เครือข่ายคนสงขลาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้มีการออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต อ.จะนะ จ.สงขลา โดยระบุว่า ขาดการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการอย่างรอบด้าน พร้อมทั้งเสนอให้สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่เพื่อความยั่งยืน เนื่องจากที่ผ่านมาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ “ศอ.บต.” ได้มีการจัดเวทีแต่ไม่เคยให้รายละเอียดโครงการ ขายฝันโฉนดที่ดินให้ชาวบ้าน แต่นายทุนเป็นเจ้าของเอกสารสิทธิ โดยมีนักการเมืองกว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรและนำไปขายต่อ
ทั้งนี้ เครือข่ายคนสงขลาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “รัฐบาลต้องยกเลิกมติ ครม. 7 พ.ค. 2562 และต้องยกเลิก
โครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมฯ จะนะ ที่กำลังทำลายอนาคตคนสงขลา และคนภาคใต้”ที่ศูนย์ประชุมสันติภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยระบุว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 ที่ว่าด้วยนโยบายเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ อ.นาทวี อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย พร้อมทั้งขอให้สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อขับเคลื่อนแนวทางการพัฒนาบนฐานศักยภาพในพื้นที่บนมิติที่แตกต่างกันของฐานภูมินิเวศ เขา ป่า นา เล เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาสู่ความยั่งยืน และสมานฉันท์อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจน และความขัดแย้งที่มีอยู่ในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง
“ในนามของเครือข่ายคนสงขลาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ขอประกาศว่า เราจะสร้างการมีส่วนร่วมจากกลุ่มคนที่หลากหลาย โดยจะร่วมกับเครือข่ายองค์กรชุมชนในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อจะทำหน้าที่ปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของเราให้รอดพ้นจากสิ่งแปลกปลอมภายนอกที่จะเข้ามาคุกคามวิถีชีวิต สังคม ศาสนา วัฒนธรรม และแหล่งทรัพยากรธรรมชาติของพวกเราอย่างถึงที่สุด ตามแนวทางสันติวิธี พร้อมกันนี้พวกเราขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกภาคีเครือข่ายที่มีความคิดเห็นในลักษณะเดียวกันนี้ได้ออกมาประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันอย่างถ้วนทั่วไปจนกว่าจะบรรลุข้อเรียกร้องดังกล่าว”
โดยเครือข่ายคนสงขลาเพื่อการพัฒนาที่ยังยืน มีความเห็นว่า มติ ครม.ดังกล่าว ขาดการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการอย่างรอบด้านและยังดำเนินไปด้วยความรีบเร่งในช่วงปลายของรัฐบาลประยุทธ์ 1 ซึ่งถือเป็นมติ ครม.ฉบับสุดท้ายก่อนหมดวาระการบริหารงานของรัฐบาล เป็นผลให้การดำเนินงานของ ศอ.บต. ขาดมาตรฐานที่ควรจะเป็นภายใต้โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่จะต้องคำนึงถึงกระบวนการมีส่วนร่วมและสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนในพื้นที่ และเชื่อว่านโยบายดังกล่าวนี้จะยิ่งเพิ่มความทุกข์ สร้างความขัดแย้งของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น ทั้งที่การดำรงชีวิตปกติก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว จึงไม่ควรซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้มากไปกว่านี้
หลังจากการที่ ครม.มีมติดังกล่าว ศอ.บต.ได้จัดเวทีในพื้นที่โครงการหลายครั้งแต่ไม่ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการเมืองต้นแบบแต่อย่างใด มีเพียงการรับฟังความคิดเห็นด้านความต้องการ ข้อเสนอ และข้อห่วงกังวลของคนในชุมชน หากมีโครงการเกิดขึ้นในพื้นที่ และยังมีการห้ามมิให้คนซึ่งอยู่นอกหมู่บ้านหรือตำบลใกล้เคียงแสดงความคิดเห็นในเวทีดังกล่าว ด้วยเหตุผลว่าไม่ใช่คนในพื้นที่ ทั้งๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงกันก็ตาม
“ที่ผ่านมาเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นได้ยื่นหนังสือขอทราบข้อมูลโครงการไปแล้วหลายครั้ง เพื่อต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจ และให้แสดงข้อมูลที่เป็นความจริงอย่างรอบด้าน แต่ ศอ.บต.กลับมิได้รับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว และยังเดินหน้าดำเนินการในลักษณะดังกล่าวต่อไป จึงกำลังกลายเป็นความขัดแย้งรูปแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการให้หน่วยงานของรัฐในพื้นที่อย่างเช่น ศอ.บต.เป็นหน่วยงานหลักที่เข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ หาใช่เป็นผู้สร้างความขัดแย้งเสียเอง”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา ได้มีการชักชวนให้ชาวบ้านด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ไปร่วมเวทีที่ ศอ.บต.จัดขึ้น โดยเสนอให้ชาวบ้านที่เข้าประชุมของบประมาณของรัฐได้ และยังชี้แจงเรื่องการขอออกโฉนดที่ดินในพื้นที่โครงการรวมอยู่ด้วย ทั้งที่การออกเอกสารสิทธิในพื้นที่โครงการดังกล่าว ส่วนใหญ่แล้วเป็นของนายทุนนอกพื้นที่ จึงเสมือนเป็นการใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือ เพื่อหวังให้ชาวบ้านออกหน้าว่าต้องการเอกสารสิทธิในที่อยู่อาศัย หากแต่ผู้จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้คือผู้ถือครองที่ดินแปลงใหญ่
และมากไปกว่านั้น คือ การต้องการแรงสนับสนุนของประชาชนในพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน ต.สะกอม และ ต.นาทับ จ.สงขลา ให้สนับสนุนโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ซึ่งเครือข่ายเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง และไม่ชอบตามหลักกระบวนการมีส่วนร่วมและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ทั้งที่โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะส่งผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง
“ศอ.บต. จึงควรให้ความสำคัญต่อการดำเนินการดังกล่าวอย่างมีมาตรฐานมากกว่าที่เป็นอยู่ ที่ไม่ใช่แค่การจัดเวทีให้เสร็จไปทีเพื่อแลกกับลายมือชื่อประชาชน แล้วนำไปอ้างประกอบรายงานส่งให้รัฐบาลว่าประชาชนเห็นด้วยกับโครงการเพียงเท่านั้น”
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2562 เครือข่ายคนสงขลาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ยังได้จัดเวทีสันติเสวนา “เมืองอุตสาหกรรมฯ จะนะ ความหวัง หรือ พังพินาศ” โดย นพ.สุภัทรฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ กล่าวว่า โครงการนี้จะตั้งคณะกรรมการบริหารเขตเฉพาะกิจเหมือนกับ “อีอีซี” จึงมีคำถามถึงคนหาดใหญ่และสงขลาว่า หากมีเมืองอุตสาหกรรมฯ จะนะ มีนิคมอุตสาหกรรม มลพิษทางอากาศจะมาถึงเมืองหาดใหญ่ และสงขลาไหมมลพิษทางทะเลจะไปถึงแหลมสมิหลาสทิงพระไหม การท่องเที่ยวของสงขลาจะดีขึ้นหรือไม่ จะแก้ปัญหาการค้าซบเซาของหาดใหญ่ได้ไหม และอีก 20 ปี คนหาดใหญ่และสงขลาอยากสร้างบ้านแปลงเมืองให้เป็นอย่างไร จะให้เป็นแบบ จ.ระยอง หรือ
นายรุ่งเรือง ระหมันยะ นายกสมาคมรักทะเลจะนะ กล่าวว่า ตอนที่เรากำลังทำให้ทะเลกลับมาอุดมสมบูรณ์ไปอยู่ที่ไหนกัน พอทะเลอุดมสมบูรณ์แล้วก็จะมาทำเมืองอุตสาหกรรม มาถามชาวบ้านต้องการอะไร แต่ไม่เคยบอกว่ารายละเอียดของโครงการคืออะไร จะย้ายชาวบ้านหรือไม่ แล้วมาเขียนไว้ตัวเล็กๆ ว่า หากชาวบ้านเกิดผลกระทบจากโครงการจะย้ายไปหมู่บ้านเปี่ยมสุข ชาวบ้านเอาเรื่องนี้ไปถามหน่วยงานในท้องถิ่น ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ทราบว่าหมู่บ้านเปี่ยมสุขอยู่ที่ไหน
นายประสิทธิชัย หนูนวล มูลนิธิภาคใต้สีเขียว กล่าวว่า การจัดตั้งเมืองอุตสาหกรรมฯ จะนะ ในครั้งนี้ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมเป็นความร่วมมือของเอกชน 3 ราย ที่ได้ซื้อที่ดินไว้ตั้งแต่ปี 2540 ประมาณ 10,800 ไร่ดึงทุกอย่างของประเทศให้คนไม่กี่ตระกูลถ้าที่นี่เกิดอุตสาหกรรม จะเกิดการสร้างเขื่อนตั้งแต่ จ.พัทลุง ไล่ลงมาจนถึง จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส คนแถวนี้จะอยู่กันอย่างไร จะทำให้พื้นที่ป่าลดลงมาก การสร้างท่าเรือจะทำให้ชายฝั่งหายไป
นายสมบูรณ์ คำแหง ที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) กล่าวว่า โจทย์ใหญ่วันนี้ ลำพังคนในจะนะเอาไม่อยู่ วันนี้ ศอ.บต.ให้ข้อมูลด้านเดียวตลอด กระบวนการ คนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคนในภาคใต้จะเอาอย่างไร การพัฒนาไม่มีทางอื่นแล้วหรือ มีไม่กี่ประเทศที่มีพื้นที่แบบนี้ หลังเสร็จเวทีวันนี้ต้องมาคุยกันต่อว่าจะทำอย่างไรกันต่อ การสู้แบบที่ผ่านมาจะต้องทำให้ใหญ่ขึ้น ไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนจะนะโดยลำพัง
นายจรูญ หยูทอง นักวิชาการอิสระด้านวัฒนธรรม สังคมและการมีส่วนร่วม กล่าวว่า อยากถามกลุ่มผู้มีอำนาจกลับไปว่า ไม่สงสัยบ้างเลยหรือว่าทำไมชาวบ้านเขาต้องคัดค้าน เพราะชาวบ้านเขาทำเกษตรและประมง ทำไมต้องให้เขาไปเลือกเอาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่จะมาทำลายบ้านเขา ซึ่งจะมาปล้นทรัพยากรของเขาโดยชอบด้วยกฎหมาย
นายบรรจง นะแส ที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) และสมาคมรักษ์ทะเลไทย กล่าวว่า บรรยากาศเวลานี้ดูเหมือนเป็นช่วงก่อนที่พี่น้องจะมีการชักธงรบกัน แบบเดียวกับที่เคยมีต่อโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซียที่จะนะเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ตอนนี้เราต้องพูดความจริงกัน ไม่อย่างนั้นไม่จบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี