เตือนสติสส.รบ.-ฝ่ายค้าน
ผลาญครั้งละ2ล.
ประชุมสภาล่ม/เลอะเทอะ
หมอระวีห่วงทำปชช.เบื่อ
จี้ให้ทำงานคุ้มค่าเงินภาษี
บิ๊กตู่ยันรัฐบาลเหนียวแน่น
ธนาธรลาออกกมธ.งบฯ
“หมอระวี” สุดทน สภาล่ม! ผลาญเงินภาษีครั้งละ 2 ล้าน เตือนสติสส.ทั้ง “ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน” ทำงานให้คุ้มค่าเงินภาษี ปชช.อย่าใช้สภาต่อรองเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ห่วงจะทำปชช.เบื่อหน่ายด้าน “บิ๊กตู่” ควงแขน “จุรินทร์-เฉลิมชัย” ค่ายประชาธิปัตย์ ยืนยันความเหนียวแน่นในรัฐบาล ขณะ “บิ๊กป้อม” การันตีอยู่ยาว 4 ปีส่วน “วิษณุ” ย้ำชัด ไม่จำเป็นต้องตั้ง กมธ. ศึกษาผลกระทบ ม.44ธนาธรลาออกจากกมธ.งบฯทุกตำแหน่ง เตรียมไปลุยนอกสภาเต็มตัว
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงปัญหาสภาล่ม 2 ครั้งจากกรณีฝ่ายค้านวอล์กเอาท์เนื่องจากไม่พอใจที่รัฐบาลเสนอญัตติให้นับคะแนนใหม่ หลังจากพ่ายแพ้ผลโหวต ในการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ศึกษาผลกระทบการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นการเล่นเกมทางการเมืองมากเกินไปทั้ง 2 ฝ่าย ไม่เป็นประโยชน์ ทำให้การทำงานของสภาฯต้องหยุดชะงัก จึงอยากให้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ทบทวนบทบาทของตัวเองเสียใหม่ เพื่อไม่ให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา และเบื่อหน่ายนักการเมืองมากไปกว่านี้
“ผมคิดว่าถ้ารัฐบาลยอมถอย ให้มีการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้อำนาจ ตามมาตรา44 ฝ่ายค้าน ก็ต้องมีคำมั่นสัญญาว่าจะใช้กรรมาธิการเพื่อการศึกษาจริงๆไม่ใช่นำกรรมาธิการมาเล่นเกมการเมืองแบบ กมธ.ป.ป.ช.ชุดที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน ที่มีการเชิญ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯไปชี้แจงแบบไม่สมเหตุสมผล จนเกิดความวุ่นวาย ลุกลามกลายเป็นความขัดแย้ง”นพ.ระวี กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสการต่อรองตำแหน่ง กมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสาเหตุที่ทำให้สภาล่ม 2 ครั้งติดด้วยหรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า หากเป็นแบบที่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคมีการต่อรองจริงก็ขอให้ยุติอย่าดึงสภาทั้งสภามาเล่นเกมการเมือง และทำให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปไม่ได้ เพราะการประชุมในแต่ละครั้งต้องสูญเสียงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนเป็นจำนวนเงินกว่า 2 ล้านบาท ที่ต้องจ่ายเป็นค่าเดินทางของสมาชิกทั้ง 500 คน ยังไม่รวมถึงค่าอาหารและการจัดประชุมในแต่ละวันด้วย
บิ๊กตู่ยันรัฐบาลเหนียวแน่น
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศรอยร้าวที่เกิดขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ ที่สืบเนื่องมาจากเสียงรัฐบาลแพ้โหวตในสภา จากญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบคำสั่งคณะรักษาความสุขแห่งชาติ (คสช.) มาตรา 44 จนทำให้เกิดกระแสข่าวว่าผู้ใหญ่ในรัฐบาลไม่สบายใจ จนได้มีการกำชับวิปรัฐบาลว่าจากนี้ไปเสียงโหวตในสภาจะแพ้ฝ่ายค้านไม่ได้
โดยเมื่อเวลา 09.30น.ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “THAILAND RUBBER EXPO 2019”ที่อิมแพ็คเอ็กซิบิชั่น ฮอล์ 5 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานีได้พูดคุยกับนาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เลขา ปชป. โดยมี พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั่งอยู่ข้างๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้าเคร่งเครียด คาดว่า มีการหยิบยกประเด็นเสียงของรัฐบาลแตกจนทำให้สภาล่มซ้ำซากถึง 2 ครั้งมาหารือ รวมทั้งวิจารณ์การทำงานของรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของพรรคร่วมรัฐบาล
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เรากำลังเผชิญหน้าปัญหาเศรษฐกิจซึ่งประสบปัญหากันทั้งโลกและภูมิภาค ไม่มีประเทศไหนที่บอกว่าเศรษฐกิจดีเลย เพราะเป็นปัญหาห่วงโซ่ทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นการค้าการลงทุน และอุตสาหกรรม สิ่งสำคัญที่สุดโลกกำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่เข้าสู่ยุคดิจิทัลออนไลน์ ดังนั้น เราต้องให้ความสำคัญทุกเรื่อง วันนี้เราต้องร่วมมือกันเพื่อเร่งทุกภาคส่วนสร้างงานใหม่ แก้ปัญหาเรื่องคนตกงาน ดังนั้น ขอให้ทุกคนเชื่อใจและร่วมมือกันสร้างเสถียรภาพของประเทศ ของรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุดในเวลานี้เท่านั้น ไม่เช่นนั้นปัญหาแก้ไม่ได้เพราะต้องแก้ด้วยทางรัฐบาลเอกชนภาคธุรกิจและประชาชนและมิตรประเทศทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน
ฝากให้ทุกคนต้องช่วยกัน
“ขอฝากพวกเราทุกคนช่วยกันทำความเข้าใจไว้ด้วย เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตราบใดที่เรามีความสุข แต่ยังเห็นคนอื่นไม่มีความสุข เรากินข้าวอิ่ม แต่เขายังกินไม่อิ่ม แล้วเราจะกินลงหรือ เพราะฉะนั้นขอให้คิดถึงคนอื่นมากๆ ถือเป็นหัวใจการทำงานของรัฐบาล ราชการและหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งหมดจะต้องนึกถึงคำที่ผมพูด เพราะการเป็นประชากรโลกที่ต้องสร้างคุณประโยชน์ให้กับผืนแผ่นดิน พื้นน้ำ และอากาศที่เราอาศัยอยู่ เกิดเหตุการณ์หรือผลกระทบอะไรขึ้นก็จะเกี่ยวพันถึงทุกคนทั้งประเทศ ผมขอพูดเพราะนอกเรื่องสักนิด ช่วงนี้เป็นช่วงแห่งความเข้าใจเป็นช่วงการสร้างมิตรภาพระหว่างกัน วันนี้ก็มีรัฐมนตรีมาจากหลายกระทรวงด้วยกันยืนยันว่าเรายังมีเสถียรภาพอยู่ทุกอย่างอย่ากังวลเสียงของรัฐบาลขอให้ทุกคนได้มั่นใจว่าตนในฐานะที่เป็นผู้นำก็จะทำเต็มที่และจะพัฒนาเรื่องยางให้เต็มที่เช่นกัน มีอุปสรรคปัญหาตรงไหนจะเร่งแก้ไขให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นพล.ประยุทธ์ เดินเยี่ยมชมบูธกิจกรรมภายในงานซึ่งระหว่างเยี่ยมชม เป็นที่น่าสังเกตว่าพล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกนายจุรินทร์ นายเฉลิมชัย พร้อม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ให้มาเดินอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลาเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น แม้กระทั่งในช่วงของการถ่ายภาพก็ยังคงเรียกให้สมาชิกทั้งหมดมาร่วมถ่ายภาพด้วยตลอดเวลา
ก่อนที่ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้จับมือกันเพื่อนำพาประเทศชาติไปในทิศทางที่สวยงามเราต้องร่วมมือกัน
ยืนยันรัฐบาลเหนียมแน่น
อย่างไรก็ตาม ก่อนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวได้เชิญพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อมาให้สัมภาษณ์ โดยเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ถามว่ามีอะไร ผู้สื่อข่าวจึงได้ถามว่า มีเสียงวิจารณ์อย่างหนัก ถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล วันนี้ยังมีความเหนียวแน่นอยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับหยุด พร้อมกับควงแขนนายจุรินทร์ เข้ามายืนใกล้ๆ รวมถึงนายเฉลิมชัย พร้อมกับกล่าวว่า วันนี้มากันครบ ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องการเมืองก็ว่ากันไป ตนคิดว่าทุกคนทุกพรรคมองประเทศชาติเป็นหลักอยู่แล้ว ก็อย่างว่าเป็นเรื่องของคนหมู่มาก ก็หาวิธีการกันต่อไป อย่าไปมองเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
เมื่อถามว่า การทำงานงานร่วมกันด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า “ที่เดินอยู่ด้วยกันนี้ ก็เศรษฐกิจไม่ใช่หรือ” เมื่อถามย้ำว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่นอยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ยิ่งกว่าเหนียวอีก” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ส่งยิ้มก่อนเดินทางกลับ
“จุรินทร์”ยันไม่กระทบ รบ.
ประเด็นดังกล่าว นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้า ปชป.กล่าวว่าถึงการทำงานภายในสภาฯ ของพรรคร่วมรัฐบาล ภายหลังเหตุสภาฯ ล่มถึง 2ครั้งว่าเสถียรภาพของสภาฯ นั้นขึ้นอยู่สองส่วน หนึ่งคือเสถียรภาพการในการทำงานร่วมกันภายในคณะรัฐมนตรี(ครม.)ตนยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรขณะที่ทีมเศรษฐกิจก็ยังทำงานร่วมกันได้ดีนายกฯก็นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานประชุมในภาพรวมและสองคือ ราเป็นระบบรัฐสภา โดยเสียงข้างมากในสภาฯ มีความสำคัญต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เราไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี ที่แพ้หรือชนะ แล้วเสียงจะไม่มีผลต่อประธานาธิบดี แต่ในระบบของเรา รัฐบาลจะอยู่ได้ก็ขึ้นอยู่กับเสียงข้างมากในสภาฯ
ฉะนั้นเสียงของรัฐบาลจึงสำคัญและกลไกวิปในสภา ก็มีความสำคัญด้วยที่จะต้องทำหน้าที่ในการรวบรวมเสียง เมื่อมีการโหวตเรื่องสำคัญแต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องเช่นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2563 อันนี้ถ้าไม่ผ่าน ก็มีผลกระทบต่อเสถียรภาพ หรือ กฎหมายที่รัฐบาลเป็นผู้เสนอ ถ้าไม่ผ่านรัฐบาล ต้องตัดสินใจทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะถือว่าแพ้เสียงในสภารัฐบาลก็ถือว่าอยู่ยาก แต่ถ้าเป็นเรื่องทั่วไป อาจจะมีผลบ้าง คือ กระทบทางอ้อม ไม่ใช่กระทบโดยตรง ไม่ได้มีผลจะให้รัฐบาลอยู่ได้ หรือไม่ได้
เช่นญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ(กมธ.)พิจารณาศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 เป็นญัตติของสภาฯ ไม่ใช่รัฐบาล จะแพ้ชนะหรือใครมากกว่าใคร ก็ไม่ได้มีผลกระทบโดยตรง แต่อาจจะมีการนำมาตีความข้างเคียงกับการเมืองได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล ต้องช่วยกันทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพในสภาฯ
เตรียมคุย 6 ผู้แทน ปชป.
“รัฐบาลนี้ผมเข้าใจและเห็นใจเพราะว่าเสียงมันปริ่มน้ำตั้งแต่ต้น ตอนนี้สภาฯ มีผู้แทน 500 คน เป็นเสียงรัฐบาลที่เป็นทางการ 254 เสียง ก็เกินมานิดเดียวก็อาจจะกระท่อนกระแท่นบ้างบางส่วน แต่เราต้องมาดูว่า อันไหนที่กระทบเสถียรภาพโดยตรง อันไหนโดยอ้อม หรืออันไหนเป็นเรื่องของสภาฯ ถ้าเราแยกแยะได้เราก็จะเข้าใจ” นายจุรินทร์ กล่าว
เมื่อถามว่ามี 6 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์โหวตหนุนฝ่ายค้าน ในการตั้งกมธ.ศึกษากระทบจากม.44 นายกฯ ได้สอบถามหรือแนะนำอะไรหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า วิปของพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องไปพูดคุยกันเพราะมีหน้าที่จะต้องไปทำความเข้าใจและเป็นผู้รวบรวมเสียงในสภาฯ ในส่วนของพรรค ปชป.ซึ่งนายกฯ ไม่ได้ถามอะไร ท่านบอกว่าไม่มีปัญหา ท่านเข้าใจอยู่แล้ว ท่านก็พูดคำสองคำ ก่อนขึ้นเปิดงานบนเวทีเท่านั้น ท่านไม่ได้ขอร้องอะไร เพียงแต่เปรยขึ้นมา
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีคนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังเล่นเกมการเมืองกันอยู่ นายจุรินทร์ปัดตอบ ก่อนกล่าวเพียงว่า ตนคิดว่าทุกพรรคต้องช่วยกันในการรวบรวมเสียงเป็นภาระหน้าที่ร่วมกัน สำหรับการทำงานร่วมกันในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ในระบบรัฐสภา ทุกเสียงในสภาฯ จึงมีความสำคัญ
‘บิ๊กป้อม’ยันรัฐบาลหนังเหนียว
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมสภาล่มติดต่อกัน 2 วัน ต้องกำชับทางพรรคร่วมรัฐบาลอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ว่า อยู่ที่สปิริตของส.ส. เป็นเรื่องของบุคคล เพราะในเรื่องพรรคการเมืองเราก็พูดคุยกันหมดแล้ว
เมื่อถามว่าต้องให้วิปรัฐบาลไปต่อรองหรือไม่ หากการพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและผลกระทบจากการใช้ประกาศ คำสั่งของ คสช.และ คำสั่งหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44ไม่จบก็ไม่สามารถพิจารณาตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า”ไม่ต้องไปต่อรองอะไร เพราะมันต้องผ่าน ไม่มีอะไร รอดูอาทิตย์หน้าเขาก็ประชุมใหม่”
เมื่อถามว่าต้องนัดแกนนำรัฐบาลเพื่อหารือเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แกนนำเจอกันตลอดเวลาอยู่แล้ว เป็นเรื่องส่วนบุคคล เราจะไปตามทั้ง250คนไม่ได้
เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวจะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลเสียหายหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่เสีย รัฐบาลยังมั่นคงอยู่ ส่วนหากสัปดาห์หน้าการประชุมล่มเป็นครั้งที่ 3 จะทำอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า “อย่าไปคิดอย่างนั้น ว่าจะล่มหรือไม่ล่ม”
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวนายกรัฐมนตรีได้สั่งวิปรัฐบาลไม่ให้ กมธ. ศึกษาผลกระทบมาตรา 44 ผ่านจริงหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ความจริงเสียงมันปริ่มๆ คนไม่เห็นด้วยไม่กี่คน ก็เดี๋ยวรอดูกัน เดี๋ยวเขาคงคิดดูใหม่เอาใหม่ ส่วนในมุมมองตนเห็นว่าควรตั้งหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ เป็นเรื่องของสภา
ยืนยันรัฐบาลอยู่ยาวครบ4ปี
เมื่อถามว่าการที่สภาล่มติดต่อกัน2ครั้งจะเป็นสัญญาณอุปสรรคในการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า”ไม่เป็น อยู่ร่วมกันอยู่แล้วและยืนยันว่าอยู่ครบ 4 ปี” ต่อข้อถามว่ามีคำถามว่ารัฐบาลแพ้โหวตในสภาแล้วแต่ไม่ยอมแพ้ในอนาคตจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า“มันไม่แพ้แล้ว คิดกันคนละอย่างคุณคิดว่าแพ้ แต่ผมคิดว่าไม่แพ้”
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมีแนวโน้มเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลออกไป จะเป็นผลดีต่อรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นผลดี หรือผลเสีย ไม่รู้ว่าเขาจะยื่นเรื่องอะไรบ้าง ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตอบ ส่วนจะยื่นเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น เราทำทุกอย่างตามกฎหมาย ตามขั้นตอน ในเรื่องของการบริหารไม่น่าเป็นห่วงอะไร
วิษณุไม่เห็นด้วยตั้งกมธ.ศึกษา ม.44
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่สภาฯล่มสองวันติดต่อกัน จะกลายเป็นปัญหาต่อไปในอนาคตหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าตนไม่ขอตอบ แต่นายชวน หลีกภัย สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี เคยระบุว่าไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อยหน้าที่รักษาองค์ประชุมให้ครบเป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้านจะเดินออกเดินเข้าถือเป็นสิทธิของเขา
เมื่อถามว่า เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแล้วจะต้องแสดงความรับผิดชอบอะไรหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า แล้วแต่เรื่อง ถ้าเรื่องใหญ่ต้องรับผิดชอบ ถ้าเรื่องธรรมดาปกติเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปรับผิดชอบอะไรมากกว่านี้ เช่น การเสนอกฎหมายถือเป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ แต่ครั้งนี้เป็นญัตติธรรมดา อีกทั้งเป็นญัตติฝ่ายค้านด้วย และตอนนี้คำสั่งและประกาศตามมาตรา 44 เหลือไม่กี่ฉบับ ความเห็นที่ไม่ควรตั้ง กมธ.ชุดนี้ขึ้นมา เพราะสามารถส่งไปยัง กมธ.สามัญชุดต่างๆได้และน่าจะดีกว่า เพราะมันจะลึกกว่าการเข้า กมธ.วิสามัญเพียงชุดเดียว
เมื่อถามย้ำว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.ชุดนี้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ครับ คือผมมองว่าไม่จำเป็น” และความเห็นของตนไม่เกี่ยวกับการจะเรียกนายกฯหรือใครไปชี้แจง เพราะชุดไหนก็เรียกได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี