ถึงคิวพรรคเสี่ยหนู!‘พี่ศรี’จ่อร้องปปช.ฟันสส.กระบี่ อ้างครองที่ดิน ภบท.5รวม200ไร่
26 พฤศจิกายน 2562 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ตรวจสอบรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) พบว่า นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ได้ครอบครองที่ดิน ภบท.5 จำนวน 2 แปลงรวม 200 ไร่ในพื้นที่หมู่ 8 ต.ห้วยยูง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ซึ่งน่าจะขาดคุณสมบัติของการมีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด
นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ภบท.5 คือ เอกสารการเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภาษีดอกหญ้า) ซึ่งท้องถิ่นจะจัดเก็บ ไม่เกี่ยวกับว่าใครเป็นเจ้าของที่ดิน ไม่ใช่เอกสารแสดงสิทธิครอบครองที่ดิน เพราะเจ้าของที่ดินก็ยังคงเป็นของทางราชการอยู่ เพียงแต่อาจจะให้มีการใช้ประโยชน์ชั่วคราว แต่ไม่ถือว่าผู้ที่ใช้ประโยชน์นั้นเป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งกรมการปกครองเมื่อปี 2551 สั่งให้ยกเลิกการเก็บภาษีดังกล่าวแล้ว เพราะปัญหาคือส่วนมากเป็นที่ป่าสงวน การแจ้งเสียภาษีก็แจ้งกันเองโดยไม่รังวัด บางรายครอบครองเป็นร้อยเป็นพันไร่ บุกรุกป่าทั้งนั้น ซึ่งที่ดินประเภทดังกล่าว ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดินแต่อย่างใด โดยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2519 กำหนดบรรทัดฐานไว้ว่า “ผู้ที่มีชื่อในใบเสร็จเสียเงินบำรุงท้องที่เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้เสียภาษีเท่านั้น ไม่ใช่หลักฐานแสดงว่าผู้นั้นมีสิทธิครอบครอง”
นายศรีสุวรรณ อ้างว่า ดังนั้นการที่นายสฤษฏ์พงษ์ ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ปรากฏโดยชัดแจ้งว่ามีที่ดิน ภบท.5 จำนวน 2 แปลงๆละ 100 ไร่ รวม 200 ไร่ และมีที่ดินที่เป็นโฉนดอีก 22 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท และมีทรัพย์สินอื่นๆอีกมากมายรวมมูลค่ากว่า 164 ล้านบาท จึงไม่ถือว่ามีฐานะยากจนหรือเป็นเกษตรกร หรือผู้ยากไร้ ซึ่งขัดหรือแย้งต่อ พรฎ.กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเป็นเกษตรกร พ.ศ.2535
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ดังนั้นนายสฤษฏ์พงษ์ ย่อมรู้ว่าตนเองเป็นผู้ที่อาจขาดคุณสมบัติของการได้สิทธิในการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ภบท.5 แต่กลับไม่ยอมสละที่ดินดังกล่าวคืนให้รัฐเพื่อนำไปจัดสรรให้กับผู้ยากไร้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งเท่ากับว่าอาจมีเจตนาที่จะทุจริตต่อหน้าที่ตาม กฎหมาย ป.ป.ช.2561 และอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรงในข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 9 และยังเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลักในข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 17 และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมทั่วไปในข้อ 21 ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.219 บัญญัติ
ทั้งนี้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อดำเนินการเอาผิดหรือลงโทษหากพบความผิดในกรณีดังกล่าวต่อไป โดยจะไปยื่นคำร้องในวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.30 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี