ทูตพณ.ลุยเจรจาสหรัฐ
คืนสิทธิ์จีเอสพี
เปิดวอร์รูมถกเอกชน
ระดมสมองเจาะตลาด
ศาลปค.ไต่สวนแบน3สาร
นายกฯชี้ตัดจีเอสพีเรื่องธรรมดา สงครามการค้า ทุกประเทศเจอหมด ไทยโตขึ้นมากต้องเจรจาต่อรอง “จุรินทร์”เผยทูตพาณิชย์-ทูตแรงงานนัดถกตัวแทนการค้าสหรัฐศุกร์นี้เคลียร์ตัดสิทธิ์ภาษี พร้อมสั่งปลัดพณ.ระดมสมองภาคเอกชนหาช่องรับมือตัดสิทธิ์จีเอสพี เร่งเจาะตลาดใหม่ทั่วโลก ศาลปกครองไต่สวนปมเครือข่ายเกษตรกรค้าน แบน3สาร ขน10พยาน-2อดีตบิ๊กเกษตรฯดกเป็นพยาน ชี้ขั้นตอนออกมติลุกลี้ลุกลน ถูกกดดัน ขัดหลักธรรมาภิบาล มาตรการหลังแบนไม่ชัดเจน
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดงานและมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล กรณีรัฐบาลสหรัฐอเมริกา สั่งระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรหรือจีเอสพีสินค้าของไทยว่า หน่วยงานภาครัฐและรัฐบาลมีงานอีกมากที่ต้องทำ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์รัฐบาลดิจิทัล และต้องรับมือความท้าทายหลายมิติ อย่างกรณีจีเอสพี ที่จริงแล้วเป็นเรื่องธรรมดา อะไรที่เขาให้ เขาก็เอาคืนได้หมด เพราะเป็นสิทธิประโยชน์
ชี้ตัดGSPเรื่องธรรมดาต้องเจรจา
“อย่าลืมว่าเราก็โตขึ้นมากแล้ว บางครั้งถ้าเราทำตัวเป็นเด็กเล็กต่อไปไม่ได้อีก เราต้องสร้างความเข้มแข็ง คนไทยต้องสร้างประเทศไทยเข้มแข็งด้วยตัวเราเอง ด้วยความร่วมมือระหว่างกันให้เร็วที่สุด ก็จะไม่ไปเจออุปสรรคความท้าทายอื่นๆขึ้นมาโดยไม่จำเป็น”นายกฯกล่าว และว่า โลกเปลี่ยนแปลงทุกวัน สงครามการค้า มาตรการกีดกัน พหุภาคี การค้าเสรีมีปัญหาหมด เพราะทุกประเทศเริ่มนึกถึงตัวเอง ทำให้กติกามีมากขึ้น จากการเรียกร้องของประชาชน ทุกประเทศเจอเหมือนกันหมด รัฐบาลก็ต้องทำ ซึ่งเกิดผลกระทบกับคนอื่นด้วย เราจึงต้องใช้มาตรการละมุนละม่อม เจรจา พูดคุยต่อรอง การค้าการลงทุนวันนี้เขาใช้วิธีต่างตอบแทน เป็นวิธีปฏิบัติการค้าเสรีที่เป็นแบบนี้มานานแล้ว
ทูตพณ.-แรงงานนัดถกUSTRศุกร์นี้
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ปัญหากรณีสหรัฐตัดจีเอสพีสินค้าส่งออกจากประเทศไทยไปขายในสหรัฐว่า สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิตัน ดี.ซี ประสานทูตแรงงาน ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และกระทรวงการต่างประเทศนัดหารือร่วมกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้
สั่งปลัดพณ.ระดมเอกชนถกแก้ตัดGSP
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า สำหรับหมวดสินค้าที่สหรัฐตัดสิทธิจีเอสพีครั้งนี้ 573 รายการ จะทำให้นำสินค้าเข้าสหรัฐบางรายการเสียภาษีเพิ่มประมาณร้อยละ 4-5 และบางรายการเสียภาษีสูงถึงร้อยละ 20 ดังนั้น จึงมอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เชิญภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบมาประชุมหาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบ ในการประชุม คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนการพาณิชย์ หรือ กรอ.พาณิชย์ เร็วๆนี้ เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบการต่อไป สำหรับการแก้ปัญหาตลาดนั้น ภาพรวมจะเร่งหาตลาดใหญ่ทั่วโลกสำคัญ 10 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย ตุรกี เยอรมัน ศรีลังกา บังกลาเทศ ตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ อังกฤษ ยุโรป โดยจะเจาะลึกการส่งออกรายตลาดมากขึ้น ซึ่งสั่งให้ทูตพาณิชย์แต่ละประเทศศึกษารายละเอียดก่อนนำภาคเอกชนไปขยายตลาด
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมผู้นำอาเซียน ซึ่งมีรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและ RCEP โดยตนจะเป็นประธานประชุมเวทีนี้ ส่วนจะนำ เรื่องที่ไทยถูกตัดสิทธิจีเอสพี เข้าไปหารือด้วยหรือไม่นั้น ต้องดูความเหมาะสม เพราะเป็นเวทีอาเซียน แต่กรณี GSP นี้เป็นประเด็นเฉพาะไทยกับสหรัฐไม่ใช่อาเซียนกับสหรัฐ
ศาลปกครองไต่สวนแเบน3สาร
เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลางนัดไต่สวน คดีหมายเลขดำที่ ส.26/2562 ที่น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง พร้อมเครือข่ายผู้แทนเกษตรกร 6 จังหวัด รวม 1,091 คน ยื่นฟ้องคณะกรรมการวัตถุอันตราย คณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง และรมว.เกษตรฯกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีคำสั่งให้ยกเลิกใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิดได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเสต และ คลอร์ไพรีฟอส
“อดิศักดิ์”พยานชี้ลงมติลุกลี้ลุกลน
โดยนายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตรมาเป็นพยาน ฝ่ายเกษตรกรผู้ร้อง เผยว่า ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการการเกษตร เห็นว่ากระบวนแบนสารเคมีเกษตร ไม่ชอบและไม่ครอบคลุมตามข้อกฎหมายที่ควร เพราะหลายปีที่ผ่านมา กรมวิชาการการเกษตรยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้สารเคมี แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายกลับลงมติด้วยความลุกลี้ลุกลน ไม่ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบไม่เป็นไปตามหลักธรรมภิบาล
อนันต์สงสัยกก.ถูกชี้นำ-ชี้รบ.ทบทวน
ส่วนนายอนันต์ ดาโลดม อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ซึ่งมาเป็นพยานให้เครือข่าย ฯอีกหหนึ่งปากให้สัมภาษณ์ก่อนให้ข้อมูลกับศาลช่วงบ่ายว่า หวังอำนาจศาลเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะให้ความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาไม่มีตัวแทนเกษตรกรจริงๆเข้าไปร่วมพิจารณาทั้งในชั้นคณะกรรมการศึกษา คณะกรรมการวัตถุอันตรายก่อนมีคำสั่งแบน 3 สาร ข้อมูลที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาเป็นข้อมูลเก่าทั้งหมด อีกทั้ง เห็นว่าในการพิจารณามีการชี้นำของรัฐมนตรีในการลงมติ จึงเป็นมติที่ขาดความชอบธรรม เสี่ยงถูกฟ้อง การประชุมใช้เวลาไม่นาน ไม่มีการศึกษาที่รอบด้าน สมัยที่ตนเป็นอธิบดีฯการจะแบนสารเคมีต้องใช้เวลาเป็นปี เพราะต้องดูทั้งผลกระทบ สารทดแทนให้พร้อม แต่ครั้งนี้ ดูเหมือนคณะกรรมการวัตถุอันตรายถูกกดดันหรือไม่
นายอนันต์ยังเสนอว่า รัฐบาลควรทบทวน ก่อนหน้านี้นายกฯสั่งให้ดูให้รอบคอบ เพราะทราบว่ายังไม่มีสารทดแทน ที่บอกกันว่ามีสารชีวะพันธุ์ทดแทนจากผล การศึกษาที่ผ่านมาก็พบว่ามีส่วนผสม ของพาราควอต และ ไกลโฟเสต ทำให้ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน หรือที่ว่าจะใช้กลูโฟซิเนต ก็มีในประเทศไทยมานานแล้ว แต่เกษตรกรไม่ใช้เพราะราคาแพง และประสิทธิภาพด้อยกว่า และยังไม่แน่ว่าสารเคมีตกค้างอาจมากกว่า นอกจากนี้ ตนยังเป็นห่วงการนำเข้าสินค้าที่ใช้ 3 สาร จะเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง รัฐบาลจะเอางบฯไหนมาชดเชยให้เกษตรกร
เครือข่ายขนพยาน10ปากให้การ
นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรกรปลอดภัย กล่าวว่า ทางเครือข่ายนำพยานมาให้ศาลไต่สวนรวม10ปาก ช่วงเช้าศาลได้ให้น.ส.อัญชุลี ผู้ฟ้องชี้แจงประเด็นที่ฟ้อง และนายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ชี้แจงเพิ่มทั้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ 6 ชนิดต้องการให้กระทรวงเกษตรฯ แสดงความโปร่งใสในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวโดยเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการวัตถุอันตรายที่อยู่ที่เกษตรกรหลังวันที่ 1 ธันวาคม 2562 มาตรการหาสารทดแทน วิธีการเลือก ที่กระทรวงเกษตรฯนำเสนอให้เกษตรกรไทยปฏิบัติตาม เมื่อเลิกใช้สารเคมี ตลอดจนรายละเอียด ค่าชดเชย หรือมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมติดังกล่าว รวมถึงแนวทางรับฟังความเห็นร่างประกาศกระทรวงว่าด้วยบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย วิธีการ ช่องทางที่เปิดรับฟังความเห็นเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง เพราะหลายรายไม่สามารถเข้าถึงการรับฟังความเห็นผ่านเว็บไซต์ จี้7วันเปิดฟังความเห็น-มาตรการหลังแบน
“กลุ่มเกษตรกรขอให้กระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวภายใน 7 วันตามสิทธิที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 59 ที่ต้องจัดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารดังกล่าวโดยสะดวก เนื่องจากเกษตรกรจำนวนมากไม่เห็นด้วยต่อมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย พร้อมกับขอให้กระทรวงเกษตรฯลดผลกระทบที่เกิดกับเกษตรกร โดยใช้สถานที่ราชการทั่วประเทศจัดกิจกรรมรับฟังความเห็นร่างประกาศกระทรวงดังกล่าว เละเลื่อนมติดังกล่าวออกไปจนกว่ากระทรวงเกษตรฯจะชี้แจงได้ว่า มีมาตรการรองรับเพื่อเยียวยาเกษตรกร โดยต้องเป็นมาตรการที่เกษตรกรยอมรับได้”นายสุกรรณ์กล่าว
ผลโพลปชช.เห็นด้วยแบน3สาร
วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “การแบน 3 สารเคมีกับการถูกตัดจีเอสพี” จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค 1,258 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงความเห็นต่อมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ให้ยกเลิกการใช้สารเคมีการเกษตร 3 ตัว พบว่า ร้อยละ 55.72 เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะควรยกเลิกตั้งนานแล้ว เนื่องจากเป็นอันตรายต่อร่างกายทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค มีเพียงร้อยละ 10.18 ระบุ ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเกษตรกรยังจำเป็นต้องใช้ เพื่อกำจัดวัชพืชบางชนิดที่สารอื่นใช้ไม่ได้ และยังไม่มีสารเคมีตัวใหม่เข้ามาทดแทน
เชื่อตัดGSPเกี่ยวแบนสารมะกันตอบโต้
ถามถึงความเกี่ยวข้องระหว่างการที่อเมริกาตัดจีเอสพีสินค้าไทยกับการยกเลิกการใช้สารเคมีการเกษตร 3 ตัว พบว่า ร้อยละ 21.30 ระบุว่า เกี่ยวข้องกันแน่นอน เพราะอเมริกาเป็นประเทศผลิตสารเคมี การที่ไทยยกเลิกใช้อาจทำให้เสียผลประโยชน์ ร้อยละ 27.90 ระบุค่อนข้างเกี่ยวข้องกัน เพราะเมื่อไทยยกเลิกสารเคมี อเมริกาตัดจีเอสพีสินค้าไทยทันที ทำให้เห็นว่าเป็นการโต้ตอบจากทางอเมริกาชัดเจน
ส่วนร้อยละ 7.95 ระบุว่า ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกัน เพราะเป็นนโยบายของอเมริกาอยู่แล้ว เป็นการกีดกันทางการค้าปกติ และหากจะยกเลิกรัฐบาลก็ควรจะชี้แจงให้ประชาชนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ร้อยละ 27.98 ระบุว่า ไม่เกี่ยวข้องกันเลย เพราะ สินค้าที่อเมริกาตัดจีเอสพีบางตัวก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องสารเคมี และน่าจะเป็นผลดีมากกว่าที่ไทยส่งจะได้ส่งออกสินค้าปลอดสารเคมี และ ร้อยละ 14.87 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ/ไม่ทราบ.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี