‘เสรีฯ-ปารีณา-สิระ’ป่วน
กมธ.ปปช.วุ่น
มติ7ต่อ2ไม่ปลดประธาน
ขู่ฟ้อง‘ปปช.’เอาผิดม.157
บิ๊กป้อมไม่หวั่นซักฟอกรบ.
กมธ.ป.ป.ช.วุ่นอีก“ปารีณา”ลากเก้าอี้นั่งคู่ประธาน ขวาง“วิโรจน์-วัฒนา”ที่ปรึกษาปธ.นั่ง ชี้ไม่เหมาะสม“เสรีพิศุทธ์”ซัด“ปารีณา”ห้ามเล่นมือถือ ผิดข้อบังคับประชุมก่อนมีมติ 7 ต่อ 2 ไม่ปลดตัวเองพ้นปธ. ขณะ“สิระ”ไม่ยอม เตรียมยื่นป.ป.ช.เอาผิดม.157 และฟ้องปธ.สภาฯ“ชวน”ในสภาใหญ่ ‘บิ๊กป้อม’ไม่กังวลฝ่ายค้าน จ่อยื่นซักฟอกไม่ว่าเรื่องศก.หรือ 3ป. มั่นใจตอบได้หมด ‘ปชป.’ถอย แจงเหตุไม่ส่ง‘มาร์ค’ชิงนั่งประธาน.กมธ.ศึกษาแก้รธน.ผวาวิปรบ.ไม่หนุน กกต.ขีดเส้น 2ธค. ให้ อนค.ยื่นแจงเงินกู้ ‘ธนาธร’
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เตรียมพร้อมรับศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า เรื่องที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เป็นไร เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน ก็ได้กำชับในที่ประชุม ครม.และทุกกระทรวงไปแล้ว ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลและนโยบายต่างๆไม่มีปัญหา เพราะทุกคนอยู่ในรัฐบาล
“ส่วนตัวของผมก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะเราไม่มีอะไรจะต้องไปเตรียมความพร้อมเรื่องอะไร ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่าจะล็อคเป้าไว้ที่ 3ป.นั้นก็ทำไปเถอะ แต่ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไร”พล.อ.ประวิตร กล่าว
‘บิ๊กป้อม’พร้อมตอบศึกซักฟอก
ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องพูดคุยกันก่อนจะอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้ฝ่ายค้านยังไม่ได้ยื่นญัตติเลย ยังไม่รู้รายละเอียดว่า จะอภิปรายใครบ้าง รอให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติก่อน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าฝ่ายค้านจะพุ่งเป้าไปที่ประเด็นเศรษฐกิจนั้น เป็นเรื่องของทีมเศรษฐกิจ ซึ่งทีมเศรษฐกิจทั้งหมดยืนยันมีเอกภาพอยู่ ไม่มีเอกภาพจะอยู่กันได้อย่างไรและตลอด3เดือนของการทำงานที่ผ่านมา รัฐบาลมีความตั้งใจทำงานตามกฎหมายและไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดความข้องใจ รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่และร่วมมือกันทุกฝ่าย
‘ปารีณา’โต้เดือด’เสรีพิสุทธ์’อีก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เวลา 09.00น.คณะกรรมาธิการ(กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฏรซึ่งมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธานฯและมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายวัฒนา เมืองสุข ที่ปรึกษาประธาน กมธ. นั่งข้าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดยทันทีที่เปิดประชุม น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะ กมธ.ได้ยกมือประท้วง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่า ไม่ควรให้ผู้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประธาน กมธ.นั่งข้างๆเพราะตำแหน่งที่นั่งข้างประธาน กมธ.ควรเป็นรองประธาน กมธ.มากกว่า
‘สส.เอ๋’ลากเก้าอี้นั่งข้างประธาน
โดยบรรยากาศในที่ประชุมเริ่มเกิดการโต้เถียง โดย น.ส.ปารีณา อ้างธรรมเนียมปฏิบัติว่าตำแหน่งที่ปรึกษา ต้องนั่งต่อจาก กมธ.แต่ กมธ.คนอื่นไม่ถือสา โดยให้พิจารณาจากความอาวุโสทางการเมืองมากกว่า แต่ น.ส.ปารีณา กลับไม่จบ โดยกล่าวว่า จะให้สส.สอบตกนั่งตรงนั้น ไม่ได้ ถือว่าไม่ให้เกียรติ กมธ.ท่านอื่น เป็นการผิดมารยาท แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ไม่ยอม ด้านเจ้าหน้าที่ กมธ.ของรัฐสภาชี้แจงว่า ตามระเบียบข้อบังคับไม่มีกำหนดไว้ว่า ใครจะต้องนั่งตรงไหน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงตัดบทว่า ใครจะนั่งตรงไหนก็ได้ ทำให้ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า”ดิฉันขอไปนั่งข้างประธาน”แล้วลุกขึ้นหยิบกระเป๋าไปวางข้าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พร้อมลากเก้าอี้มานั่งหัวโต๊ะข้างๆพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แบบใกล้ชิด จนพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า“เอ้านักข่าวถ่ายหน่อย ผมได้นั่งใกล้คนสวย อย่ากอดผมแล้วกันนะ”
ชี้เล่นมือถือผิดข้อบังคับการประชุม
จากนั้น ที่ประชุม กมธ.เข้าสู่วาระเสนอปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่การประชุมดำเนินต่อได้ไม่นาน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็หันไปต่อว่า น.ส.ปารีณา ว่า กำลังพิมพ์อะไรบางอย่างในโทรศัพท์เพื่อรายงานใคร ทำให้ น.ส.ปารีณาชี้แจงว่า“ดิฉันกำลังเซิร์สกูเกิ้ลข่าวน ายชวน หลีกภัย ปลดเสรีพิศุทธ์ อยู่ค่ะ”บรรยากาศจึงวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถามหาข้อบังคับที่ห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารในห้องประชุมถ้าเกิดไม่หยุดใช้โทรศัพท์ จะฟ้อง นายชวน เพราะรบกวนโสตประสาทการทำหน้าที่ประธาน กมธ.
‘สิระ’เหน็บไม่ได้มองที่โทรศัพท์
ขณะที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพปชร.กล่าวหา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่า ที่ระบบโสตประสาทถูกรบกวน เพราะไม่ได้มองจอโทรศัพท์ของ น.ส.ปารีณา แต่มองอย่างอื่นของ น.ส.ปารีณา มากกว่า ทำให้ น.ส.ปารีณา ขยับตัวเพื่อป้องกันตัวเอง ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โต้ทันทีว่า “ผมจะไปมองอะไรปารีณา มีอะไรให้ผมน่ามอง”สิ้นเสียง นายสิระ กล่าวว่า“นี่หรือคำพูดของอดีต ผบ.ตร.”
มติ7ต่อ2ไม่พิจารณาปลดพ้นปธ.
จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ตัดบทและเข้าสู่วาระการประชุมเสนอปลดตัวเองโดยสส.ฝ่ายรัฐบาล เสนอให้ทำเรื่องถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนฯว่า กมธ.สามารถลงมติปลดประธาน กมธ.ได้หรือไม่ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กลับไม่ฟังเสียงทักท้วงและให้ที่ประชุมพิจารณาว่า จะสามารถปลดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้หรือไม่ โดยที่ประชุม กมธ.ลงมติ 7ต่อ2 งดออกเสียง 4เสียง ไม่เห็นด้วยที่จะนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาในที่ประชุม แต่ให้ นายสิระ ไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งหนึ่งในบุคคลที่ลงมติเสียงข้างมากนั้น มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ด้วย ขณะที่ 2เสียงข้างน้อย คือนายสิระและน.ส.ปารีณา
อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนที่จะมีการลงมติ นายสิระ ได้ชักชวน กมธ.ในสัดส่วนของรัฐบาลให้วอล์คเอาท์ออกนอกห้องประชุม แต่ไม่มี กมธ.คนใดสนับสนุน ทั้งนี้ วันที่ 2ธันวาคม นายสิระ จะไปร้องต่อ คณะกรรมการกป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ให้ดำเนินการเอาผิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีใช้คำสั่งเรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีมติที่ประชุม รวมทั้งการแต่งตั้งที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการฯโดยมิชอบ
‘เสรีพิศุทธ์’โหวตให้ตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงมติเสียงข้างมาก 7เสียง ประกอบด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ , นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย,นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย , นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ สส.กทม.พรรคเพื่อไทย , นายวิทยา ทรงคำ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยและนายจุลพันธ์ โนนศรีชัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ มีผู้ลาการประชุม 1คน คือ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่
‘สิระ’ไม่ยอม-ลุยฟ้อง’ปปช.-ชวน’
ต่อมา นายสิระ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า กมธ.ฯมีมติเสียงข้างมาก 6ต่อ2และงดออกเสียง 4คน เห็นด้วยกับการ กมธ.ฯไม่มีอำนาจเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธาน รองประธานและเลขานุการของ กมธ.ฯซึ่งเสียงโหวต 6คน ที่เห็นด้วยเป็นของพรรคฝ่ายค้าน รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ด้วย ส่วน 2คนที่ไม่เห็นด้วยได้แก่ ตนและน.ส.ปารีณา ส่วนอีก4คน ที่งดออกเสียงเป็นกมธ.ฯสัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาล
นายสิระ กล่าวต่อว่า แม้ที่ประชุมจะมีมติเสียงข้างมากไปแล้ว แต่ตนจะไม่หยุดอยู่แค่นี้และยืนยันว่าการแต่งตั้งตำแหน่งกมธ.สามัญฯต่างๆยังเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบของประธานกมธ.ฯ ดังนั้นตนจะดำเนินการต่อ3แนวทาง คือ 1.จะเสนอเรื่องต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนฯให้ตรวจสอบพฤติกรรมประธานกมธ.ฯในการกระทำดังกล่าว โดยมีการใช้ตำแหน่ง รวมถึงมติในกมะ.ฯว่า สามารถปลดประธานได้หรือไม่ 2.วันที่ 2ธันวาคม จะยื่นหนังสือต่อประธานปปช.เพื่อให้สอบพล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ว่า มีพฤติกรรมโดยมิชอบและ3.จะหารือในที่ประชุมสภา โดยจะสอบถามว่า ตำแหน่งกมธ.มีอำนาจแค่ไหน
ปชป.แจงไม่ชงมาร์คนั่งปธ.แก้รธน.
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคปชป. มีมติพิจารณาบุคคลที่มีความเหมาะสมในการเป็นกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ในส่วนของพรรคได้รายชื่อครบแล้ว 5คนที่จะเข้าไปเป็นกมธ.ฯ ส่วนวาระการพิจารณาในสภายังดูอยู่ว่า วาระจะเข้าการประชุมสภาวันที่ 27พ.ย.หรือวันที่ 28พ.ย.
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มติที่ประชุมพรรคมีการเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ชิงตำแหน่งประธานกมธ.ฯแต่มติที่ประชุมพรรคล่าสุด ไม่มีการเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ นายจุรินทร์ กล่าวว่า อันนั้นเป็นมติพรรคเบื้องต้นที่มอบหมายให้ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปพรรคปชป.ไปหารือร่วมกับคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แต่เมื่อได้นำรายชื่อไปหารือแล้วก็ยังไม่ได้มีความชัดเจนว่า จะเป็นอย่างไร เมื่อพรรคต้องมีมติแล้ว จึงต้องมีมติดังกล่าวออกมา เมื่อยังไม่มีความชัดเจน การที่จะส่ง นายอภิสิทธิ์ ไปเป็นประธานกมธ.ฯหรือกรรมาธิการฯก็เกรงว่า ถ้าส่งไปแล้วจะเกิดความผิดพลาด มีปัญหาขึ้นมา ก็ต้องรักษาท่านไว้ พูดตรงๆ การรักษาท่านไว้หมายความว่า ถ้ายังไม่มีความชัดเจน แล้วส่งท่านไป หากกรรมาธิการฯไม่ได้เลือกท่านมันจะไม่คุ้มที่สูญไป อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปการที่จะเลือกประธานกมธ.ฯจะเป็นไปตามมติวิปรัฐบาลและเป็นเรื่องของกรรมาธิการฯ” นายจุรินทร์ระบุ
ไม่ได้เป็นสส.หวั่นวิปรบ.ไม่หนุน
ขณะที่ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป.แถลงถึงเหตุที่ไม่มีชื่อ นายอภิสิทธิ์ เป็น กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคได้มติหนุน นายอภิสิทธ์ เป็นประธาน กมธ.ฯโดยจากที่พรรคได้มอบนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปพรรค ไปพูดคุยกับวิปรัฐบาล และกลับมารายงานที่ประชุมพรรคว่าวิปรัฐบาลไม่มีความชัดเจนในการสนับสนุนนายอภิสิทธิ์เป็นประธาน กมธ. พรรคจึงมีมติที่จะเสนอชื่อบุคคล 4 รายชื่อตามที่เป็นข่าวไปแล้ว ยืนยันพรรคมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่เริ่มแรก ที่ประกาศร่วมรัฐบาล ส่วนการไม่เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เพราะเมื่อไม่มีความชัดเจนจากวิปรัฐบาล ในตำแหน่งประธานกมธ.เราจึงมีความชัดเจนในที่ประชุมส.ส.” นายราเมศ กล่าว
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์เคยบอกว่าจะรับตำแหน่งนี้หรือไม่ มีแต่คนอื่นพูด นายราเมศ กล่าวว่า เป็นการเห็นพ้องต้องกันของสส.พรรค เป็นส่วนของพรรคอย่างแท้จริง แต่ นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เป็น สส. จึงยังไม่เคยเข้ามาประชุมร่วมกับ สส.และกระบวนการทั้งหมดเสนอชื่อจนถึงตอนนี้ นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวด้วยเลย เนื่องจากเป็นมติจากที่ประชุม สส.พรรคว่า นายอภิสิทธิ์ คือคนที่เหมาะสมเท่านั้น
กกต.ขีดเส้น’อนค.’แจงเงินกู้2ธค.
วันเดียวกัน สำนักประชาสัมพันธ์สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารข่าวชี้แจงว่า ตามที่ กกต.ได้ประชุมพิจารณาสำนวนการสืบสวน กรณีมีผู้กล่าวหาว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้พรรคอนค.กู้ยืมเงินตัวเอง 191ล้านบาท ถือเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามมาตรา66 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ(พรป.)รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 โดยได้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10ล้านบาท ต่อพรรคการเมืองต่อปีและกกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้พรรค อนค.ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาเพื่อประกอบการพิจารณาการกู้ยืมเงินของพรรคอนค.เพิ่มเติมตามข่าวสำนักงาน กกต.ที่104/2562 ลงวันที่ 19พฤศจิกายน2562แล้วนั้น ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 27พฤศจิกายน สำนักงาน กกต.ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงว่า พรรคอนค.ได้มีหนังสือจัดส่งเอกสารบางส่วนแล้ว แต่ขอขยายเวลาจัดส่งเอกสารบางส่วนต่อ กกต.ออกไปอีก 120 วัน ในการประชุมกกต.เมื่อวันที่ 26พฤศจิกายน2562 ทาง กกต.ได้รับทราบการจัดส่งเอกสารบางส่วนของพรรคอนค.ข้างต้นแล้วและได้มีมติให้ขยายเวลาจัดส่งเอกสารที่เหลือ โดยให้พรรคอนค.จัดส่งเอกสารดังกล่าวภายในวันจันทร์ที่ 2ธันวาคม 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี