‘หมอวรงค์’เดินหน้าชน
ปชป.สะเทือน
จ่อดึงเพื่อนซบเทพเทือก
เสริมกำลังพรรค‘รปช.’
เพื่อต่อสู้กับพวกชังชาติ
‘ชวน’ติงปารีณาคู่ปรับ
ต้องทำงานอย่างมีวุฒิภาวะ
“รปช.” ต้อนรับ “หมอวรงค์” เข้าสังกัดอบอุ่นรับงานใหม่ทำสาขาพรรคให้เข้มแข็ง เจ้าตัวประกาศดึงเพื่อนเก่าในปชป.มาเสริมทัพ ต่อสู้กับพวกชังชาติ ด้าน“เทพเทือก”การันตีหมอวรงค์ เป็นคนมีฝีมือในการปราบการทุจริตโกงข้าว “วิรัช ร่มเย็น” โดนขวางพปชร.ปลด”เสรีพิสุทธิ์”หวั่นอีก 34 กมธ.ในสภาทำตามด้วยแล้วจะวุ่นกันไปใหญ่ ด้าน”ชวน หลีกภัย”สะกิด.’เสรีพิศุทธ์-ปารีณา’ให้มีวุฒิภาวะ ร่วมกันทำงาน
เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 23 พฤศจิกายน ที่อาคาร ทู แปซิฟิคเพลส พรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.)จัดงานต้อนรับนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังจากยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และได้มาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค รปช.แทน
โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรค รปช.กล่าวตอนรับว่าหลายคนอาจมองว่าพรรคของเราดูเงียบๆไปแต่ความจริงเราทำงานทุกวัน เพียงแต่ไม่ได้ออกไปเคลื่อนไหวภายนอกในพื้นที่ต่างๆเพราะเมื่อเข้าร่วมรัฐบาลได้รับมอบหมายให้ไปดูแลกระทรวงแรงงาน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค รปช.ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เราทั้งพรรคมาร่วมกันระดมความคิดเห็นปรึกษาหารือให้เพื่อให้กระทรวงแรงงาน สามารถที่จะก่อประโยชน์ให้ประเทศชาติในระยะยาว ซึ่งใช้เวลาพอสมควร
ลั่นประกันสังคมยั่งยืน มั่นคง
นายสุเทพกล่าวอีกว่าเรื่องระบบประกันสังคมของประเทศไทย20-30ปีข้างหน้าประเทศต้องพึ่งระบบประกันสังคม เราจึงจะจัดเวทีระดมความเห็นเรื่องที่จะทำให้ระบบประกันสังคมมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นเรื่องนี้ขอฝากว่าท่านใดมีความคิดความเห็นอย่างไรให้เสนอเข้ามาร่วมกันคิดว่าจะทำให้ระบบประกันสังคม ยั่งยืน มั่นคง ได้อย่างไร เหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม คิดว่าจะทำอย่างไรให้เงินกองทุนงอกเงย ซึ่งหัวหน้าพรรค ให้แนวทางไว้หลายวิธีการ
นอกจากนี้เรายังต้องช่วยกันวางแผนยกระดับคุณภาพคนไทยเพื่อรองรับเศรษฐกิจเติบโตในอนาคต ประชาชนคนไทยในวันข้างหน้าจะทำงานอะไรนี่คือเรื่องของกระทรวงแรงานที่ต้องเตรียมการ ปัญหาเฉพาะหน้าวันนี้คือเศรษฐกิจบ้านเราไม่ดีซึ่งกระทรวงแรงงานก็ต้องคิดว่าจะดูแลอย่างไร อีกทั้งงานตามนโยบายของพรรคด้านอื่นๆก็ต้องร่วมกันทำให้ชัดเจนเช่นการออกร่างพระราชบัญญัติบริหารราชการจังหวัด เพื่อกระจายอำนาจส่วนกลางให้ท้องถิ่นหรือกฎหมายว่าด้วยกรรมสิทธิ์ที่ดิน ตอนนี้พี่น้องประสบปัญหาอยู่
แสวงหาคนดีอุดมการณ์เดียวกัน
นายสุเทพกล่าวต่อว่าแต่ละพื้นที่ พรรคต้องมีสาขาพรรคที่มีความเข้มแข็งและทำงานพรรคอย่างใกล้ชิดกับประชาชนซึ่งยากมาก ต้องมีคนเข้าใจการเมืองเข้าใจปัญหาประชาชน ตั้งใจ ทุ่มเท เพื่อร่วมกับผู้นำชุมนุม และจัดตั้งสาขาพรรคให้แข็งแรง เราต้องแสวงหาคนดีมีอุดมการณ์เดียวกัน การบริหารพรรคทั้งสำนักงานใหญ่ สาขาพรรค ต้องการคนเหล่านี้ ในส่วนสำนักงานใหญ่ต้องการ ผู้บริหาร ผู้อำนวยการพรรคซึ่งตนก็พยายามหา ก่อนเลือกตั้งไม่ได้เจอแต่หลังเลือกตั้งเจอดร.ดวงฤทธิ์ เบญจาธิกุล เจ้าของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มาเป็นผู้อำนวยการพรรคและเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน
กำนันรับเป็นฑูตพิเศษไปเชิญ
“ส่วนหมอวรงค์นั้นผมได้ข่าวว่าหมอกำลังจะออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องถามว่าผมรู้ได้อย่างไร ก็เพราะผมเคยเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มาก่อนฉะนั้นประชาธิปัตย์หายใจอย่างไรผมได้ยิน พอได้ข่าวว่าหมอกำลังเดินทางไปพบนายชวนเพื่อลา หมอวรงค์ น่ารักมากกว่าจะประกาศตัวชัดเจนก็เดินสายไปบอกคนสำคัญในประชาธิปัตย์ว่าจะลาออกจากพรรคเมื่อผมได้ข่าวก็เรียนกรรมการบริหารพรรคของเราจนมีมติว่าทันทีที่ลาออก เป็นทางการให้ผมเป็นตัวแทนพรรคไปเรียนเชิญ ผมเลยทำหน้าที่เป็นทูตพิเศษ หมอก็ชอบๆพรรคเราอยู่แล้ว พรหมลิชิตชักพา หมอถามถึงความตั้งใจว่าจะพาพรรคไปทำอะไรบ้าง คุยกันเสร็จก็บอกว่า เมื่อยื่นใบลาออกจะมาสมัครรปช.ทันที” นายสุเทพ กล่าว
ยกคนเดียวทำงานเข้าตามากที่สุด
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า สมัยที่ทำงานเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ต้องดูแลและทำงานร่วมกับสมาชิก หมอวรงค์เรียกว่าเป็นคนที่ตนถูกใจคนเดียว ตั้งใจทำงาน มุ่งมานะเอาจริงเอาจัง สมเป็นตัวแทนประชาชนที่ได้รับความไว้วางใจโดยผลงานที่เข้าตากรรมการมากที่สุดคือตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีการทุจริตติดอันดับโลก ในสภาไม่มีความสนใจอะไรมากมายเพราะไม่มีข้อมูล แต่หมอวรงค์นำข้อมูลมาบอกสมาชิกพรรค ใหม่ๆคนไม่ค่อยเชื่อมั่นเพราะเป็นหมอไม่ค่อยเชื่อว่าจะมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านข้าวแต่หมอวรงค์ก็ทุ่มเทให้กับข้อมูลตลอด และที่ประหลาดใจคือหมอวรงค์ได้สำเนาเช็คของเสี่ยเปรี๋ยงมาได้ ซึ่งผลจากความทุ่มเทนี้ ทำให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นพิษภัยความร้ายกาจของพรรคการเมืองของผู้บริหารประเทศกระทำการหาประโยชน์จากทางอำนาจทางการเมืองที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ
ย้ำจะมาเป็นกำลังสำคัญ รปช.
ความที่รู้จักใกล้ชิดกับหมอวรงค์ รู้ธรรมชาตินิสัยเป็นอย่างไรวิญญาณอุดมการณ์ เป็นอย่างไรพอทราบว่าจะลาออก ก็รีบมารายงานต่อคณะกรรมการบริหาร หมอวรงค์จะมาเป็นกำลังสำคัญของเรา ตนก็รอว่าเมื่อหมอเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคโดยสมบูรณ์แล้วจะนำเสนอหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคมอบหมายทำหน้าที่เป็นผู้ออกไปเคลื่อนไหวจัดตั้งสาขาพรรคในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศดังนั้นคิดว่าหมอจะทำงานให้พรรคได้ดี ตั้งสาขาพรรคที่ไหน ติดต่อหมอได้เป็นการพิเศษ
ยัน’หม่อมเต่า’นั่ง’หน.-รมต.’ยาว
“อาจมีคนปั่นกระแสว่ามีการตกลงกับหมอวรงค์ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคหรือจะให้เป็นรัฐมนตรีหลังมีการปรับครม.ผมว่าเขาเหล่านั้นคาดการณ์กันไปเยอะมาก ยืนยันต่อหน้าทุกท่านว่าม.ร.ว.จัตุมงคลยังจะเป็นหัวหน้าพรรคต่อไปจนครบสี่ปี และยังทำหน้าที่รมต.ต่อไปจนจบสมัยของรัฐบาลนี้”นายสุเทพ กล่าว
หัวหน้ารปช.ชูมืออาชีพมีผลงาน
ด้าน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงานในฐานะหัวหน้าพรรครปช.กล่าวว่าพรรคของเราเดินทางมาได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังเห็นว่า ยังไม่มีมืออาชีพทางการเมือง ตัวนายสุเทพทุกคนยอมรับแต่มีฐานะลำบากไม่ได้ทำแบบนักการเมืองเต็มที่ วันนี้เราได้นักการเมืองมืออาชีพ มีผลงาน มาเป็นสมาชิก จึงรู้สึกดีใจที่หมอวรงค์ตัดสินใจมาลงพรรคนี้ คิดว่าถ้าเขาจะไปลงพรรคไหนก็มีแต่คนเอาทั้งนั้น แต่เป็นนักการเมืองต้องมองให้ออกว่าตรงไหนเป็นโอกาสในหน้าที่การงานทางการเมือง
ต่อมานายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เลขาธิการพรรคได้รับใบสมัครสมาชิกจาก นพ.วรงค์แล้วร่วมสวมเสื้อสูทประจำพรรค รปช.ให้กับ นพ.วรงค์
‘หมอวรงค์’ปลื้มต้อนรับอบอุ่น
จากนั้นนพ.วรงค์ ได้กล่าวว่าตนรู้สึกอบอุ่น คิดไม่ถึงว่าพรรคจะจัดต้อนรับอบอุ่นมาก ถ้ารู้ว่าอบอุ่นมากขนาดนี้ อาจจะมาเร็วกว่านี้หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นเราได้เห็นพัฒนาการปัญหาของประเทศและเวลานี้ภารกิจเรื่องโครงการรับจำนำข้าวของตน ก็จบบริบูรณ์แต่ยังเห็นว่าการเมืองเวลานี้เปลี่ยนไปเยอะมากที่ผ่านมาเป็นการต่อสู้กับระบบทักษิณ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปว่าเราต้องต่อสู้กับการทุจริตในเชิงนโยบายซึ่งตนรู้สึกว่ามันอันตรายมากจะให้นั่งอยู่เฉยๆนั้นทำไม่ได้
ลั่นเดินหน้าต่อสู้กับพวกชังชาติ
“จึงตัดสินใจไปพบกับนายชวนเล่าให้ฟังว่าวันนี้การเมืองเปลี่ยนไปโดยเกิดจากปัญหาในสภา เกิดลัทธิชังชาติ ที่กำลังปลูกฝังเยาวชนของเราให้เดินผิดทาง และเวลานี้การเมืองไม่ได้เกิดจาก2พรรคใหญ่แต่มีการเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มการเมืองฝั่งเขาฝั่งเรา ผมยังบอกกับนายชวนตรงๆว่ายังรักและผูกพันกับพรรคปชป.วันนี้พรรคทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนได้ดีมากแต่สไตล์ของผมไม่เหมาะกับงานแบบนี้แต่เหมาะกับพวกชังชาติ พอดีได้กับการทาบทามจากนายสุเทพจึงรู้สึกว่ามาอยู่ที่นี่น่าจะช่วยประเทศชาติได้เยอะกว่า ผมจึงตอบรับและมาอยู่กับพรรค รปช.”นพ.วรงค์ ย้ำ
ปัดต่อรองตำแหน่ง-ไร้ขัดแย้งปชป.
ส่วนที่สื่อหลายสำนักระบุว่าการมาอยู่พรรค รปช.มีการต่อรองตำแหน่ง นพ.วรงค์ กล่าวว่า ไม่มีการต่อรองตำแหน่งสักตำแหน่ง แต่ไม่มีการขัดแย้งกับพรรคปชป.ซึ่งตนยังบอกกับพรรคปชป.ด้วยว่าวันนี้พวกเราต้องไม่ทะเลาะกัน อาจขัดใจกันบางก็ต้องอดทนไว้ และทุกอย่างก็จะก้าวไปได้ด้วยดี
“พรรค รปช.เหมาะสมกับตัวตนของผมในการทำงานการเมือง แต่ยืนยันว่าลำพังผม หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค คงไม่พอ เราต้องการประชาชน ดังนั้นถ้าเราต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปด้วยดี ทุกคนก็ต้องมาร่วมกับผม” นพ.วรงค์ กล่าว
เมื่อถามว่างานที่นพ.วรงค์ได้รับมอบหมายคืองานด้านการตั้งสาขาพรรค เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะได้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรค นายสุเทพ กล่าวว่า นายทวีศักดิ์ยังเป็นเลขาธิการพรรคนครบสี่ปี จนกว่าจะมีการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรค ยากมากที่ นพ.วรงค์จะได้เป็นเลขาธิการพรรคและพรรคนี้เป็นของประชาชนและไม่ใช่ของลุงกำนัน ส่วนจะตั้งเป็น ประธานคณะยุทธศาสตร์หรือไม่ พรรคเราไม่นิยมเลียนแบบพรรคอื่น
เชื่อทำงานจริงเพื่อนปชป.ตามมา
เมื่อถามว่าจะมีเพื่อนส.ส.ประชาธิปัตย์ ย้ายมาด้วยหรือไม่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า เชื่อว่าเพื่อนส.ส.จับตาดูอยู่ว่ามาแล้วทำประโยชน์ให้ส่วนร่วมได้หรือไม่ ถ้าได้ก็อาจจะตามมา ในทางกลับกันหากทำอะไรไม่ได้ก็ไม่มา เมื่อถามย้ำว่าตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้แสดงว่าจะมีเพื่อน ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์มาแน่นอน ใช่หรือไม่ นพ.วรงค์รีบตอบว่า ไม่ๆๆ ตอบตามหลักการ ถ้าทำได้ดี เชื่อว่าเพื่อนของตนจะมาร่วม
เมื่อถามถึงโอกาสที่จะเข้าไปทำงานสภาในฐานะคนนอก เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ หรือไม่ นพ.วรงค์กล่าวว่าไม่เคยคิดทำงานในสภา การทำสาขาพรรค ต้องไปเยี่ยมภาคประชาชน ยืนยัน ตอนนี้ยังไม่มีความคิดจะไปทำงานในสภา เมื่อถามถึงวิธีการต่อสู้กับกลุ่มชังชาติ นพ.วรงค์ ได้ชี้แจงว่า “เราจะไม่ใช้กำลังสู้กับพวกเขาแต่เราใช้สมอง ใช้ความรู้และความจริงในการต่อสู้”
‘ชวน’ไม่เลือกปฏิบัติไม่ถือสาปารีณา
วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงกรณีที่น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)แถลงข่าวกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติกรณีปิดไมค์ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าขอยืนยันว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาส ให้ ส.ส.ได้ปรึกษาหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน คนละ2 นาที แต่น.ส.ปารีณา กลับเอาเรื่องความขัดแย้งในกรรมาธิการมาพูดและวิจารณ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร จากเหตุการณ์ พอจะเดาได้ หากปล่อยให้มีพูด จะเกิดอะไรขึ้น อาจจะทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็จะลุกขึ้นตอบโต้จำเป็นต้องป้องกันเหตุการณ์ อีกทั้ง เวลา 2นาทีควรจะพูดเรื่องของประชาชน หรือเรื่องอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งในกรรมาธิการฯซึ่งข้อบังคับ ก็กำหนดไว้ชัดเจนที่ น.ส.ปารีณา มากล่าวหานั้น ส่วนตัวไม่ถือสาที่พูดพาดพิงเมื่อวานนี้ คงเข้าใจผิด เชื่อทุกคนทราบดีว่าอะไรคือความจริง ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ
แนะให้ส่งเรื่องเสรีฯพูดไม่เหมาะ
เมื่อถามถึงกรณีที่น.ส.ปารีณาออกมาระบุว่าที่ผ่านมาประธานสภาฯเคยอนุญาตให้ส.ส.หารือเรื่องอื่นด้วย นายชวน ยืนยันว่าไม่เคยมี มีแต่เป็นการพูดนอกเวลาการปรึกษาหารือซึ่งน.ส.ปารีณา คงจำไม่ได้ย้ำว่าเวลา 2 นาที เขาไม่เอาเรื่องพวกนี้มาพูดกัน ขอย้ำว่าถ้าปล่อยให้พูด เรื่องก็ไม่จบจึงได้บอกแล้วว่าปัญหาความขัดแย้งในกรรมาธิการโดยเฉพาะหาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมจริง ก็ร้องเรียนมาได้ จะดำเนินตามข้อบังคับให้
สอนให้มีวุฒิภาวะร่วมกันทำงาน
เมื่อถามถึงปัญหาความวุ่นวายของกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎรที่เกิดขึ้น นายชวนกล่าวว่ามีอยู่กรรมาธิการชุดนี้ชุดเดียวที่มีปัญหามาก ต้องฝากให้ประธานและกรรมาธิการ ช่วยกันดู เพราะสมาชิกทั้งหมด เป็นผู้แทนราษฎร มีวุฒิภาวะ ต้องหาทางทำงานร่วมกันให้ได้ตามข้อบังคับ
เตือนระวังทำภาพสภาเสียหาย
“ถ้าขัดแย้งปัญหา ก็ตามมา ภาพพจน์สภา ก็เสียหาย คนไม่กี่คนทำให้ส่วนรวมมีปัญหาเป็นลบไปหมด ต้องระวังและเตือนสมาชิกไว้ ยืนยันในฐานะประธาน ไม่มีโอกาสได้กลั่นแกล้งใครเพราะถ้ากลั่นแกล้งก็ถูกตำหนิถูกวิจารณ์แต่เป็นหน้าที่ที่จะต้องควบคุมการประชุม เมื่อมีคำพูดอะไรออกมาก็รู้ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ส่วนตัวไม่ขอวิจารณ์ปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่ในฐานะประธานต้องควบคุมโดยไม่สนใจว่าเป็นคนของพรรคไหน”ประธานสภาผู้แทนฯกล่าว ย้ำ
ปชป.เบรกปลด’เสรีฯ’หวั่นวุ่นทั้งสภา
ขณะที่ นายวิรัช ร่มเย็น อดีต ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่อาจจะมีการเสนอให้ปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส พ้นประธาน กมธ.ปปช.ในที่ประชุม กมธ.ว่ากรณีแบบนี้ไม่สมควรที่จะให้เกิดขึ้น หากมีการปลดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ออกจากตำแหน่ง แล้วอีก 34คณะก็น่าจะทำตามอย่างเพราะต้องยอมรับว่าใน กมธ.จะต้องมีสัดส่วนของแต่ละพรรคที่ใกล้เคียงกันซึ่งต่างคนต่างมีข้อขัดแย้งส่วนตัวระหว่างกันไม่ว่าจะเป็นอุดมการณ์ทางการเมืองหรือความเห็นส่วนตัว และยิ่งคณะกมธ.ในสภาผู้แทนฯชุดปัจจุบันนี้ หลายคณะมี ส.ส.ฝ่ายค้านมากกว่าฝ่ายรัฐบาลเสียอีกจึงห่วงว่าหากกรณีที่เกิดขึ้นจริง ก็จะทำให้สภาและการทำงานของคณะ กมธ.จะเกิดความวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น
ฝากให้ทำหน้าที่ตรวจสอบทุจริต
“ผมเองเคย เป็นประธานคณะ กมธ.ปกครองท้องถิ่น ในสภาชุดปี2551-2554ก็ยอมรับว่ามีข้อขัดแย้งในการทำงานบ้าง แต่ก็ต้องรักษาบรรยากาศการทำงานให้เรียบร้อยและยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ดังนั้นข้อขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นขอให้เป็นเรื่องภายในของคณะกรรมาธิการฯ แก้ไขเอาเอง ตามแนวทางที่ท่านประธานสภาฯ ชวน หลีกภัย แนะนำเอาไว้ “นายวิรัชกล่าวและเสนอว่า คณะกมธ.น่าจะต้องทำการตรวจสอบการทุจริตโดยเฉพาะหลายๆโครงการที่ยังเป็นที่สงสัยของประชาชน ฝากความหวังให้คณะกมธ.ชุดนี้ทำหน้าที่ ให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจให้ตรวจสอบการทุจริตแทนประชาชนด้วย
‘วันชัย’ชี้ธนาธรไม่รอดเสี่ยงติดคุก
ด้าน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ได้เขียนโพสต์บนเฟซบุ๊คส่วนตัว เรื่อง”เส้นทางอนาคตไหม้”ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่พ้นสภาพการเป็น ส.ส.ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีถือหุ้นสื่อว่า ช่างเหมือนกันเสียเหลือเกิน เส้นทางเดินของธนาธรอนาคตใหม่ กับ ทักษิณไทยรักไทย ต่างกันที่ธนาธรมาเร็วเคลมเร็วแล้วก็ไปเร็ว แต่จุดหมายปลายทางคงไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้นเหมือนๆกัน แต่ขอพูดถึงธนาธรอนาคตใหม่ ที่จะกลายเป็นอนาคตไหม้ ดังนี้ 1.ตัว ธนาธรไม่ได้เป็นส.ส.แน่นอนตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้จะเป็นหัวหน้าพรรค หรือจะเป็นนักการเมืองอย่างไรก็แล้วแต่ก็วนๆอยู่นอกสภา และก็จะวนไปวนมาอย่างนี้ เป็นสัมภเวสีทางการเมือง2.จากคำวินิจฉัยแทบจะเห็นคดีอาญาอยู่รำไรและมีคุกเป็นที่หมาย แถมถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอีกเกือบ 20 ปี แล้วจะไปผุดไปเกิดกันเมื่อไหร่ หรือว่าจะไปอยู่ต่างประเทศเหมือนคนอื่นเขา
ชี้ปมกู้เงินอาจถึงขั้นยุบพรรค
3.อีกเรื่องหนึ่งก็เป็นเรื่องที่จะต้องตายยกรัง แทบจะไม่ต้องค้นคว้าหาพยานที่ไหนเพราะตัวเองรับสารภาพทั้งด้วยวาจาและเอกสารว่าปล่อยเงินกู้ให้พรรคของตนเป็นร้อยๆล้าน แล้วมันจะดิ้นไปได้อย่างไร เรื่องนี้เขียนคำวินิจฉัยง่ายกว่าคดีหุ้นสื่อเสียอีก ถึงขั้นยุบพรรค กรรมการบริหารพรรคโดนกันเป็นตับๆ บรรดาหัวหอกก็คงจะหอกหักกันล่ะคราวนี้ 4.เมื่อพรรคแตก ผึ้งก็แตกรัง จะอยู่ถึง 80 คนเหมือนเดิมหรือเปล่า แม้จะมีพรรคใหม่สำรองไว้ก็อาจจะเหลือสักครึ่งๆ นอกนั้นทางใครทางมันใส่คอนเวิร์สไปคนละทิศคนละทางแน่นอน ตอนนี้มันก็กรุ่นๆอยู่แล้ว และ5.กระแสวัยรุ่น กระแสของพรรคตอนเลือกตั้งกับตอนนี้มันต่างกันลิบลับ เรตติ้งลดลงมาโดยลำดับ ก็ดูสิ..จัดกิจกรรมแต่ละครั้งก็คนหน้าเดิมๆ พวกป้าพวกลุงก็เสื้อแดงหน้าเก่าๆหนุ่มสาวที่ลงคะแนนเลือกตั้งก็ไม่ได้มาวี้ดว้ายกระตู้วู้เหมือนตอนนั้น
“สรุปแล้ว อนาคตใหม่ ไม่น่าจะไหม้เร็วเกินไป ทั้งหมดทำตัวเองแท้ๆอยู่ไม่เป็น ไม่เป็นไรแต่ดันทำไม่เป็นนี่สิ..ผลมันจึงอยู่ไม่ได้”นายวันชัย กล่าว
อนค.ระส่ำหนัก’3ส.ส.โหวตสวนอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 21พฤศจิกายน ส.ส.ฝ่ายค้านได้เสนอขอนําญัตติ เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2560ขึ้นมาพิจารณาต่อ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ.2562 ซึ่งที่ประชุมลงมติออกผลปรากฏว่าที่ประชุม 241 เสียงไม่เห็นด้วยให้เลื่อน โดยมีเสียงเห็นด้วย 229 เสียง และงดออกเสียง1 เสียง
จากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนที่โหวต ไม่เห็นด้วย มี ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่รวมอยู่ด้วย ได้แก่ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี,พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรีและ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง3คน เคยโหวตสวนมติพรรคอนาคตใหม่มาแล้วกรณีพ.ร.ก.โอนอัตราพลกำลังฯซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการถูกพรรค อนค.ตั้งกรรมการสอบสวนพร้อมมีคำสั่งห้ามประชุมพรรคและถูกส.ส.ในพรรคหมางเมินอย่างหนัก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี