‘ชวน’วางกฎเหล็กคุมกมธ.
ห้ามเชิญมัว
เรียกคนแจงต้องแจ้งทุกศุกร์
หลังบี้‘บิ๊กตู่-ป้อม’พบรอบ4
พท.โวยแทรกแซงขู่ฟ้อง157
‘พปชร.-ภท.’ยันไม่แตกแยก
“ชวน” วางกฎเหล็ก ห้ามกมธ.สภาฯ เชิญชี้แจงมั่วสั่งประธานกมธ.รายงานประธานสภาฯ ทุกวันศุกร์ จะพิจารณาเรื่องไหน-ประเด็นใด-เชิญใคร คำวินิจฉัยถือเป็นเด็ดขาด ลั่นไม่ใช่แทรกแซง เพราะสั่ง“กมธ.”ไม่ได้ ด้าน“จิรายุ”โวยแทรกแซงภารกิจกมธ. ขู่ฟ้องผิดม.157 ขณะที่“บิ๊กป้อม”ไม่สนใจ“อนค.”จัดกิจกรรม“อยู่ไม่เป็น”เชื่อไม่มีอะไร ไม่ต้องรับมือม็อบ“ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ”ยันไม่มีแตกแยกในรัฐบาล
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกประกาศระเบียบสภาผู้แทนราษฎร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) หลายคณะ พ.ศ.2562 เมื่อวันที่ 31ตุลาคมที่ผ่านมา มีเนื้อหาว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบสภาผู้แทนราษฎร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ อาศัยอำนาจตามความในข้อ4และข้อ90 วรรคหก แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พศ. 2562 ประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงออกระเบียบไว้8ข้อ โดยข้อที่สำคัญคือ ข้อ 4 เมื่อ กมธ.จะกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ให้ประธานกมธ.ทุกคณะรายงานต่อประธานสภาทราบภายในวันศุกร์ของทุกสัปดาห์ว่า จะมีการพิจารณา เรื่องใด ประเด็นใด และเชิญผู้ใด หรือหน่วยงานใดเข้าร่วมการพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป
‘ชวน’ออกกฎคุมเข้มหน้าที่กมธ.
ข้อ5 ให้ประธานสภาตรวจสอบรายงานตามข้อ 9 หากพบว่ามีคณะกรรมาธิการมากกว่าหนึ่งคณะจะกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกัน ให้ประธานสภาแจ้งให้ประธานคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทราบโดยไม่ชักข้า และจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างประธานสภาและประธานคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะ เพื่อร่วมกันดำเนินการ ทั้งนี้ ให้คณะกรมาธิการที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องนั้นไว้เป็นการชั่วคราว ในกรณีที่ไม่อาจยุติการดำเนินการดังกล่าวได้ ให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจไปพลางก่อนได้ แต่ต้องไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันที่ประธานสภาแจ้งให้ทราบ
คำวินิจฉัยประธานสภาถือเป็นที่สุด
ข้อ6 การร่วมกันดำเนินการตามข้อ 5 อาจพิจารณาดำเนินการในลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) ให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะร่วมกันกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องนั้น โดยตกลงร่วมกันให้ประธานคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องคณะใดคณะหนึ่งเป็นประธานในการดำเนินการดังกล่าว หากไม่อาจตกลงกันได้ ให้ประธานสภาเป็นผู้กำหนด ข้อ7 ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้ประธานสภาเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของประธานสภาให้ถือเป็นเด็ดขาด ข้อ8 ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ 31ตุลาคม2562 ลงชื่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร
ต้นเหตุ’เสรีพิศุทธ์’เชิญมั่ว4รอบ
ท้ายหนังสือระบุว่า ระเบียบดังกล่าวออกมาภายหลังเกิดปัญหากรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ออกหนังสือเชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ถึง 3ครั้ง ให้มาชี้แจงกรณีเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 โดยไม่ถูกต้อง เนื่องจากยังถวายสัจไม่ครบถ้วน ล่าสุดมีการอ้างถึงการใช้อำนาจออกคำสั่งเรียกตามพ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ด้วย ซึ่งในขณะนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มาตรา 5 มาตรา 8 และมาตรา 13 เกี่ยวกับการใช้อำนาจออกคำสั่งเรียกรวมถึงบทลงโทษทางอาญาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 129 หรือไม่ตามคำร้องของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ
‘ชวน’ย้ำหวังกมธ.ทำงานราบรื่น
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร ให้สัมภาษณ์ถึงการออกประกาศระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ พ.ศ.2562 ว่า ระเบียบดังกล่าวเป็นข้อบังคับการประชุมสภาฯที่กำหนดไว้เช่นนั้น ทางเลขาธิการสภาฯจึงเสนอระเบียบนี้เข้ามา เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมี แต่ครั้งนี้เป็นระเบียบใหม่ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯที่เพิ่งออกมาว่า การดำเนินการของคณะกมธ.ต้องรายงานให้ประธานสภาฯทราบ ไม่เกี่ยว’เสรีพิศุทธ์’มุ่งสกัดปัญหา
เมื่อถามว่าการออกระเบียบครั้งนี้เป็นเพราะคณะกมธ.ป้องกันและปราบปรามทุจริตประพฤติมิชอบ ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช เป็นประธาน โดยเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มาชี้แจงหลายรอบ หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันและต้องไปอ่านข้อบังคับที่90 ที่กำหนดให้กมธ.ต้องรายงานการปฏิบัติภารกิจให้ประธานสภาฯรับทราบ ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่กมธ.บางชุดมีปัญหา เพียงสมมุติมีปัญหาก็สามารถแจ้งมายังประธานสภาฯได้ เพราะไม่ต้องการให้กมธ.แต่ละชุดมีปัญหากัน อยากให้ร่วมกันทำงานในภารกิจที่ต้องทำตามข้อบังคับ
เมื่อถามถึงตามระเบียบระบุว่าประธานสภาฯสามารถตรวจสอบภารกิจของกมธ.ในการเชิญบุคคลได้ ประธานสภาฯ ชี้แจงว่า การตรวจสอบและการที่จะเชิญใครมาเป็นอำนาจของกมธ. อย่างที่เคยบอกแล้วว่ากมธ.ต้องให้เกียรติผู้ชี้แจง เพราะเขาไม่ได้เป็นจำเลย ดังนั้นจึงไม่ควรทำอะไรให้เขาเสียเกียรติเสียศักดิ์ศรีและที่จริงทั้งหมดคือ ความร่วมมือเชิญมาเพื่อให้ข้อมูล เพราะทั้งหมดเป็นประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ประโยชน์ของกมธ.คนใดคนหนึ่ง ทั้งนี้ ยืนยันว่า กมธ.ต้องทำตามหน้าที่ที่ระเบียบให้ไว้
ไม่แทรกแซงกมธ.เพราะสั่งไม่ได้
“ที่จริงผมทราบว่าทั่วๆไปไม่ค่อยมีปัญหา มีโด่งดัง 1-2 คณะที่มีปัญหาขัดแย้งภายใน ซึ่งในกรณีเช่นนี้เป็นเรื่องภายในกมธ.ทั้ง 15คนและที่ปรึกษาต้องช่วยกันพยายามให้การทำงานเป็นไปโดยราบรื่น โดยมองประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้งและถือว่าผู้ที่ได้รับเชิญให้ชี้แจงต้องให้ความร่วมมือ ถ้าสมมติว่า ผู้เชิญเชิญผิดกฏหมายผู้นั้นก็มีโทษเหมือนกัน เช่นเดียวกับผู้ที่ถูกเชิญ หากไม่ร่วมมือตามกฏหมายที่บังคับไว้ก็มีโทษเช่นกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็มีกฏหมายกำหนดภารกิจและโทษเอาไว้ ทางที่ดีที่สุดคือให้เคารพกติกา ยืนยันว่าประธานสภาฯไม่ไปแทรกแซงการทำงานของ กมธ.เพราะประธานสภาฯไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งให้กมธ.ทำอะไรที่ขัดต่อภารกิจของเขานอกจากทำล่วงล้ำจากภารกิจประธานสภาฯก็มีสิทธิ์ทำความเข้าใจเพื่อให้การทำงานอยู่ในกรอบภารกิจ แต่ขณะนี้ยังไม่มีถึงขั้นนั้นและยังไม่มีใครร้องให้ประธานสภาฯเข้าไปช่วย
‘พท.’โวยแทรกแซงขู่ฟ้องผิด157
ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระองค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจองค์การ มหาชนและกองทุน กล่าวถึงกรณี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯออกระเบียบมาบังคับประธานกมธ.ฯว่า ประธานสภาเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติย่อมรู้ว่า ข้อบังคับจะใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ กมธ.สามัญและวิสามัญ เป็นองค์ตรวจสอบถ่วงดุลของสถาบันนิติบัญญัติ ได้รับแต่งตั้งจากสภาฯมีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ การที่ประธานสภาฯออกคำสั่งเช่นนี้ถือเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงภารกิจของกมธ.ฯอาจเข้าข่ายปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่สำคัญตนไม่ใช่ลูกน้องประธานสภาๆ มีหน้าที่ควบคุมการประชุมและดูแลข้าราชการภาเท่านั้น การที่สั่งให้ประธานกมธ.รายงานว่า จะทำเรื่องอะไร เรียกใครเชิญใครมา เอาอำนาจอะไรมาสั่ง ตนจะปรึกษาวิปฝ่ายค้านและประธานกมธ.ซีกฝ่ายค้าน เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อประธานสภาฯหากยังดันทุรังประกาศข้อบังคับที่เป็นการแทรกแซงการทำหน้าที่กมธ.ฯเช่นนี้
‘ป้อม’ไม่ให้ราคาอนค.อยู่ไม่เป็น
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจัดกิจกรรม”อยู่ไม่เป็น”ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมองเป็นการปลุกระดมหรือไม่ โดย พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า แล้วทำไม เมื่อถามต่อว่า ได้ประเมินและเตรียมรับมือหากมีการเคลื่อนไหวหลังจากนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้อง ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เชิญให้ไปชี้แจงประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ และเรื่องการจัดทำพรบ.งบประมาณประจำปี2563 โดย พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนจะเดินขึ้นตึกบัญชาการไปทันทีด้วยสีหน้านิ่งเฉย
‘ภท.’ยืนยันไม่มีรอยร้าวในรัฐบาล
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ตอบคำถามในประเด็นความขัดแย้งกับพรรคภูมิใจไทยว่า การที่นายกฯไม่ตอบคำถามสื่อ เพราะความเป็นจริงพรรคร่วมรัฐบาลที่มีอยู่เวลานี้ไม่มีรอยร้าว หรือความขัดแย้ง ขอยืนยันตรงนี้พรรคภูมิใจไทย ไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคการเมืองฝ่ายค้าน รัฐมนตรีของพรรคภท.รวมถึง สส.ไม่เคยตีรวนให้เกิดรอยร้าว ทุกคนยังคงเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
อย่าปั่นข่าวเท็จถ่วงความเจริญปท.
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ ยังกล่าวอีกว่า การทำงานที่ผ่านมาในฐานะรัฐบาล ที่มาจากหลายพรรค ทุกฝ่ายทำงานเป็นหนึ่งเดียว มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายเพื่อรัฐมนตรีจะได้นำไปดำเนินการ ดังนั้นข่าวความขัดแย้งกันในพรรคร่วมรัฐบาลที่เกิดขึ้นเป็นการพยายามสร้างประเด็นมากกว่า และขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะประเทศกำลังจะเดินหน้า หากไม่ช่วยก็อย่าถ่วงความเจริญของบ้านเมือง เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่เสียสมาธิ กับเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้
พปชร.ย้ำสุชาติเหมาะปธ.แก้รธน.
ขณะที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกัณต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ในฐานะสส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการหารือกันของพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า มีการหารือกันมาอย่างต่อเนื่องและมีความคิดเห็นที่หลากหลาย สำหรับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็มีคนที่เหมาะสมที่จะเป็นประธาน กมธ.โดยนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่1 ที่พรรคสนับสนุนก็มีความเหมาะสม ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปิดกันคนนอก ก็มองดูคนที่เหมาะสมอยู่เช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องการคนที่เมื่อเข้ามาเป็นประธานแล้ว ต้องมีความเข้าใจในเรื่องรัฐธรรมนูญ ควบคุมประเด็น หรือสาระในการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
ไม่มีแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มมีรอยร้าว นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าในพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีรอยร้าว ยังพูดคุยกันดี สนุกสนาน ไม่มีอะไรเลย ทุกนโยบายเป็นนโยบายของรัฐบาล ไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง เชื่อว่าเร็วๆนี้จะมีการพูดคุยกัน เมื่อถามว่า ได้วันนัดมิตติ้งพรรคร่วมรัฐบาลหรือยัง นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า กำลังหาอยู่ ต้องให้พร้อมสำหรับทุกพรรคเพื่อหาเวลาที่เหมาะสม ซึ่งช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม หลายคนมีภารกิจพอสมควรแต่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ภายในสิ้นปี ซึ่งจะมีสองส่วนคือ แกนนำพรรคพบกับนายกฯและรองนายกฯ ส่วนที่สองจะเชิญสส.พรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยพบปะกันบ้าง โดยตนรับเป็นผู้ประสานงานส่วนหนึ่ง
เปิด6รายชื่อกมธ.แก้รธน.ฝ่ายรบ.
วันเดียวกัน นายเทวัญ ลิปตภัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการประสานงานรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งกมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ตนส่งรายชื่อในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้วิปรัฐบาลไปแล้ว 6คน ซึ่งเป็นคนนอกทั้งหมด แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากบางรายชื่อที่เสนอไปมีการปฏิเสธไม่ตอบรับและต้องดูความเหมาะสมอีกที ซึ่งตนจะหารือกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในการประชุมครม.วันที่ 19พฤศจิกายน
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับรายชื่อ กมธ.วิสามัญแก้รัฐธรรมนูญฝ่ายรัฐบาลที่ ครม.จะเสนอ 6คน ซึ่งเป็นรายชื่อที่คัดเลือกไว้ก่อนหน้านี้กว่า 2สัปดาห์ ได้แก่ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สมัยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน นายอุดม รัฐอมฤต อดีตกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ สมัยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน และพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อมา พล.อ.สมเจตน์ ออกมาปฏิเสธไม่ขอรับตำแหน่งดังกล่าว ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องต้องทบทวนบางรายชื่อ โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ขอพิจารณารายชื่อส.ว.มาแทน ก่อนจะส่งให้นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการและที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรภายในสัปดาห์นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี