เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม" ระบุว่า ผมได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ออกมาโต้พรรคอนาคตใหม่จากการรณรงค์ร่าง พ.ร.บ.การรับราชการทหารฉบับใหม่แล้ว เห็นว่า พล.อ.ประวิตรคงเข้าใจอะไรผิดไปมาก แล้วเอาความเข้าใจผิดนั้นมาสร้างเป็นคำขู่เสียใหญ่โตว่า "ถ้าสมมุติว่ามีอะไรเกิดขึ้น ใครจะรับผิดชอบ"
ประเด็นสำคัญประเด็นเดียวที่ พล.อ.ประวิตรได้ยกขึ้นมาโต้แย้งคือ ความจริงประเทศไทยใช้ระบบรับสมัครทหารอยู่แล้ว แต่จำนวนที่สมัครเข้ามาไม่เพียงพอ จึงต้องเกณฑ์เพิ่ม "นิดหน่อย"
ผมขอยกข้อมูลสถิติความต้องการทหารกองประจำการทั้งหมด, จำนวนผู้สมัครใจเข้ารับราชการทหาร และจำนวนผู้ที่ถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหารไม่ได้สมัครใจ ในช่วงปี 2559 - 2561 มาให้ดูกันนะครับ
ปี 2559 ต้องการกำลังพล 101,307 นาย สมัครเข้ามา 47,172 นาย เกณฑ์เข้ามา 54,135 นาย
ปี 2560 ต้องการกำลังพล 103,097 นาย สมัครเข้ามา 50,580 นาย เกณฑ์เข้ามา 52,517 นาย
ปี 2561 ต้องการกำลังพล 104,734 นาย สมัครเข้ามา 44,797 นาย เกณฑ์เข้ามา 59,937 นาย
จำนวนคน 54,000 - 60,000 คน สำหรับ พล.อ.ประวิตรแล้วถือว่า "นิดหน่อย" อย่างนั้นหรือครับ?
แล้วอะไรคือเหตุผลที่ต้องตั้งความต้องการกำลังพลถึงหลักแสนนายในแต่ละปี?
ผมต้องขอย้ำอีกครั้งว่าหลักคิดที่สำคัญของร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้คือการ "ลดจำนวน เน้นคุณภาพ" โดยเอางบประมาณที่เสียไปกับการเกณฑ์ทหารจำนวนมากมาพัฒนาทหารที่สมัครใจเข้ามาให้มีความเชี่ยวชาญจริงๆ รวมถึงให้สวัสดิการ, ให้โอกาสได้เลื่อนขั้น และให้หลักประกันว่าจะไม่ถูกละเมิดสิทธิ ซึ่งจะสร้างแรงจูงใจให้มีผู้สมัครเข้ามาเป็นทหารได้มากกว่าที่เป็นอยู่ (แต่แน่นอนว่าจะไม่เปิดรับเป็นหลักแสนนายอย่างในปัจจุบัน)
เหตุที่ลดจำนวนเพราะเราเห็นแล้วว่าในสถานการณ์ปรกติ (ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน) ประเทศไทยไม่ได้มีความจำเป็นต้องดำเนินปฏิบัติการทางทหารที่ใช้กำลังพลนับหมื่นๆ นาย แต่อาจต้องการหน่วยทหารที่มีขนาดเล็กแต่มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จมากกว่า
เราไม่ได้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารโดยเด็ดขาดทุกกรณี เพราะหากบ้านเมืองอยู่ใน "ภาวะสงคราม" ก็จำเป็นต้องนำการเกณฑ์ทหารกลับมาใช้ โดย "ภาวะสงคราม" ที่ว่านี้ไม่ได้หมายความว่าต้องรอให้เกิดสงครามขึ้นก่อน แต่เป็นภาวะที่เห็นแนวโน้มหรือความเสี่ยงได้อย่างชัดแจ้งว่าจะเกิดสงครามที่ต้องอาศัยกำลังพลจำนวนมากถึงขนาดต้องเกณฑ์ทหาร ซึ่งจะต้องแสดงข้อมูลที่น่าเชื่อถือให้เห็นได้ถึงแนวโน้มหรือความเสี่ยงนั้นจริงๆ มิใช่กล่าวอ้างโดยปราศจากหลักฐาน
คำขู่ของ พล.อ.ประวิตรว่า "ถ้าสมมุติว่ามีอะไรเกิดขึ้น" เป็นเพียงคำขู่ลอยๆ ที่ตัว พล.อ.ประวิตรเองก็ไม่สามารถชี้แจงได้ด้วยซ้ำว่าอะไรที่ว่านั้นมันคืออะไรกันแน่ และมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด ผมและพรรคอนาคตใหม่จึงไม่อาจยอมรับคำโต้แย้งแบบนี้ให้มายกเลิกการผลักดันร่างพ.ร.บ.การรับราชการทหารฉบับใหม่ของเราได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี