มติกก.วัตถุอันตรายพลิก
ยืดแบน2สาร
อนุทินยอมรับผิดหวัง
แต่ไม่ทำให้เรือเหล็กรั่ว
มนัญญายัวะคืนกรมวิชาการกษ.
หักหน้าชงเรื่องขยายเวลา
กก.วัตถุอันตรายพลิกมติเลื่อนแบน “พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส” ไปอีก 6 เดือน มีผล 1 มิถุนายน 2563 ส่วน “ไกลโฟเซต” ไม่แบน ให้จำกัดการใช้“เสี่ยหนู”ยอมรับมติ แม้ผิดหวังแต่ทำสุดซอยแล้ว ยันไม่ทำให้เรือเหล็กรั่ว ด้าน “มนัญญา”ควันออกหู ถูกข้ามหน้า หลังปลัดเกษตรฯ –อธิบดีกรมวิชาการเกษตรดอดให้ “เฉลิมชัย”ลงนามเอกสารขยายเวลายกเลิก พร้อมผลรับฟังความเห็นเสนอที่ประชุมบอร์ดสารพิษ
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่กระทรวงอุตสาหกรรม มีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งมีวาระสำคัญในการพิจารณาเกี่ยวการยกเลิกใช้ 3 สารเคมีทางการเกษตรคือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ให้มีผลทันทีวันที่ 1 ธันวาคมหรือไม่ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายเป็นประธานการประชุมครั้งแรก
พลิกมติ เลื่อนแบน 2และจำกัดใช้1
หลังใช้เวลาหารือประมาณ 3 ชั่วโมง นายสุริยะแถลงผลการประชุมว่า คณะกรรมการวัตถุอันตรายมาร่วมประชุม 24 คน จากทั้งหมด 29 คน ได้พิจารณาข้อมูลที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอ และแสดงความคิดเห็นแล้ว มีมติเอกฉันท์ให้ออกประกาศกำหนดวัตถุอันตรายพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 โดยให้กำหนดระยะเวลาบังคับใช้เลื่อนจาก 1 ธันวาคม 2562 เป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ส่วนไกลโฟเซตให้ใช้มาตรการจำกัดการใช้ตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561
นายสุริยะกล่าวต่อวา นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรและกระทรวงเกษตรฯจัดทำมาตรการรองรับในการหาสารทดแทน หรือวิธีการอื่นที่เหมาะสมสำหรับวัตถุอันตรายพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส รวมถึงมาตรการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และให้นำเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาภายในเวลา 4 เดือน นับจากวันที่มีมติ
สุริยะแจงพิจารณาตามข้อมูล ก.เกษตร
ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศที่กระทรวงอุตสาหกรรมว่า มีเกษตรกรที่ขอใช้สารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด มาคอยฟังผลการประชุม และมีนายอันวาร์ สาและ ประธานกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา ยื่นหนังสือต่อนายสุริยะ อยากให้เปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายที่ต้องการให้แบน 3 สารเคมีกับฝ่ายที่ต้องการใช้สารเคมีต่อไป เพื่อพิสูจน์ความจริงว่า สารเคมีดังกล่าวเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภคหรือไม่ และต้องการให้ทุกฝ่ายศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เพื่อความเป็นธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย โดยรัฐบาลต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมืองต่อไป
ทั้งนี้ หลังกลุ่มเกษตรกรที่มารอฟังผลการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย รับทราบมติให้เลื่อนการยกเลิกใช้พาราควอต คลอร์ไพริฟอสออกไปอีก 6 เดือน และจำกัดการใช้ไกลโฟเซตตามมติเดิม กลุ่มเกษตรกรยังคงจับกลุ่มหารือ พูดคุยกันว่า หลังจากนี้จะทำอย่างไรกันต่อไป จากเดิมที่จะมีการแบนในวันที่ 1 ธันวาคม แม้จะขยายเวลาออกไป ก็จะยังคงได้รับผลกระทบต่อไปอยู่ดี.
โดยแกนนำเกษตรกรได้สอบถามนายสุริยะ ที่เดินออกมาจากห้องประชุม สอบถามเหตุผลของการขยายเวลายกเลิกใช้พาราควอต คลอร์ไพริฟอส ไปอีก 6 เดือน ซึ่งนายสุริยะชี้แจงว่า เป็นการพิจารณาตามข้อมูลที่กระทรวงเกษตรฯเสนอเข้ามาในคณะกรรมการฯ ส่วนเหตุผลที่ยังไม่ประกาศเลิกใช้ไกลโฟเซต แต่ให้จำกัดการใช้ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีอันตราย แต่เกษตรกรพยายามสอบถามถึงแนวทางว่า แล้วหลังพ้น 6 เดือนไปแล้ว จะดูแลเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างไร นายสุริยะ ตอบว่า ก็ให้ ก.เกษตรฯไปพิจารณาแนวทางนี้ ก่อนที่จะขอตัวกลับ
มนัญญาปรี๊ดบิ๊กเกษตรฯหักหน้า
มีรายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรฯ หลังการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเผยว่า น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯไม่พอใจกรมวิชาการเกษตรมาก ที่แอบทำหนังสือขอขยายระยะเวลา 3 กรณี หลังมติแบน 3 สารเคมีเกษตร โดยแบ่งเป็น 1.ขยายเวลา 1 เดือน 2.ขยายเวลา 3 เดือน 3.ขยายเวลา 6 เดือน โดยไม่แจ้งให้ทราบ มาแอบเห็นเอกสารหลังส่งเข้าคณะกรรมการวัตถุอันตรายแล้ว
“นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข และน.ส.มนัญญาไม่พอใจมากที่กรมวิชาการเกษตรไม่เสนอเอกสารมาให้ตรวจ ก่อนนำเข้าประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งเอกสารดังกล่าวลงนามโดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯและปลัดกระทรวงเกษตรฯนำส่งเข้าที่ประชุมทันที”
สะพัดเสี่ยหนูฉุนปชป.เล่นเกมใต้ดิน
ขณะเดียวกันแหล่งข่าวกระทรวงเกษตรฯเผยว่า ก่อนทราบผลประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายนายอนุทินเรียกน.ส.มนัญญาไปที่รัฐสภา เพื่อประชุมพรรคแสดงจุดยืนของพรรคภูมิใจไทย และเมื่อทราบมติกรรมการวัตถุอันตรายแล้ว นายอนุทินไม่พอใจมาก คาดว่าจะกลายเป็นรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้การปรับครม.ที่เร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เล่นเกมการเมืองใต้ดินโดยส่งอดีตผู้สมัครส.ส.จันทบุรี ของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าเป็นแกนนำม็อบเกษตรกรแต่งชุดดำต้านการยกเลิกใช้ 3 สาร นำเกษตรกร และร้านค้าจำหน่ายสารเคมี มาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องร่วมกับสมาคม เอกชนนำเข้าสารเคมี จนส่งผลขยายเวลาการแบนสาร
“อนุทิน”รับผิดหวังกัดฟันยอมรับมติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังทราบมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่า ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงมติเดิม แต่อย่างไรก็ตาม มติดังกล่าวไม่เป็นเอกฉันท์ เพราะคณะกรรมการในสัดส่วนของกระทรวงสาธารณสุขยังยืนยันให้แบนสารเคมีทั้ง 3 ชนิด ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจาษณ์ว่ามตินี้จะมีผลต่อการพิจารณาร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยนั้น เป็นคนละเรื่องกัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นการพิจาณาของคณะกรรมการแต่ละคนซึ่งมีอิสระ เพียงแต่จุดยืนของกระทรวงสาธารณสุขคือ อะไรที่มีปัญหาต่อสุขภาพ ต่อชีวิตประชาชน เราเห็นชอบด้วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีมติแล้ว ก็ต้องให้เกียรติ ส่วนกระทรวงสาธารณสุขก็สุดซอยแล้ว น.ส.มนัญญาไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯก็สุดซอยแล้ว ทำเต็มที่เพื่อปกป้องสุขภาพ รักษาชีวิตประชาชน แต่ทั้งหมดมีกระบวนการการลงมติ ฝ่ายเสียงข้างน้อยก็ต้องทำตามกฎหมาย
“ยอมรับว่าผิดหวัง ถ้ามีกฎหมายให้รมว.สาธารณสุขใช้อำนาจหักล้างมติวันนี้ได้ ผมจะเซ็นตอนนี้เลยแต่มันทำไม่ได้”นายอนุทิน ย้ำและว่า เรื่องการแบนหรือไม่แบนสารพิษ ไม่ใช่นโยบายรัฐบาลเพราะคณะกรรมการมาจากผู้ทรงคุณวุฒิไม่ใช่ผู้แทนจากราชการอย่างเดียว เขาออกมติมาแบบไหน เราก็ต้องยอมรับ ถ้าไม่ยอมรับแปลว่าไม่เคารพกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุข ต้องเคารพมติคณะกรรมการแต่ต้องเตรียมยารักษาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมี
ยืนยัน ไม่ทำให้เรือเหล็กล่ม
นายอนุทินยังกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้จะไม่ใช่รูเล็กๆ ให้เรือเหล็กล่ม เพราะตนมีช่างอ๊อก จบวิศวกรรมโลหะ เรื่องจุดยืนของพรรคร่วมแต่ละพรรคจะเห็นต่างก็ไม่เป็นไร เพราะแต่ละกระทรวงมีภารกิจและมุมมองต่างกัน หน้าที่ของสาธารณสุขจากนี้ ต้องรณรงค์ให้เกษตรกรระวังมากขึ้น ใช้ตามคำแนะนำเพิ่มมากขึ้น และขอให้โชคดี อโรคยา ปรมาลาภา” นายอนุทิน กล่าว
ปลัด กษ.เผยเฉลิมชัยให้ยึดข้อมูล
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรฯให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่ว่า กระทรวงเกษตรฯมีผู้แทน 4 คนได้แก่ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ อธิบดีกรมปศุสัตว์ อธิบดีกรมประมง และอธิบดีกรมวิชาการเกษตร สำหรับการลงความเห็นนั้น ยืนยันว่านายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯไม่ได้สั่งการให้เป็นไปในทางใดทางหนึ่ง กรรมการแต่ละคนจะพิจารณาจากข้อมูลซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายประมวลมาจากทุกภาคส่วน
บิ๊กกรมวิชาการฯชงข้อมูลเลื่อนแบน
มีรายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมครั้งนี้ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเตรียมข้อมูลผลรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. ... เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายเกี่ยวกับการปรับสถานะสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิดได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ส่งผลให้ห้ามนำเข้า ส่งออก นำผ่าน ผลิต และครอบครอง ซึ่งมีผู้แสดงความเห็นผ่านเว็บไซต์และแบบสอบถามทั้งหมด 48,789 ราย โดยมีผู้เห็นด้วย 12,143 ราย ไม่เห็นด้วย 36,646 ราย
ส่วนประเด็นผลพิจารณาระยะเวลาและความเหมาะสมในการบริหารจัดการวัตถุอันตรายที่ยังเหลืออยู่ หลังประกาศบังคับใช้ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องนั้น คาดว่าอธิบดีกรมวิชาการเกษตรจะเสนอตามที่เสนอต่อคณะทำงานพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิด ที่ปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานไปก่อนหน้านี้ โดยกรมวิชาการเกษตรเห็นว่า ขั้นตอนที่ต้องเปิดรับแจ้งการครอบครองภายใน 15 วัน และต้องให้ผู้ครอบครองนำมาส่งมอบภายใน 15 วันหลังการแจ้ง หากออกประกาศวันที่ 1 ธันวาคมจะเหลือเวลาเพียง 5 วัน ซึ่งกระชั้นชิดมาก ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการนำเข้าและผลิต และร้านจำหน่ายตั้งตัวไม่ทัน อีกทั้ง กระบวนการจัดการกับสารเคมี 3 ชนิดซึ่งมีอยู่ประมาณ 28,000 ตัน ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือนจึงอาจเสนอที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาชะลอการบังคับใช้กฎหมายออกไปก่อน
รายงานข่าวระบุต่อว่า ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่า กรรมการที่เป็นผู้แทนจากกระทรวงเกษตรฯ จะสนอผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากยกเลิก 3 สารทันที โดยจากการศึกษาข้อมูลของคณะทำงานฯ ซึ่งมาจากหลายหน่วยงานประเมินว่า เกษตรกร 600,000 ราย จะมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นคิดเป็นมูลค่า 33,417 ล้านบาท นอกจากนี้ คาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายจะพิจารณาถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ โดยไทยจะถูกกล่าวหาว่า ทำให้เกิดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี (Non-Tariff Barriers : NTB) โดยตามกติกาขององค์การการค้าโลก (WTO) หากจะเลิกใช้สารเคมีการเกษตรชนิดใด อันจะส่งผลให้ประเทศคู่ค้าไม่สามารถส่งสินค้าเข้ามาจำหน่ายได้นั้น ต้องส่งหนังสือแจ้งไปยัง WTO ให้ประเทศสมาชิกทราบล่วงหน้าก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ 60 วัน
โดยก่อนหน้านี้ กรมวิชาการเกษตรส่งหนังสือแจ้ง WTO เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน อีกทั้ง เมื่อแจ้ง WTO ต้องมีระยะเวลาให้ประเทศสมาชิกพิจารณา ปัญหาอีกประการคือ ไทยไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตอุตสาหกรรมต่อเนื่องภาคการเกษตรเช่น ถั่วเหลือง ข้าวสาลี เพราะเมื่อประกาศยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิดแล้ว สินค้าเกษตรที่นำเข้าต้องมีค่าตกค้างของสารที่ยกเลิกใช้เท่ากับ 0 (zero tolerance) ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขที่ 387 เรื่องอาหารที่มีสารพิษตกค้าง พ.ศ. 2560 แต่เนื่องจากประเทศที่ไทย ยังจำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศที่ใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดอยู่
การจะนำเข้าได้ต้องแก้ไข “ระดับปริมาณสารพิษที่เป็นอันตรายทางเคมี” (Maximum Residue Limits : MRLs) จากที่คณะกรรมาธิการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศในโครงการมาตรฐานอาหารขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลก (Codex; Joint FAO/WHO Food Standards Programme) กำหนดไว้ โดยไทยต้องแสดงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ได้มาตรฐานสากล สำหรับรองรับการยกเลิกใช้สารเคมีชนิดนั้นๆ และการแก้ไขค่า MRLs ของสินค้านำเข้าว่า ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้เห็นชัดเจนจนประเทศสมาชิกยอมรับจึงจะมีผลในทางปฏิบัติในการค้าระหว่างประเทศได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี