พปชร.ย้ำ‘จำนำข้าว’9แสนล้านเหลว‘ยุคปู’ เป็นภาระผูกพันรบ.ประยุทธ์
20 ตุลาคม 2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่สภาฯผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 ในวาระแรกวงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ว่า ที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบหลักการร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯด้วยคะแนนเสียง 251 เสียง โดยส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน งดออกเสียง 234 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง สะท้อนว่าฝ่ายค้านไม่คัดค้านหลักการของร่างกฎหมายดังกล่าว ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมือง สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีในสภาฯ ซึ่งต้องขอบคุณทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลที่อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ข้อเสนอแนะต่างๆไปพัฒนาประเทศตามกรอบงบประมาณ โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
ทั้งนี้ โดยเฉพาะส.ส.พรรคพลังประชารัฐได้ตอบอภิปรายได้อย่างครบถ้วน ชี้ให้เห็นถึงการจัดสรรงบประมาณที่เป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมและกระจายไปในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม และเป็นธรรม แม้จะมีการปรับเปลี่ยนโครงการภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ แต่เป็นไปอย่างสอดคล้องและครอบคลุมกับสถานการณ์โลก โดยจะเห็นได้ว่าแผนการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล มุ่งพัฒนาทักษะทรัพยากรมนุษย์ที่ตรงกับความต้องการของประเทศ และแนวโน้มเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากนี้ พรรคฯจะเดินหน้าทำตามนโยบายต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด
“ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์การกู้เงินเพื่อชดเชยการจัดทำงบประมาณขาดดุลนั้น จะเห็นได้ว่ารัฐบาลพยายามกู้เท่าที่จำเป็น และคำนึงถึงขีดความสามารถในการชำระคืน อีกทั้งการหารายได้ให้กับประเทศ และข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับก็คือรัฐบาลประยุทธ์ ต้องแบกภาระความล้มเหลวของการบริหารงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ใช้งบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนไปดำเนินการโครงการรับจำนำข้าว และเกิดความเสียหายกว่า 9 แสนล้านบาท ทั้งที่เป็นโครงการที่ดีแต่มีการทุจริตทุกขั้นตอน ดังนั้นส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐมีสิทธิโดยชอบธรรมในการพูดถึงปัญหาดังกล่าว ซึ่งภาระงบประมาณ อีกทั้งภาระหนี้ก้อนนี้ไม่ได้เป็นวงเงินที่คงที่ ดอกเบี้ยย่อมปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน อย่างปฏิเสธไม่ได้” น.ส.ทิพานัน กล่าว
รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยังกล่าวถึงการวิจารณ์งบประมาณกระทรวงกลาโหม ได้รับงบประมาณ วงเงิน 2.33 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมาย เนื่องจากกระทรวงกลาโหมตกเป็นเป้าในการจับจ้อง มีที่มาจากประเด็นทางการเมืองมากกว่าการพิจารณารายละเอียดข้อเท็จจริงและความจำเป็นที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งงบประมาณ ส่วนที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เพื่อใช้ดูแลสวัสดิการของข้าราชการ ปรับปรุงที่อยู่อาศัย และซ่อมแซมรวมทั้งจัดหาเครื่องมือช่วยเหลือประชาชน ซ่อมปรับปรุงยุทโธปกรณ์ ขณะที่การซื้อทดแทนยุทโธปกรณ์ที่ไม่สามารถหาชิ้นส่วน หรือซ่อมแซมได้ เป็นไปตามแผนพัฒนากองทัพ และเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ คิดเป็น 1 ใน 3 กองกำลังที่มีทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบวงเงินงบทหาร งบความมั่นคงและกลาโหมของกลุ่มประเทศอาเซียนพบว่าจะมีค่าเฉลี่ยสากล อยู่ที่ 2.2 ของจีดีพี แต่ของไทยอยู่ที่ 1.3 ต่อจีดีพี เท่านั้น
“จะเห็นได้ว่า หลายครั้งที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์นักฟุตบอลทีมหมูป่าอคาเดมี่ติดถ้ำหลวงที่กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เครื่องมือต่างๆทางการทหารนั้นสามารถเข้าไปช่วยเหลือสถานการณ์วิกฤติดังกล่าวได้” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว
ขณะที่งบฯกลางจำนวน 4 แสนล้านนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า แม้วงเงินอาจจะสูง แต่ต้องมีไว้เพื่อรองรับไว้ ในกรณีที่ประชาชนประสบปัญหา เช่น ปัญหาอุทกภัย การแก้ไขปัญหาและโครงการต่างๆในพื้นที่ ที่จะนำเสนอต่อรัฐบาลเป็นโครงการเร่งด่วน ก็จะนำเงินงบประมาณจากงบฯกลางนี้ไปจัดสรร เพื่อการแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงทีและทันต่อการพัฒนาในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งหลังจากนี้ทางพรรคพลังประชารัฐจะเร่งเดินหน้าตามกรอบนโยบายต่างๆ ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี