะต้องหยุดการใช้งบเกินดุลในระยะเวลา 7 ปี โดยเริ่มจากการลดการใช้งบเกินดุลตั้งแต่งบปี 63 เป็นต้นไป โดยดำเนิน 3 มาตรการดังต่อไปนี้ คือ 1.ปรับลดงบใช้จ่ายกับโครงการจัดซื้อจัดจ้างทุกโครงการลงประมาณ 10 เปอร์เซนต์ โดยให้ได้ปริมาณงบเท่าเดิม การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาเป้นที่รู้กันว่าแพงกว่าเอกชนทำมากกว่า 30 เปอร์เซนต์ จนมีการกล่าวว่าราคากลางเท่ากับราคาต้นทุนบวกเงินทอน ซึ่งหากปรับลดได้จะเป็นการลดกาสรคอรัปชั่นและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบไปพร้อมกัน
2.รัฐหารายได้เพิ่มพร้อมลดความเหลื่อมล้ำได้ด้วยการเอาจริงเอาจังกับภาษีปฏิรูปที่ดิน ภาษีมรดก และภาษีนิติบุคคล ซึ่งประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำขึ้นเป็นอันดับ1 ของโลก จึงจำเป็นต้องแก้ปัญหานี้ไม่ให้เกิดรวยกระจุกจนกระจาย ภาษีนิติบุคคลควรจะปรับเป็นแบบขั้นบันได นิติบุคคล เอสเอ็มอี ธุรกิจขนาดเล็กต้องเสียภาษีในอัตราเดียวกับนิติบุคคลยักษ์ใหญ่ ที่มีกำไรระดับหมื่นล้านบาท หากดำเนินการมาตรการเหล่านี้อย่างจริงจัง จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มและลดการเหลื่อมล้ำได้ด้วย
3.การลดงบประมาณประชานิยม และเปลี่ยนมาใช้งบกระตุ้นโครงการที่สร้างรายได้และสร้างงานทั้งภาครัฐและเอกชน เนื่องจากตัวเลขการว่างงานคนไทยปี 2563 จะมีมากกว่า 4 แสนคน ซึ่งงบประชานิยมเหมือนกับการที่รัฐเอาปลาไปแจกชาวบ้าน ปลากหมดเมื่อไหร่คนไทยก็แย่ทันที รัฐต้องรีบนำเงินไปสนับสนุนให้เอกชนสร้างงานไว้รองรับคนว่างงานให้ได้อย่างน้อย 80 เปอร์เซนต์ รูปแบบการลงทุนแบบนี้จะยั่งยืนและทำให้จีดีพี สูงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งคุ้มค่ากว่าการใช้ไปแนวทางประชานิยม
นพ.ระวี กล่าวอีกว่า ในส่วนของงบกลางหมวดงบฉุกเฉิน 96,000 ล้านบาท ตนเสนอให้จัดสรรงบ 5,000 ล้านบาท เข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ กระทรวงการเกษตรฯ เพื่อนำไปพัฒนาฟื้นฟูระบบสหกรณ์ทั่วประเทศ สืบเนื่องจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นถูกโกงไป 17,000 ล้านบาท โดยเงินเกินครึ่งหนึ่งเป็นเงินสหกรณ์ 73 แห่งนำมาฝากไว้ 9,000 ล้านบาท ถ้าสิ้นเดือนธันวาคมนี้สหกรณ์คลองจั่นจะล้มละลาย จะส่งผลต่อ 73 สหกรณ์ตามมาด้วย จะกระทบต่อสมาชิกจำนวนมากกว่า 3 แสนคนรวมครอบครัวด้วยเป็น 1 ล้านกว่าคน งบ 5,000 ล้าน ที่จะเข้ากองทุนนี้ไม่ใช่การนำไปจ่ายให้กับสหกรณ์คลองจั่น แต่เป็นเพียงการให้ 73 สหกรณ์ยืมเงินจากกองทุนไปหมุนเวียนเพื่อฟื้นฟูสหกรณ์ แล้วต้องคืนเงินทั้งหมด
นพ.ระวี กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังเสนอให้โยกงบกระทรวงสาธารณสุขประมาณ 1 เปอร์เซนต์ เป็นเงินประมาณ 1,800 ล้านบาท ไปแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในกระทรวงสาธารณสุข โดยนำไปจ่ายค่าตอบแทนวิชาชีพแก่นักการสาธารณสุขชุมชน (หมออนามัย) ซึ่งปัจจุบันวิชาชีพอื่น เช่น แพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัช ล้วนแต่ได้รับค่าตอบแทนวิชาชีพไปหมดแล้ว เหลือแต่หมออนามัย จำนวน 45,000 คน ที่ยังคงอยู่แบบลูกเมียน้อย ทั้งที่หมออนามัยเป็นผู้ดูแล อสม.และดูแลประชาชนในชนบททั่วประเทศ ถ้ายังมีความเหลื่อมล้ำแบบนี้จะส่งผลให้เกิดการขาดขวัญ กำลังใจ และประสิทธิภาพในการทำงานต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี