‘บิ๊กตู่’พูดชัด
หนุนแก้รธน.-เป็นนโยบายรบ.
จี้ต้องตอบให้ได้ทำเพื่อใคร
‘ชวน’ชี้ถกไม่ทันสัปดาห์นี้
“บิ๊กตู่” ยันไม่ขัดข้อง พร้อมหนุนแก้ไขรธน.ชี้เป็นนโยบายรัฐบาล ต้องตอบปชช.ให้ได้ แก้ไปเพื่อใคร ส่วนการตั้งปธ.กมธ.ให้เป็นไปตามกลไกสภา “ชวน”รับญัตติตั้งกมธ.ศึกษาแก้รธน.อาจไม่ทันสัปดาห์นี้ ชี้เลื่อนขึ้นพิจารณาก่อนได้ แต่ต้องถกวาระรับทราบรายงานเสร็จสิ้นก่อน เล็งหารือ’รัฐบาล-ฝ่ายค้าน’เปิดประชุมนัดพิเศษ เคลียร์ญัตติค้างกว่า100 ขณะที่‘สุทิน’เสนอเพิ่มวันประชุม หวังดันญัตติได้ทัน
เมื่อวันที่ 12พฤศจิกายน ที่ห้องประชุมอรพิม ชั้น 2 อาคารบริการวิชาการและบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 (กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี) ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 ถือเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐบาล ประยุทธ์ 2 โดยมีนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรีได้มาถือป้ายต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ มีข้อความ อาทิ “เรารักนายกฯลุงตู่”, “FC.ลุงตู่”, “รักลุงตู่”,”We love ชิมช้อปใช้”และ”รักคนเมืองกาญจน์นานๆนะ”
หยอดคำหวานรักจริงหรือเปล่า
โดย นายกรัฐมนตรีได้เดินเข้าไปถ่ายรูปและเซลฟี่ กับนักศึกษาอย่างเป็นกันเอง พร้อมกล่าวทันทีว่า”ดีใจและรักลุงตู่จริงหรือเปล่า ขอให้กำลังใจทุกคน เมื่อเรียนจบไปเป็นครู ก็ขอให้เป็นครูรุ่นใหม่ ไม่ใช่สอนวิชาการเพียงอย่างเดียว ทุกคนตั้งใจเรียนและเลือกเรียนคณะที่ตลาดมีความต้องการ ขอให้เป็นเด็กดี”
ทั้งนี้ เมื่อนายกฯเห็นป้ายข้อความที่นักศึกษาเขียนว่า”We love ชิมช้อปใช้”จึงถามว่า ได้ใช้หรือเปล่าซึ่งนักศึกษาตอบว่า”ใช้ครับ”จากนั้น นายกฯได้ชมนิทรรศการสินค้าโอทอปที่เป็นภูมิปัญญาของชาวจังหวัดกาญจนบุรีพร้อมถ่ายภาพหมู่กับ ครม.
ส่องเมนูทั้งคาวหวานครม.สัญจร
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 จังหวัดกาญจนบุรี ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)จัดรายการอาหารกลางวัน ทั้งคาวหวานให้แก่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ประกอบด้วย สลัดกุ้งทอด,ฉู่ฉี่ปลาคัง,น้ำพริกมะสัง, ผักหวานผัดไข่,ปลากดเหลืองทอดน้ำปลา,ต้มข่าปลาสลิด,ห่อหมก ส่วนอาหารว่าง ประกอบด้วย เมล่อน,แก้วมังกร,สับปะรด,ทองม้วนสด,ขนมถ้วย,ปอเปี๊ยะทอด, สาคูไส้หมู,ข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก
‘บิ๊กตู่’ยันพร้อมหนุนแก้ไขรธน.
เวลา12.50น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม (กห.)ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม.สัญจร ถึงการการสรรหาตำแหน่งประธานคณะกรรมการธิการ (กมธ.)วิสามัญศึกษาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ก็ต้องว่า กันต่อไป เป็นกลไกของรัฐสภา และกลไกลของคณะกรรมาธิการต่างๆก็ต้องไปว่ากันไป ตนไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในตรงนี้ แต่ก็ยินดีที่จะสนับสนุนเพราะเป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาลอยู่แล้วและตามนโยบายที่ได้แถลงไปแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ย้ำต้องตอบให้ได้แก้เพื่อใคร
“ก็ต้องไปตอบคำถามประชาชนให้ได้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น แก้เพื่อใครและเพื่ออะไร จะเป็นการแก้ไขในมาตราใดก็ตาม ถือเป็นความเห็นชอบร่วมกัน ซึ่งก็ต้องเป็นไปตามความต้องการของประชาชน เห็นว่า มีบางเรื่องจะต้องทำประชาพิจารณ์ด้วย ก็ต้องไปว่ากันมา ผมไม่ได้ขัดข้องอะไรทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชนด้วย”พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำ
วอนอย่าดึงนายกฯไปเกี่ยวด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า หลายเรื่องรัฐบาลต้องทำงานและหาวิธีการที่เหมาะสม ตามกฎหมายที่มีอยู่ กฎระเบียบและกฎหมายบางฉบับที่ไม่ทันสมัย หรือมีอุปสรรคก็ต้องแก้ไข เราต้องไม่ไปหลีกเลี่ยงหรือ หลบเลี่ยงหลักการสำคัญ เพียงแต่ปรับให้สามารถแก้ไขได้ จะเห็นได้ว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน ต้องขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วม มีความตั้งใจ วันนี้รัฐบาลทำงานคนเดียวไม่ได้อยู่แล้ว ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนและประชาชน รวมถึงสื่อจะต้องช่วยรัฐบาล สร้างความเข้าใจ และเร่งแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นมาอีก รัฐบาลนี้เอาจริงเอาจังในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย อยากจะขอร้องว่าอย่าเอารัฐบาล หรือตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลไกกฎหมาย กลไกรัฐสภา ส.ว.ตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น เป็นเพียงเรื่องของทุกคนที่ต้องทำงานให้กับประเทศ
สั่งครม.รับมือซักฟอก-กระทู้สด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงาน ครม.ถึงการเตรียมตอบกระทู้อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวมถึงกระทู้สดอื่นๆ ที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นต่อสภา และรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงต้องไปตอบ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้รัฐมนตรี ที่จะต้องตอบกระทู้ กลับไปเตรียมข้อมูลในประเด็นที่สังคมยังมีคลางแคลงสงสัยให้พร้อม และจะนำมาหารือร่วมกันในที่ประชุม ครม.อีกครั้ง
ตั้งกมธ.แก้รธน.ไม่ทันสัปดาห์นี้
วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์นี้ ว่ามีกระทู้ทั่วไป ทั้งหมด 4 กระทู้ และ กระทู้ถามด้วยวาจา ที่จะทราบในวันที่ 13 พ.ย.นี้รวมถึงมีวาระเพื่อทราบเข้ามาจำนวน 7 เรื่อง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ให้ต้องรายงานประจำปีให้สภาผู้แทนราษฎร รับทราบ รวมถึง เรื่องที่คณะกรรมาธิการ พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว 2 เรื่อง ดังนั้นรวมแล้วมีมากกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งใช้เวลาพิจารณา 2 วัน อาจทำให้ญัตติเพื่อจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ต้องถูกเลื่อนไปสัปดาห์หน้า แต่หากสมาชิกไม่อภิปรายกันมากเกินไปก็มีโอกาสที่จะพิจารณาญัตติเรื่องด่วนที่ค้างอยู่ในวันที่14 พ.ย.นี้จึงขึ้นอยู่กับจำนวน ส.ส.ที่จะให้ความสนใจอภิปราย
ถกนัดพิเศษเคลียร์ญัตติค้างสภา
เมื่อถามถึงกรณีที่บางฝ่ายอยากให้เลื่อนจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว ขึ้นมาพิจารณาก่อน นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สามารถเลื่อนขึ้นมาได้ แต่ควรให้วาระรับทราบรายงานเหล่านี้ หมดไปก่อน เพราะจะได้ไม่เสียเวลา ผู้มารอชี้แจง และ จะหารือกับผู้ควบคุมเสียงทั้ง 2 ฝ่าย ว่า จะจัดประชุมพิเศษวันศุกร์ในเดือนนี้ 1 ครั้ง หรือเดือนหน้าอีก 1 ครั้ง เพื่อพิจารณาญัตติที่ค้างกว่า 100 ญัตติ
ชงเพิ่มวันประชุม-ดันกมธ.แก้รธน
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.)นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังประชุมวิปฝ่ายค้านโดยนายสุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมห่วง เรื่องวาระการประชุมที่ล่าช้าและวาระรับทราบที่เยอะมาก การบริหารวาระไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อญัตติอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าสู่ที่ประชุม จึงจะเสนอให้ประธานสภาฯหาแนวทางปรับปรุงการประชุมสภา เช่น1.เพิ่มวันประชุมพิเศษขึ้นมา เพื่อพิจารณาญัตติพิเศษโดยเฉพาะเดือนละ 2 ศุกร์ 2.ให้แยกวันโดยวันพุธ จะหารือเรื่องกระทู้และวาระเพื่อทราบเท่านั้น ส่วนวันพฤหัสบดี เป็นการพิจารณาญัตติหรือกฎหมายต่างๆ และ 3.ให้มีการเลื่อนญัตติที่เป็นสาระสำคัญขึ้นมาพิจารณาก่อน
คาดยื่นญัตติซักฟอกปลายพ.ย.
นายสุทินกล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าหลังจากฟังเสียงสังคมก็ได้ข้อสรุปว่าสังคมส่วนมากเห็นด้วยที่จะให้เราอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วนที่ไม่เห็นด้วย เป็นส่วนน้อยถือเป็นกำลังใจและเป็นต้นทุนที่จะผลักดันให้เราทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไปโดยในสัปดาห์นี้จะได้ทำงานลงลึกในรายละเอียด คาดว่าสิ้นเดือนนี้ จะสามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ซึ่งนอกจากกำลังใจแล้วชาวบ้านยังให้ข้อมูลเบาะแส หลักฐานเข้ามาจำนวนมาก จึงเชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้ จะทำกันแบบมีส่วนร่วมระหว่างประชาชนกับผู้แทนในสภา
เมื่อถามว่า หากญัตติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เลื่อนออกไป จะส่งผลต่อญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ และจะต้องมีการปรับแผนอะไรหรือ ไม่อย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า เชื่อญัตติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญนี้ น่าจะจบภายในสิ้นเดือนนี้ และเชื่อว่าไม่กระทบกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ย้ำไร้’ธนาธร’ไม่กระทบซักฟอก
เมื่อถามว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นหลังจากที่ศาลฯมีคำวินิจฉัยกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะกระทบต่อรูปแบบการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่าก็คงปรับบ้างเรื่องตัวบุคคล แต่เป้าหมายและทิศทางคงไม่เปลี่ยนแปลง การอภิปรายครั้งนี้ จะอภิปรายภายใต้คำจำกัดความว่า”ไม่ไว้วางใจ”จริงๆโดยแบ่งเป็นกลุ่มเช่นกลุ่มทุจริต กลุ่มไร้ความสามารถ กลุ่มความไม่เหมาะสม ในการเป็นผู้บริหารประเทศ ทั้งการละเมิดกฎหมายอยู่เป็นนิสัย การทำลายโอกาส เครดิตประเทศในการแข่งขันฯลฯ เราไม่สามารถปล่อยให้บริหารประเทศต่อไปได้
วิษณุรับถกแกนนำพปชร.ดูกมธ.
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวร่วมประชุมกับรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เกี่ยวกับการตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวันอังคารที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ไม่เคยประชุมอย่างเป็นทางการ เพียงแต่คุยกันเล่นๆ ระหว่างนั่งรับประทานข้าว ไม่เคยมีข้อสรุปอะไร แต่มีการเอ่ยคนจะไปเป็น กมธ.ประมาณ 10คน จากนั้น ให้วิปรัฐบาลไปหารือ ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)จะหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาหารือหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
ชี้ต้องมีสว.ร่วมด้วยป้องกันขัดแย้ง
ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาดังกล่าว แสดงว่าถูกแอบอ้างชื่อใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ได้คุยกันจริง ไม่ใช่การหารือ มีการเอ่ยถึงคนนั้นคนนี้ ควรจะมีคนนอกหรือควรจะมี ส.ว.ด้วยหรือไม่ ซึ่งตนให้ข้อสังเกตว่า ควรให้มี ส.ว.เข้ามาด้วย เพราะถ้าไม่มีจะทำให้เกิดความขัดแย้งได้ง่าย ส่วนจะเป็นใครก็สุดแท้แต่ ทางที่ดีไปถามวิปวุฒิสภา ให้เขาเป็นคนส่งรายชื่อมา ส่วนที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. ระบุว่า ส.ว.ไม่ควรเข้าร่วม เพราะเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรนั้น ก็แล้วแต่ เราคุยกันเช่นนั้น พล.อ.สมเจตน์จะว่าอย่างไรเป็นเรื่องของเขา
แนะตั้งคนกลางไม่สังกัดพรรค
เมื่อถามว่าที่พล.อ.สมเจตน์ให้ความเห็นเช่นนี้แสดงว่าส.ว.ไม่อยากเข้าร่วมใช่หรือไม่นายวิษณุกล่าวว่ามีคนที่อยากจะมา ตนไปร่วมงานแต่งงานก็มีคนเข้ามาบอกหลายคนว่าอยากจะมาเป็นกมธ.เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าหลายพรรคการเมืองอยากจะแก้อำนาจ ส.ว.ถ้าเข้ามาจะถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่นายวิษณุย้อนถามกลับว่าแล้วส.ส.มีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ก็มีด้วยกันทั้งประเทศ รัฐธรรมนูญเป็นของประเทศจึงไม่เกี่ยวกับส่วนได้ส่วนเสีย มีด้วยกันทั้งหมด หากไม่อยากให้ใครมีส่วนได้ส่วนเสีย กมธ.ก็ต้องเป็นกลาง ไม่สังกัดพรรคการเมืองอะไรแต่นี่อุตส่าห์มาแบ่งโควต้ากันจึงไม่ต้องมาพูดเรื่องส่วนได้ส่วนเสีย
พท.ชี้ปธ.พรรคร่วมต้องเห็นพ้อง
ขณะ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงการหารือกันระหว่างแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหาข้อยุติในตำแหน่งของประธานกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่ามีการพูดคุยกันเป็นระยะๆอยู่แล้ว แต่ในการประชุมครม.วันนี้ ถ้ามีโอกาสก็จะมีการคุยกัน แต่คงคุยแบบไม่เป็นทางการ ตอนนี้มีหลายคนให้เลือก
และเรื่องนี้สำคัญคือต้องหารือกันในพรรคร่วม ขณะนี้ได้เริ่มพูดคุยกันแล้ว ทั้งนี้ จะเป็นอย่างไร หรือจะเป็นใคร ก็เป็นไปได้หมด อยู่ที่การหารือกัน เราต้องดู บุคลากรที่เหมาะสมที่สุด ต้องคุยกันโดยความต้องเห็นพ้องต้องกันของพรรคร่วมรัฐบาล โดยไม่จำเป็นที่นายกฯต้องมาหารือด้วย ให้เป็นหน้าที่ของพวกตนและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเอง ในการพูดคุยวันนี้ เป็นการคุยกันทั่วๆไป ซึ่งในสัดส่วนกมธ.พรรคพปชร.มีรายชื่ออยู่แล้ว ตามโควต้าที่พรรคได้ตกลงกับพรรคร่วมไว้ น่าจะประมาณ 10 กว่าคน
‘พุทธิพงษ์’เผยทาบคนนอก2-3คน
นายพุทธิพงษ์ ปุณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการคัดเลือกบุคคลที่จะเป็นประธานคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าถึงตอนนี้ก็ได้ระดับหนึ่งแล้ว ยืนยันว่า คนที่จะมาจากพรรคพลังประชารัฐจะต้องเป็นคนที่มีความเข้าใจในเรื่องรัฐธรรมนูญและสามารถควบคุมการประชุมให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ทุกพรรคมีประเด็นที่แตกต่างกันไป
เมื่อถามว่าหากหลายฝ่ายมองว่าถ้าประธานกรรมาธิการเป็นคนนอกจะมีความเหมาะสมกว่าในการทำหน้าที่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ก็ต้องดู ขณะนี้มีคนนอกประมาณ2-3 คนแล้ว รวมถึงมีคนในด้วย ซึ่งหากมีโอกาสก็คงจะได้พูดคุยกัน และความจริงวันนี้ก็อาจจะได้พูดคุยกันแต่นายกฯติดภารกิจจึงต้องรีบเดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่ก็ได้มีการพูดคุยกันแล้วเบื้องต้นคาดว่าในสัปดาห์หน้าอาจจะได้ข้อสรุป
ณัฏฐพลย้ำปธ.ต้องเป็นคนพปชร.
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกรณีการพิจารณาคนที่เหมาสมเป็นประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ยังอีกนาน ซึ่งวันนี้อาจจะมีโอกาสพูดคุยกับผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง และที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกันเป็นระยะอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคพลังประชารัฐมีความชัดเจนว่าตำแหน่งดังกล่าวจะเป็นบุคคลที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ ส่วนจะเป็นบุคคลอื่นจากพรรคร่วมหรือไม่นั้น คงต้องให้ผู้ใหญ่ทุกฝ่ายคุยกัน แต่โดยมารยาทตนก็ยังยืนยันว่าตำแหน่งดังกล่าวต้องเป็นของพรรค อาจเป็นคนใน หรือ คนนอกก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
“ที่สำคัญต้องมีความเข้าใจในเรื่องของรัฐธรรมนูญหลายฉบับ รวมทั้งมีประสบการณ์ เช่นเดียวกับคนที่จะมานั่งเป็นกมธ.ก็ต้องเป็นส.ส.ที่มีประสบการณ์พอสมควรในสภา รวมทั้งเข้าใจรัฐธรรมนูญด้วย ขณะนี้มีผู้ที่เหมาะสมอยู่หลายคนและความเหมาะสมที่สำคัญที่สุดคือต้องเป็นพลังประชารัฐ”นายณัฏฐพลย้ำ และยอมรับว่านายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็เป็นอีกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
มั่นใจไม่เกิดปัญหาในพรรคร่วม
เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวจะทำให้เกิดปัญหาระหว่างพรรคร่วมหรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าไม่เกิดปัญหา เพราะในพรรคร่วมรัฐบาลสามารถคุยกันได้ แต่ที่คิดว่าคุยกันไม่ได้เพราะคิดกันไปเอง
เมื่อถามว่า แคนดิเดตประธานกมธ. ในส่วนของพรรคมีเพียงคนเดียวหรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่หัวหน้าและเลขาพรรคจะต้องพูดคุยกับกรรมการบริหาร และประธานยุทธศาสตร์พรรค ส่วนที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายโภคิน พลกุล เป็นกมธ.นั้น ก็ไม่น่ากังวล มั่นใจในเสียงของพรรคร่วมจึงไม่จำเป็นต้องล็อบบี้ใคร เพราะมั่นใจในเสียงของรัฐบาล
ย้ำปชช.สนปัญหาปากท้องมากกว่า
เมื่อถามว่า หากรายชื่อที่มีการเปิดเผยมาประชาชนไม่ยอมรับจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีปัญหาหรือไม่นายณัฏฐพล กล่าวว่า ถามว่าประชาชนให้ความสนใจกับการแก้รัฐธรรมนูญขนาดไหนซึ่งคิดว่าประชาชนให้ความสนใจกับเรื่องปัญหาปากท้องมากกว่า แต่เรื่องการศึกษาปัญหาและแนวทางแก้รัฐธรรมนูญนั้นสภาก็ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาตามวาระ ตอนนี้อยากให้ทุกคนให้ความสนใจเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
“สาธิต”ชี้ต้องเป็นมติพรรคร่วม
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาบุคคลของพรรคที่จะเข้าไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคร่วมรัฐบาล ยังไม่ได้นัดวันหารือกันถึงเรื่องดังกล่าว แต่ถ้ามีการนัดมาพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันจะเข้าร่วมประชุม ส่วนการเสนอชื่อตัวประธานกรรมาธิการนั้น พรรคประชาธิปัตย์ เรามีมติให้เสนอคนของพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ แต่ท้ายที่สุดตัวประธานจะต้องเป็นมติของพรรคร่วมรัฐบาลเพียงชื่อเดียว จะไม่มีการไปแข่งกันในที่ประชุมกรรมาธิการ ทุกอย่างต้องคุยให้จบในพรรคร่วมกันเอง
ปชป.รอฟังวิปรบ.ก่อนเชิญมาร์ค
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าหลังจากหารือและประสานกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ถึงตำแหน่งประธานคณะ กทธ.วิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ละพรรค ขอกลับไปหารือในพรรคก่อน แล้วจะกลับมาแจ้งให้ทราบอีกครั้ง เรื่องนี้ยังมีเวลา ดูระเบียบวาระแล้ว คาดว่ายังไม่สามารถพิจารณาญัตติดังกล่าวได้ภายในสัปดาห์นี้ และเชื่อว่าในสัปดาห์หน้า จะมีข้อยุติในเรื่องนี้
“ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันตามมติพรรค ที่จะเสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯและเชื่อว่าทุกฝ่ายน่าจะทราบดีถึงความรู้ ความสามารถ แต่สุดท้ายต้องได้ข้อยุติในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน แล้วจึงจะไปหารือกับนายอภิสิทธิ์เพื่อกำหนดตัวกรรมาธิการในส่วนของพรรค” นายชินวรณ์ กล่าว
‘วราวุธ’ชี้ปธ.ต้องยืดหยุ่น-เก๋า
ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)กล่าวถึงกรณีตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของสภาฯ ว่า สำหรับเรื่องสัดส่วนการตั้งกรรมาธิการนั้น ยังไม่มีการหารือกันภายในพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ไม่ทราบว่าจะมีการหารือกันในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีหรือไม่แต่ไม่มีบรรจุในวาระการประชุมแต่อย่างใด ต้องรอดูก่อนว่าจะมีการพูดคุยกันหรือไม่ ส่วนตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯนั้นพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้คิด และไม่มีข้อคิดเห็นอะไร นอกจากขอย้ำอย่างที่เคยบอกไปว่าต้องมีความยืดหยุ่นและเก๋า ส่วนจะเป็นใครเอาที่พี่สะดวกเลย เมื่อถึงเวลาเสนอสัดส่วนกรรมาธิการพรรคชาติไทยพัฒนาก็จะได้หารือกันซึ่งจะมีการประชุมพรรคในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้แล้วคงได้ข้อสรุปเรา11สส.ได้1คนก็โอเคแล้ว
นายกฯสั่งตรวจสอบที่ดิน’ปารีณา’
สำหรับกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยินดีให้ตรวจสอบการครอบครองที่ดินภบท.5กว่า 1,700ไร่ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวว่าเป็นเรื่องของกลไกกระบวนการตรวจสอบที่เกี่ยวข้องกับทั้งกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่ตรวจสอบอยู่แล้วซึ่งกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย ทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมายและพยานหลักฐาน
คาด1-2วันรู้เรื่องที่1,700ไร่’ปารีณา’
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวในเรื่องเดียวกันว่าตอนนี้ได้ให้กรมป่าไม้ ตรวจสอบว่ารายละเอียดเป็นอย่างไรเพราะที่ดิน ภบท.นั้นมีอยู่มากมายเหลือเกิน เบื้องต้นต้องดูก่อนว่าพื้นที่ที่ดินดังกล่าว1,700 ไร่ เป็นของหน่วยราชการใด ที่เป็นคนรับผิดชอบ ป่าไม้ หรือ สปก.ถ้าเป็นของกรมป่าไม้ ก็ต้องมาพิจารณากันว่าหลักเกณฑ์การได้มานั้น ได้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไรแล้วถึงว่ากันตามระเบียบ เพราะทุกอย่างเขียนไว้ชัดเจน ไม่มีอะไรซับซ้อนเช่นกัน คงต้องใช้เวลาตรวจสอบ อีก1-2วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี