ลูกทีมจ่อไขก๊อกลอต2
อนค.ระส่ำหนัก
รับอุดมการณ์ไม่ตรงกัน
‘ธนาธร’ลุยใต้เพ้อแก้รธน.
อ้างต้องทำให้คนรุ่นหลัง
ตุ๊ดตู่ฟันธงไม่รอดปมหุ้นสื่อ
โพลล์ยกเสี่ยหนูทำงานเยี่ยม
อดีตผู้สมัคร สส.อนาคตใหม่ เผยสัปดาห์หน้าสมาชิกพรรคอีกมากจ่อตบเท้าลาออกลอต 2 อุดมการณ์ไม่ตรงกัน เอือม หน.พรรคโวมีสมาชิก 6 หมื่น ชี้จับตาสิ้นปีจะเหลือสมาชิกกี่คน ขณะที่ “ธนาธร” ลงภาคใต้ปลุกแก้รัฐธรรมนูญด้าน “จตุพร” แกนนำ นปช.ทำนายการเมืองเดือนพฤศจิกายนร้อนระอุ หลายเรื่อง ฟันธง“ธนาธร” ไม่น่ารอดปมหุ้นสื่อ
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นายวรพจน์ บุ่นจันทึก อดีตผู้สมัครสส.เขต 13 นครราชสีมา พรรคอนาคตใหม่ 1 ใน 120 ที่ร่วมตบเท้าลาออกจากพรรคเปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้า จะมีสมาชิกพรรคลาออกเป็นจำนวนมาก ขณะนี้มีการรวบรวมรายชื่อกันกันอยู่ ทุกคนเดินเข้าไปสมัครสมาชิกพรรค เพื่อคิดว่าอุดมการณ์ และที่ผ่านมาทางหัวหน้าพรรค ได้แถลงว่ามีสมาชิกอยู่ประมาณ 60,000คน ตนอยากให้พรรคมองไปข้างหน้าอีก 2 เดือนข้างหน้าเพราะสมาชิกส่วนใหญ่สมัครเป็นรายปี คนที่ไม่ต่ออายุมีอีกจำนวนมาก ตนอยากให้พรรครอดูว่าภายในสิ้นปี 2562 นี้ จะเหลือสมาชิกกี่คน
นายวรพจน์ ยังกล่าวถึง การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พรรคอนาคตใหม่จะส่งผู้สมัครลงแข่งขัน แต่ในการคัดเลือกผู้สมัครทุกคนจะต้องไปแสดงวิสัยทัศน์เพื่อคัดเลือก แต่สุดท้ายพรรคก็เลือกคนของตนเองไปสมัครซึ่งเป็นการสร้างวาทะกรรมให้ประชาชนรับรู้ว่า พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคที่เปิด แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะในพรรคจะฟังแค่ 2 คนเท่านั้น ซึ่งเรามองว่ามันไม่ตรงกับอุดมการณ์ของ 120 คน จึงเดินออกจากพรรค
“ใครจะว่า 120 คน เผาบ้านเผาพรรค เราไม่ได้เผา แต่เดินออกด้วยอุดมการณ์ ถึงแม้ว่าทางพรรคใหญ่บางพรรคได้ทาบทามมา แต่พวกเราไม่ไปและจะไม่กลับไปอยู่พรรคอนาคตใหม่ แต่ยังอยู่ฝั่งประชาธิปไตย” นายวรพจน์ กล่าว
‘ธนาธร’ลงใต้ลุยปลุกแก้รธน.60
ที่โรงแรมชัยคณาธานี จ.พัทลุง เครือข่ายภาคประชาสังคมกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมจัดเวทีเสวนา “แก้ปัญหาปากท้องประชาชน ต้องแก้รัฐธรรมนูญ?”โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ร่วมเวทีเสวนาและรับฟังปัญหาจากเครือข่ายต่างๆโดยเริ่มต้นด้วยการถามผู้เข้าร่วมว่าหากสมมุติว่าที่นี่เป็นสภา แล้วเราต้องตัดสินใจว่ามีงบประมาณก้อนหนึ่งประมาณ 2-3หมื่นล้านบาท จะเอาไปทำอะไร4ตัวเลือก 1.เพิ่มเบี้ยเลี้ยงดูบุตรจากคนละ 600 บาทต่อเดือนสำหรับคนจน เป็น 700บาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า ใช้งบ 1.7หมื่นล้านบาท 2.นำไปพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก 10,000โรงทั่วประเทศ โรงละ 2 ล้านบาท ใช้งบ 2 หมื่นล้านบาท 3.นำไปอุดหนุนค่าสัมปทานให้กับบริษัทโทรคมนาคมที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ 2หมื่นล้านบาท หรือ 4.นำไปซื้อเรือดำน้ำ3หมื่นล้านบาท ปรากฎว่าทุกคนในห้องร่วมกันยกมือให้กับตัวเลือกที่1และ2โดยไม่มีใครเลือกตั้งเลือกที่3และ4เลยแม้แต่คนเดียว
นายธนาธรกล่าวว่าหากนี่เป็นสภาจริงๆเราคงจะได้นำงบประมาณไปพัฒนาสิ่งเหล่านี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ในความเป็นจริงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมา ได้มีการใช้ม.44ไปลดค่าสัมปทานให้กับทุนคมนาคมไปแล้วกว่า2หมื่นล้านบาท และซื้อเรือดำน้ำไปแล้ว3หมื่นล้านบาท นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ความจนหรือรวยในประเทศนี้ ไม่ใช่เรื่องของบุญทำกรรมแต่ง เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ยังยากจน เป็นเพราะพวกเขาไม่มีอำนาจสิ่งที่เรามานั่งพูดกันวันนี้ รัฐธรรมนูญ2560ก็คือเรื่องของอำนาจ
อัดยับจัดสรรงบไปเอื้อกลุ่มทุน
“นี่คือเรื่องอำนาจที่จะเอางบจากภาษีประชาชนกว่า3ล้านล้านบาท จะเอาไปใช้เพื่อใคร ถามว่าทำไมในข้อเท็จจริงมันกลับถูกนำไปใช้ในสิ่งที่คนทั้งห้องนี้ไม่ได้เลือกเลย คำตอบเพราะอำนาจไม่ได้อยู่ที่ประชาชน และรัฐธรรมนูญ60คือรัฐธรรมนูญที่บอกว่า อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งสูงส่งกว่าอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง นี่คือรัฐธรรมนูญที่ไม่มีอำนาจของประชาชนอยู่ในนั้น ที่มาของอำนาจมาจากไหนอำนาจต้องรับใช้คนกลุ่มนั้น คนที่มีอำนาจในปัจจุบัน ก็คือกลุ่มคนเดียวกันกับที่รัฐประหารปี 2557มาจากระบบราชการ กลุ่มทุน ปืนและรถถังไม่มีประชาชนเป็นที่มาของอำนาจ พวกเขาจึงออกแบบงบประมาณออกมาแบบนี้ ไปอุ้มกลุ่มทุน ไปหล่อเลี้ยงระบบราชการที่ใหญ่เทอะทะ”นายธนาธร กล่าว
ลั่นคิดทะเยอทะยานเพื่อคนรุ่นต่อไป
นายธนาธร กล่าวว่า ดังนั้น ถ้าเราอยากเห็นสังคมไทยเดินไปข้างหน้า โดยที่ดอกผลของการพัฒนาได้รับการแจกจ่ายอย่างถ้วนหน้า ถ้าเราอยากเห็นสังคมไทยอยู่ในโลกาภิวัฒน์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ถ้าเราอยากเห็นงบประมาณถูกนำไปใช้เพื่อประชาชน ถ้าเราอยากเห็นสิ่งเหล่านี้ เราต้องแก้รัฐธรรมนูญ
นี่คือโจทย์ใหญ่ว่าตกลงอำนาจในประเทศนี้ เป็นของใคร อำนาจในการจัดสรรงบประมาณ 3.2ล้านล้าน ใครควรจะได้เป็นคนจัดสรร นี่คือเวลาที่เราต้องคิดอย่างทะเยอทะยานเพื่อคนรุ่นต่อไป เพื่อให้ปัญหานี้จบในคนรุ่นเรา ว่าอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรในประเทศนี้ ควรอยู่ที่ประชาชน และเพื่อจะแก้ปัญหานี้ เราต้องทำให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตย, ยุติระบบราชการรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง,การลดบทบาทของกองทัพ มีการแต่การทำ 3 อย่างนี้เท่านั้น ประเทศไทยถึงจะเดินไปข้างหน้าได้ และจะทำอย่างนี้ได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าก้าวแรกก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
‘จตุพร”ฟันธงธนาธรไม่รอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้กล่าวช่วงหนึ่งในบันทึกเทปรายการลมหายใจ พีซทีวีเวทีทัศน์เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาว่าส่วนแนวโน้มการเมืองในเดือนพ.ย.นี้คาดการณ์ผ่านช่วงชีวิตต่อสู้ในหลาย10ปีและเชื่อว่านอกจากเกิดเรื่องใหญ่เกี่ยวกับกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีโอนหุ้นสื่อฯของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในวันที่ 20 พ.ย.แล้ว ยังจะมีอีกหลายเรื่องประเดประดังกันเข้ามาเชื่อมโยงไม่จบสิ้นอีก
ฟันธง’ธนาธร’ไม่รอดคดีหุ้นสื่อ
พร้อมยังมั่นใจว่าจากการดูกระดานการเมืองนี้ คิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากนายธนาธรจะพ้นสภาพจากการเป็น ส.ส. ดังที่ตนเคยโดน ในมาตราเดียวกัน แต่คนละวงเล็บ พ้นสภาพจาก ส.ส.แน่ แต่จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองกี่ปีนั้น อยู่ที่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ยังไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับการยุบพรรค แต่หลังจากนั้น ก็คงไม่รอด เรื่องแบบนี้ เมื่อโดนครั้งหนึ่ง ก็มักจะตามมาเป็นรวงผึ้ง
“ผมทำการเมืองมาตั้งแต่เด็ก ในหลายสิบปีมานั้น ผ่านทั้งการเคลื่อนไหวบนถนนและเวทีสภาผู้แทนราษฎรจึงมีความเข้าใจว่า เมื่อขึ้นต้นเหตุการณ์อย่างไร ย่อมจบอย่างไรและปลายทางจะเป็นอย่างไร ในช่วงการชุมนุมทางการเมืองนั้น ผมบอกพรรคพวกเสมอ การตัดสินใจเลือกชีวิต เลือกอนาคตให้เป็นเสรีภาพใครจะอยู่ใครจะไป เพราะปลายทางมันจบแล้ว”นายจตุพร กล่าว
พปชร.มั่นใจ รบ.ชี้แจงซักฟอกฉลุย
ทางด้านซีกรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ขู่จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่าเท่าที่ทราบพรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ จะรอดูข้อมูลอย่างรอบคอบก่อน ต้องชื่นชมการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านภายใต้การนำของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯที่ทำงานอย่างสร้างสรรค์ เป็นฝ่ายค้านยุคใหม่ แม้การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะสามารถยื่นได้ปีละ1ครั้ง แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านคงต้องดูข้อมูลด้วยว่า มีน้ำหนักหรือหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ เพราะหากข้อมูลไม่เพียงพอและไม่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน สู้ไม่ยื่นอภิปรายเสียยังดีกว่า
โพลปชช.พอใจผลงานรัฐบาล
ขณะที่ กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “รัฐมนตรีผลงานโดดเด่นไตรมาสแรก ในสายตาประชาชน”โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,199 คน พบว่า โครงการหรือผลงานที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุดในไตรมาสแรกของการบริหารงานรัฐบาลคือ ชิม ช้อป ใช้ เฟส 1และ เฟส 2 คิดเป็นร้อยละ 31.5 รองลงมาคือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คิดเป็นร้อยละ 30.7 กัญชาเพื่อการแพทย์ คิดเป็นร้อยละ 28.4 ยกระดับ อสม.หมอประจำบ้าน คิดเป็นร้อยละ 28.1 และรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คิดเป็นร้อยละ 25.9
ชอบ‘เสี่ยหนู-อนุทิน’ขึ้นอันดับ1
สำหรับรัฐมนตรีที่มีผลงานเด่นชัดเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข คิดเป็นร้อยละ43.6 รองลงมา คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม คิดเป็นร้อยละ25.4 นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง คิดเป็นร้อยละ19.6 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ คิดเป็นร้อยละ17.5 และ มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ คิดเป็นร้อยละ15.3
ฝ่ายค้านไม่พร้อม-อนค.ยังมีศึกใน
นายธนกร กล่าวอีกว่า7พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะมีการประชุมหารือกันในวันที่ 5 พ.ย.นั้นหากพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติที่จะยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็พร้อมที่จะชี้แจงในทุกเรื่อง เพราะมั่นใจว่าที่ผ่านมารัฐบาลบริหารงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก จึงนึกไม่ออกว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องอะไรเพราะจากที่ติดตามข่าว มองว่าประเด็นยังไม่ถึงขั้นที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้และรัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารงานได้ไม่กี่เดือน อีกทั้ง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี2563ก็เพิ่งผ่านวาระแรก อีกทั้ง แกนนำหลักฝ่ายค้านอย่าง พรรคอนาคตใหม่ก็คงไม่ค่อยพร้อม เพราะต้องเอาเวลาไปแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคกรณีที่อดีตผู้สมัครส.ส.ลาออกจำนวนมาก รวมทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เองก็ต้องเอาเวลาไปแก้ต่างในคดีต่างๆ อีกด้วย
“เทวัญ”รอฝ่ายค้านเคาะยื่นซักฟอก
ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร(วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านขู่เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า คงต้องรอให้ฝ่ายค้านยื่นก่อนดีกว่า เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ฝ่ายค้านจะยื่นจริงหรือเปล่า อาจไม่ยื่นก็ได้ แต่หากยื่นจริง เรื่องของเวลาอภิปรายต้องไปตกลงกัน เพราะอย่างการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 63 ตอนแรกบอก 2 วัน ตอนหลังเป็น 3 วัน ตนว่าเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน รวมถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.)ทั้ง 3 ฝ่ายตกลงกันถึงเวลาที่เหมาะสม และต้องดูว่าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใครบ้าง เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะอภิปรายทั้งคณะ หรือเป็นรายบุคคล ต้องรอดูความชัดเจนของฝ่ายค้านยื่นก่อนถึงจะกำหนดเวลาที่เหมาะสมได้
ปัดตอบ นายกฯไปแจง กมธ.ปปช.
ที่ อิมแพ็คฟอรั่มเมืองทองธานี นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวเพียงสั้นๆถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎรออกหนังสือเชิญเป็นครั้งที่ 2 ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไปชี้แจงกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญและเสนอร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563ว่าขณะนี้ขอให้ความสนใจกับการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ก่อน ส่วนเรื่องอื่น ยังมีเวลาและยังไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปชี้แจงด้วยตัวเอง หรือ ส่งหนังสือชี้แจงไป เอาไว้จะแจ้งให้ทราบเป็นข่าวพร้อมกันทีเดียว ย้ำว่าขณะนี้ประชุมอาเซียนสำคัญกว่าเรื่องอื่น
ลั่นปชป.เริ่มสะเดาะกุญแจแก้รธน.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560ในสมัยประชุมสมัยสามัญนี้ว่า เรื่องดังกล่าว อยู่ในวาระที่2ที่สภาฯจะพิจารณา เรื่องนี้เป็นนโยบายที่พรรค ปชป.มีส่วนผลักดันตั้งแต่ต้นเป็นหนึ่งใน 3 เงื่อนไขที่กำหนดไว้ตอนเข้าร่วมรัฐบาล และรัฐบาลก็ยอมรับและให้ความเห็นชอบบรรจุไว้ในนโยบายเร่งด่วนที่แถลงต่อรัฐสภาฯ ส่วนงานในสภาฯก็ต้องรอที่ประชุมสภาฯและที่ประชุมกรรมาธิการ เมื่อมีการจัดตั้งแล้วว่าสุดท้ายความเห็นร่วมกันของสภาฯควรจะแก้ไขในประเด็นใดบ้าง
“ในส่วนของพรรคเรา มีแนวทางชัดเจนว่าเราอยากเริ่มต้นที่หมวดว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญนี้แก้ไขยากมากก็อยากเริ่มที่การสะเดาะกุญแจให้เปิดประตูไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยให้ได้เสียก่อน พรรคปชป.มีแนวทางชัดเจนขอให้เริ่มต้นตรงนี้”หัวหน้าพรรค ปชป.ย้ำ
ย้ำไม่กังวล-พรรคร่วม รบ.เห็นร่วมกัน
เมื่อถามว่าท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนมีพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวที่เดินหน้าในเรื่องนี้ นายจุรินทร์ กล่าวว่าเรื่องนี้มีความชัดเจนในตัวของอยู่แล้วในนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภาฯแปลว่าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นร่วมกันอยู่แล้วจึงไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นที่น่ากังวลอะไร และเรื่องนี้ได้คุยกันในวิปรัฐบาลมีการประสานงานกันได้ด้วยดี แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอความเห็นของสภาฯนิดหนึ่งเพราะการแก้รัฐธรรมนูญจะดำเนินการลำพังพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งมันทำไม่ได้ต้องเป็นความเห็นร่วมของสภาฯทั้งสภาฯ เพราะการจะแก้ไขได้ต้องใช้เสียงจำนวนมาก
เมื่อถามย้ำว่าได้พูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทยในประเด็นนี้บ้างหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในนโยบายรัฐบาล ทุกพรรคก็เห็นชอบกับนโยบายเพียงแต่รอสภาฯลำพังซีกรัฐบาลอย่างเดียวไม่สำเร็จต้องรอฝ่ายค้านและวุฒิสมาชิกด้วย ส่วนที่ฝ่ายค้านเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในประเด็นเรื่องเศรษฐกิจนั้น ตนไม่มีความเห็นตรงนี้เพียงแต่ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจถ้าเป็นไปตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ คงต้องถามฝ่ายค้านจะยื่นเมื่อไหร่อย่างไรและยื่นรูปแบบไหน เพราะสามารถยื่นอภิปรายที่ตัวนายกฯหรืออภิปรายรัฐมนตรีฝ่ายบุคคล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี