'บิ๊กตู่'พร้อมหนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ แนะลงทุนบลูโอเชี่ยน ตั้งเป้าเติบโต30,000ล้าน

'บิ๊กตู่'พร้อมหนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ แนะลงทุนบลูโอเชี่ยน ตั้งเป้าเติบโต30,000ล้าน

วันศุกร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562, 16.53 น.

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม กล่าวระหว่างร่วมพูดคุยกับตัวแทน Startup ที่เกิดขึ้นจริง ผ่านทางเพจ "ไทยคู่ฟ้า" ตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจไทยต้องเร่งรัดการเจริญเติบโตให้เป็นในลักษณะการก้าวกระโดดเราต้องกระโจนหรือทะยานไปข้างหน้าไปสู่โลกภายนอกสิ่งสำคัญคือการสร้างนวัตกรรมใหม่ ด้วยกันลงทุนทางด้านความคิด สติปัญญา เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจออกมา แม้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็กแต่ก็สามารถที่จะขยายไปสู่การลงทุนหรือธุรกิจขนาดใหญ่ในอนาคต รัฐบาลดำเนินการเพื่อสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพมาประมาณ 3 ปีแล้ว

โดยปีแรก 2559 เริ่มต้นประมาณ 200 ราย จนมาถึงปี 2561 เพิ่มมาเป็น 1,500 ราย ซึ่งรัฐบาลโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า และกระทรวงดิจิทัลก็ได้เข้าไปสนับสนุนและดูแล ซึ่งปัจจุบันมีอยู่อีก 8,500 ราย ที่รอจดทะเบียนแสดงว่าเรามีคู่แข่งขันที่มากขึ้น ซึ่งถ้าสามารถจดทะเบียนและรับรองได้ทั้งหมดก็จะสามารถสร้างงานได้อีกประมาณ 15,000 อัตราซึ่งจะมีเงินลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอีกประมาณ 35,000 ล้านบาท รัฐบาลจึงเร่งสนับสนุนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกฎระเบียบ การสร้างการรับรู้ การบ่มเพาะ การอำนวยความสะดวกและขจัดอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจที่ตรงกันและเดินไปข้างหน้าอย่างพร้อมกัน


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพภาครัฐและภาคธุรกิจ เอสเอ็มอีเดินไปด้วยกัน รัฐบาลยินดีสนับสนุนในทุกๆด้าน อีกทั้ง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า ก็ได้ช่วยกันคิดและเสนอแนะ ทั้งนี้จำเป็นจะต้องระดมเงินลงทุนซึ่งลำพังภาครัฐเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ วันนี้ภาคเอกชนก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐวิสาหกิจ จัดตั้งเป็นบริษัทเพื่อระดมเงินทุนและขยายตัวไปยังต่างประเทศ วันนี้เราต้องเร่งปรับตัวให้ทันปัจจุบันมีเงินลงทุนในธุรกิจดังกล่าวแล้วประมาณ 515 ล้านบาท เรามีการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพในหลายระดับ ระดับเอมีมูลค่าธุรกิจอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท ระดับดีมูลค่า 200 ล้านบาท ซึ่งเราจะต้องมีการพัฒนาธุรกิจให้มีมุระค่าเพิ่มสูงมากขึ้นไปสู่ธุรกิจขนาดใหญ่ถึงต่างประเทศหรือที่เรียกว่ายูนิคอร์น

"ในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพรัฐบาลก็ได้ช่วยกันพิจารณามีการแก้ไขกฎระเบียบในหลายหลายด้านซึ่งรัฐสามารถใช้เงินของทุกหน่วยงานทุกกระทรวงมาวิจัยพัฒนาในหน่วยงานของตัวเองได้ร้อยละ 30% ซึ่งรัฐบาลยินดีที่จะสนับสนุนผลงานวิจัยผลงานของกลุ่มสตาร์ทอัพต่างๆของคนรุ่นใหม่และสิ่งที่รัฐบาลสามารถที่จะสนับสนุนให้ดีขึ้นหรือการเป็นรัฐบาลที่เรียกว่า G-Goverment นั้นก็เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกลับด้วยกันภาครัฐโดยสะดวก อย่างระบบการรักษาแพทย์ทางไกล การสั่งจ่ายยาด้วยระบบอิเลคทรอนิกส์ ระบบการยื่นขอภาษีหรือการให้บริการระบบข้อมูลกับประชาชน เราต้องให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ถ้าประชาชนรู้กระบวนการการบริหารภาครัฐกฎระเบียบของส่วนราชการทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น ไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้ต่างคนต่างคิดก็เป็นเรื่องยาก สุดท้ายพอมาเจอกันปัญหาจะเยอะ ถ้าช่วยกันคิดตั้งแต่ต้นก็จะลดปัญหาอุปสรรคลงได้ดีกว่ามาแก้ภายหลัง" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป้าหมายของรัฐบาลต้องการให้มีการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตได้ถึง 30,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 1 ของงบประมาณภาครัฐ ซึ่งกระบวนการการจัดซื้อจัดจ้างได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังกรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาวิธีการที่จะทำให้การจัดซื้อจัดจ้างและธุรกิจนวัตกรรมใหม่ใหม่มีความสะดวกและง่ายขึ้น อีกทั้งไปหาวิธีการมาว่าทำอย่างไรธุรกิจสตาร์ทอัพจะมีการแข่งขันกันมากขึ้น เพราะยิ่งมีการแข่งขันธุรกิจก็ยิ่งดีขึ้น ประชาชนจะได้รับประโยชน์ ทั้งนี้ในเรื่องของกฎหมายกฎระเบียบไม่ว่าจะเป็นกฎหมายแพ่ง พาณิชย์ และกฎหมายในการลดอุปสรรคในการทำธุรกิจ สตาร์ทอัพก็ต้องมีการปรับทั้งหมด เนื่องจากกฎหมายบางฉบับออกมาหลายปีแล้ว วันนี้โลกเปลี่ยนจึงต้องมาหาวิธีการสร้างแรงจูงใจและการดึงดูดให้คนมาลงทุนซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากำลังเร่งดำเนินการอยู่ เรื่องของกฎหมายเพื่อที่จะได้เดินหน้าไปพร้อมกัน ทั้งนี้ขอให้นักธุรกิจสตาร์ทอัพได้ไปศึกษาและเพิ่มขีดการแข่งขันในธุรกิจในตลาดที่ยังไม่มีการแข่งขันสูงหรือ บลู โอเชี่ยน สร้างสินค้าที่มีคุณภาพและคุณค่า เพราะทุกวันนี้คนส่วนใหญ่รับความสะดวกสบาย การอำนวยความสะดวก

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top