หัวหน้า ปชป. รับมติพรรคหนุน “มาร์ค” นั่งปธ.แก้รธน.โยนวิปถกพปชร.หลังส่ง “สุชาติ”ชน ชี้แก้รัฐธรรมนูญจะประสบความสำเร็จได้ 3ประสาน “ส.ส.รัฐบาล- ฝ่ายค้าน - ส.ว.” ต้องเห็นพ้องร่วมกัน
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ที่ จ. กาญจนบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคมีมติเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า กรณีดังกล่าว ถือเป็นมติพรรคประชาธิปัตย์ และมอบหมายให้วิปรัฐบาล ไปหารือกับพรรคร่วม ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ทำมาตามปกติ ส่วนผลการหารืออย่างไร ก็ต้องแล้วแต่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล จากพรรคประชาธิปัตย์ และมีผลอย่างไรนายชินวรณ์ จะนำมาแจ้งให้ที่ประชุม ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ทราบต่อไป
“การแก้รัฐธรรมนูญนั้นจะประสบความสำเร็จได้อย่างน้อย3ฝ่าย จะต้องมีความเห็นพ้องต้องกัน ในเบื้องต้นคือ ทั้งสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งประกอบด้วยซีกรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนว่า การจะแก้รัฐธรรมนูญได้นั้น จะต้องใช้เสียงข้างมากเกินกว่ากึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา แล้ว ในจำนวนเกินกว่าครึ่งหนึ่งต้องประกอบด้วยเสียงของฝ่ายค้านไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 และยังกำหนดอีกว่า ในจำนวนนั้นต้องเป็นเสียงวุฒิสมาชิกไม่ต่ำกว่า 1ใน 3 และในบางประเด็น อาจจะต้องมีองคาพยพที่สี่คือ ต้องนำไปทำประชามติเพื่อฟังเสียงจากประชาชนเสียก่อนด้วย ดังนั้นการแสวงหาความร่วมมือของทุกฝ่ายจะเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการถ้าประสงค์จะให้การแก้แล้วธรรมนูญเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแท้จริง ดังนั้นการนำเข้าหารือในสภาผู้แทนราษฎรจึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย” หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเตรียมประสานงานพูดคุยระหว่างหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ได้รับการติดต่อหรือยัง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่เรามีกลไกวิปรัฐบาลอยู่ ในการที่จะเป็นเวทีหารือเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน
เมื่อถามว่า หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้จะมีการหารือนอกรอบระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี เพียงแต่ขอย้ำว่า เรามีกลไกของวิปรัฐบาลกันอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองอยู่ที่นั่นแล้ว
เมื่อถามว่า แสดงว่าผลการหารือของวิปรัฐบาลจะต้องได้ชื่อจากบุคคลที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์และจากพรรคพลังประชารัฐ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ประธานวิปของพรรคคงแจ้งให้ทราบว่า มีความประสงค์ที่จะ สนับสนุนใคร ส่วนพรรคการเมืองอื่นก็มีสิทธิ์เช่นเดียวกันที่จะมีความเห็นว่า ควรจะเสนอชื่อใคร และสุดท้ายคงหารือและหาข้อยุติร่วมกัน ซึ่งก็ต้องรอตรงนั้น
เมื่อถามถึงแนวโน้มการนำไปสู่นโยบายแก่รัฐธรรมนูญ จะทำได้หรือไม่ เพราะเพียงแค่ตั้งกรรมาธิการศึกษาก็ยังวุ่นขนาดนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนได้แสดงความเห็นไปแล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะ เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน และวุฒิสมาชิก เพราะไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจะเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นถ้าหวังจะประสบความสำเร็จในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้จริงก็ต้องร่วมมือกันทั้งสามฝ่าย และต้องไม่ขัดแย้งกันโดยไม่จำเป็น จนสุดท้ายทำให้มีความเห็นร่วมกันไม่ได้ และจะทำให้การแก้ไขและธรรมนูญล่มโดยไม่จำเป็น
เมื่อถามย้ำว่า มีความมั่นใจว่า จะไม่ถูกยื้อเวลาใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสภาที่จะเป็นผู้พิจารณาในญัตติมีการเสนอไปแล้ว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้เสนอญัตติเข้าไป
เมื่อถามว่า กรณีที่พรรคพลังประชารัฐเตรียมเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และยังจะมีการเสนอชื่อคนอักษรย่อ ส. เสือคนอื่นด้วย ซึ่งเป็นคนที่หลายฝ่ายให้การยอมรับ นายจุรินทร์ กล่าวว่า คงต้องมีการไปหารือในที่ประชุมวิปรัฐบาล เพราะวิปรัฐบาลคือที่ประชุมร่วมของวิปพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค และเป็นที่พิจารณาหาข้อยุติ
ส่วนกรณีที่ถูกวิจารณ์ว่า เป็นการซื้อเวลา ทำไมจึงไม่เข้าสู่กระบวนการแก้ไขและธรรมนูญไปเลย นายจุรินทร์ กล่าวว่า นี่คือกระบวนการของสภาผู้แทนราษฎรซึ่งคิดว่า ทุกพรรคการเมือง ได้มีความเห็นพ้องต้องกันในการที่จะให้นับหนึ่งด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการโดยมีตัวแทนจากคนภายนอกและตัวแทนจากพรรคการเมืองเข้าไปร่วมพิจารณาร่วมกันว่า มีประเด็นใดบ้างที่ควรจะดำเนินการแก้ไข แล้วจึงนำกลับมาสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี